เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 199 เจียงเฉิงหัวเราะอย่างขมขื่น
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 199 เจียงเฉิงหัวเราะอย่างขมขื่น
บทที่ 199 เจียงเฉิงหัวเราะอย่างขมขื่น
เจียงหว่านเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่เห็นเสี่ยวเสวี่ย เธอหันมองผิงอัน ก็เห็นว่ามีบางอย่างขยับอยู่ในเสื้อ
หญิงสาวอดยิ้มออกมาไม่ได้จริง ๆ “เอามันออกมาเถอะ เดี๋ยวมันจะหายใจไม่ออกซะก่อน”
ผิงอันส่งเสียง ‘โอ้’ และมองเธอด้วยความขุ่นเคือง “ทำไมคุณถึงเดินมาเงียบ ๆ แอบฟังคนอื่นเขาคุยกันล่ะ”
เจียงหว่านเลิกคิ้ว “ฉันไม่ได้แอบฟัง ฉันฟังอย่างเปิดเผยต่างหาก”
“นี่บ้านของฉัน ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านรึไง”
ผิงอันหยิบเสี่ยวเสวี่ยออกมา เหลือบมองเธอ แล้วถามห้วน ๆ
“แล้วคุณล่ะยังอยากให้ผมอยู่ด้วยไหมเนี่ย? เราเป็นคนในครอบครัวเดียวกันหรือเปล่า?!”
“ไม่ใช่ว่าผมไม่พอใจนะ และถ้าคุณไม่ใจร้ายขนาดนั้น ผมก็คงจะพยายามปกป้องคุณให้ดีที่สุด!”
เจียงหว่านไม่ได้ตอบ เธอดึงเก้าอี้มา แล้วนั่งลง จ้องมองเด็กชายด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ ก่อนจะพูดว่า
“ข่าวดีหรือข่าวร้าย อยากฟังเรื่องไหนก่อน?”
ผิงอันกะพริบตาสองสามครั้ง “ฟังข่าวร้ายก่อน พ่อบอกว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะอดทนต่อความยากลำบาก ขมก่อนแล้วค่อยหวาน!”
เจียงหว่านประหลาดใจ เด็กคนนี้ช่างเป็นผู้ชายที่ทะเยอทะยานจริง ๆ
เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ข่าวร้ายก็คือ ฉันไม่สามารถอยู่กับเธอได้ไปอีกสักพัก พ่อเธอต้องมีใครสักคนคอยดูแล ลุงเจียงของเธอยื่นคำร้องพิเศษให้ ฉันต้องไปอยู่ที่ฟาร์มเพื่อดูแลพ่อของเธอ”
“ถ้าคุณไม่เต็มใจก็ไม่ต้องมาดูแลผมหรอก!”
จู่ ๆ ผิงอันก็รู้สึกน้อยใจ เขาหันหน้าหนี และแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
“ผมชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว”
“คุณไปดูแลพ่อเถอะ แค่มีเสี่ยวเสวี่ยอยู่ข้าง ๆ ก็พอแล้ว”
เขาพูดออกมาได้สบาย ๆ แต่เจียงหว่านกลับรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่สั่นเทาลึก ๆ ของเด็กชาย
เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นไร้กังวล และรับฟังเป็นอย่างดี เจียงหว่านก็รู้สึกใจเสียเล็กน้อย
สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นแค่เด็กวัยห้าขวบ เป็นวัยที่ต้องการความรักจากพ่อแม่มากที่สุด
แต่โชคไม่เข้าข้างผิงอันเลย
เจียงหว่านเอื้อมมือไปดึงเด็กชาย แล้วพูดว่า “มาฟังข่าวดีกันดีกว่า”
ผิงอันเหมือนจะไม่สนใจข่าวดีอะไรนั่นอีกต่อไปแล้ว เขาพึมพำอย่างเหม่อลอย แล้วดวงตาแดงก่ำ
ดูเหมือนจะพยายามอย่างหนักที่จะไม่ร้องไห้
เจียงหว่านยิ้ม และบีบแก้มเล็ก ๆ ของเขา
ผิงอันตะโกนด้วยความโกรธ “ผมไม่ชอบ!”
เขาสะบัดมือเจียงหว่ายอย่างรำคาญ และถือโอกาสดึงแขนเสื้อมาเช็ดน้ำตาออก
เจียงหว่านพูดต่อว่า “ข่าวดีคือ เธอจะไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะเธอต้องกลับไปที่บ้านพักทหาร ไปอยู่กับเจียงเฉิง”
“และแน่นอนว่า เธอไม่ใช่เด็กคนเดียวที่จะอยู่ที่นั่น ยังมีเด็กอีกคนที่ต้องการให้เธอปกป้องด้วย!”
ผิงอันไม่เข้าใจ “มีเด็กอีกคนเหรอ ใคร? ลุงเจียงเพิ่งพาเขามาเหรอ?”
เจียงหว่านอารมณ์ดี “เถียนเถียน เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอไง แม่ของเด็กคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่กองทัพเชิญมาน่ะ เถียนเถียนเลยต้องไปอยู่กับลุงเจียงเฉิง”
“ดังนั้น เธอต้องดูแลเถียนเถียน แล้วไปกลับโรงเรียนกับเด็กคนนั้นนะ”
ผิงอันอ้ำอึ้ง เขาใช้เวลานานกว่าจะได้สติกลับมา “อา… เถียนเถียนเหรอ? ที่คุณหมายถึง ให้ผมอยู่กับเถียนเถียน!”
เจียงหว่านยิ้ม และพยักหน้า
ผิงอันรู้สึกเบิกบานขึ้นมาทันที เขากำมือเล็ก ๆ ของตัวเองเป็นหมัด และชูขึ้นที่หน้าอกอย่างดีใจ ดวงตาของเด็กชายสดใส ใบหน้าเล็ก ๆ ก็เปล่งประกายความตื่นเต้น
เมื่อเจียงหว่านเห็นอย่างนั้น เธอก็ยิ้ม เด็กคนนี้เพิ่งจะร้องไห้เพราะต้องอยู่ห่างจากพวกเธอแท้ ๆ
ตอนนี้พอรู้ว่าจะได้อยู่กับเถียนเถียน ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยนะ
ผิงอันลุกขึ้นยืนอย่างกระตือรือร้น จะพาเจียงหว่านกลับค่ายทหาร
แต่เจียงหว่านพูดอย่างหดหู่ “ค่อยไปพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนก็ได้ ทำไมถึงรีบขนาดนี้เล่า!”
ผิงอันส่ายหัว “ถ้ากลับไปตอนนี้ พรุ่งนี้ผมก็จะได้ไปโรงเรียนกับเถียนเถียน!”
“แต่ไม่รู้ว่าเถียนเถียนจะชอบเสี่ยวเสวี่ยรึเปล่า”
ใจของเจียงหว่านกระตุกวาบ และจู่ ๆ เธอก็อยากจะล้อเลียนเขา จึงถามด้วยรอยยิ้ม
“แล้วถ้าเถียนเถียนไม่ชอบเสี่ยวเสวี่ยล่ะ?”
ผิงอันตกตะลึง เกาหัวอย่างฉุนเฉียว แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ผมจะเก็บเสี่ยวเสวี่ยไว้ที่บ้านของเรา!”
“ผมคอยมาให้อาหารมันก็ได้!”
เจียงหว่านพูดอีกครั้ง “แล้วถ้าเถียนเถียนอยากกินเสี่ยวเสวี่ยล่ะ!”
สีหน้าของผิงอันเปลี่ยนไป เขากอดเสี่ยวเสวี่ยโดยสัญชาตญาณ กัดริมฝีปากแน่น แล้วถามด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยเอาเสี่ยวเสวี่ยไปที่ฟาร์มได้ไหม? ที่นั่นต้องมีไก่เยอะแน่ ๆ!”
“มีอีกตัวคงไม่มากเกินไปใช่ไหม?”
เจียงหว่านถอนหายใจเบา ๆ ยื่นมือออกไปลูบหัวเด็กน้อย และเลิกหยอกล้อเขา
“เอาล่ะ ถ้าเอาไว้ไม่ได้ก็ส่งไปที่ฟาร์มละกัน ฉันจะเลี้ยงให้”
ผิงอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แท้จริงแล้ว เด็กคนนี้แค่ขาดการดูแลเอาใจใส่มาตั้งแต่เด็ก จึงเป็นคนหัวรั้นหน่อย ๆ และไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกยังไง
แต่เนื้อแท้เขาเป็นคนจิตใจดีมาก
เจียงหว่านหันหลังกลับไปเก็บข้าวของ และขี่จักรยานกลับเขตค่ายทหารท่ามกลางความมืด
เถียนเถียนอาศัยอยู่บ้านเจียงเฉิงมาสักพักแล้ว
เมื่อผิงอันมาถึง เขาก็เคาะประตูบ้านเจียงเฉิง และเมื่อเห็นว่าเถียนเถียนอยู่ที่นี่ ผิงอันก็หัวเราะอย่างดีใจ
เด็กชายก้าวไปข้างหน้า และหยิบไข่ที่เจียงหว่านจะให้เด็กหญิงออกมา
ไข่สีน้ำตาลสองใบวางเรียงกันบนฝ่ามือแต่ละข้าง บนเปลือกมีเด็กชายและเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ถูกวาดไว้อย่างตั้งใจ
เขายื่นไข่ที่มีรูปเด็กชายตัวเล็ก ๆ อยู่บนนั้นให้เถียนเถียน
“เถียนเถียน ฉันให้”
ดวงตาสีดำสดใสของเถียนเถียนมองไปที่ไข่ด้วยความลังเล
เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“แม่บอกว่า ฉันจะรับของของคนอื่นไม่ได้”
ผิงอันโบกมือ “ไม่ ๆ ฉันไม่ใช่คนอื่นนะ ฉันจะอยู่กับเธอต่อจากนี้ไป เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
หลังจากหยุดไปพักนึง เด็กชายก็พูดขึ้นมา “เราคือครอบครัว”
ขณะที่พูด เขาก็ยัดไข่เข้าไปในอ้อมแขนของเถียนเถียน
แต่เถียนเถียนรีบผลักออกไป “ไม่ ฉันรับไว้ไม่ได้!”
ผิงอันยัดมันลงไปอีก แต่เถียนเถียนก็ผลักมันออกไปจนไข่ตกลงไปบนพื้น แล้วกระทบกัน
แม้ว่ามันจะสุกแล้ว แต่พอตกพื้นเปลือกบางส่วนก็แตก และส่วนที่เปลือกไข่หลุดออก ไข่ขาวก็โผล่ออกมา และเปื้อนฝุ่น
ผิงอันเห็นอย่างนั้นก็กระอักกระอ่วน รีบก้มลงไปหยิบไข่ขึ้นมาถือมันไว้ในมือ เด็กชายรู้สึกเสียใจมาก
เจียงหว่านมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกอึดอัดเมื่อ เธอลดน้ำเสียงลงและพูดว่า
“ไม่ต้องกลัวนะเเถียนเถียน ผิงอันมีเจตนาดี เขาจะอยู่ที่นี่กับเธอ และจะดูแลเธออย่างดีเลยล่ะ”
เมื่อเถียนเถียนได้ยินอย่างนั้น แทนที่จะสบายใจ เด็กหญิงกลับยิ่งถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความตื่นตระหนก
ดวงตาโตสีดำคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตา เธอพึมพำด้วยความคับข้องใจ และหวาดกลัว
“หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูไม่รู้ว่ามันจะร่วง!”
เมื่อเห็นอย่างนั้น เจียงหว่านก็ทำได้เพียงปลอบใจ “ไม่เป็นไร ๆ …”
เจียงหว่านไม่ทันจะพูดจบ เถียนเถียนก็แบะปาก ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา
เจียงเฉิงรีบปลอบใจเธอ และเถียนเถียนก็หันไปกอดต้นขาของเจียงเฉิง แล้วร้องไห้
เจียงหว่านกับผิงอันทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะผิงอัน เขารู้สึกเสียใจมาก
เขารีบหยิบไข่อีกใบออกมาเช็ด ๆ ถู ๆ บนเสื้อของตัวเอง แล้วส่งให้เถียนเถียนใหม่
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจะกินอันที่แตกเอง ส่วนเธอเอาอันนี้ไป!”
เถียนเถียนผละหน้ามามอง และเป็นเจียงเฉิงที่หยิบไข่ขึ้นมา เขากระซิบข้างหูของเด็กหญิงว่า
“นั่นพี่ผิงอัน อนาคตเราต้องอยู่ด้วยกัน เธอไม่ต้องกลัวนะ แม่ของเธอยุ่งอยู่กับงาน ดูแลเธอไม่ได้ ผิงอันจะปกป้องเธอแทนแม่และลุงเอง!”
เถียนเถียนค่อย ๆ หยุดร้องไห้ เงยหน้ามองเจียงเฉิง แล้วมองไปที่ไข่ในมือเขา แม้ว่าเธอจะรู้สึกรังเกียจ แต่ก็รับมันไว้อย่างเชื่อฟัง
พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ขอบคุณค่ะลุงเจียง ขอบคุณค่ะพี่ผิงอัน!”
เมื่อเห็นเถียนเถียนรับไข่ไป เจียงเฉิงก็ยิ้มออกมา
เขาพูดกับเจียงหว่าน “เถียนเถียนเพิ่งมาถึงน่ะ เธอขี้อายนิดหน่อย เดี๋ยวก็คงค่อย ๆ สนิทล่ะนะ?”
“แต่ดูเจ้าเด็กผิงอันคนนี้สิ รู้จักวิธีมอบของขวัญให้ผู้หญิงด้วย ประหลาดใจจริง ๆ!”
เจียงหว่านยิ้มบางเบา “ฉันเองก็คาดไม่ถึง ลูกชายของฉันอายุแค่ห้าขวบแต่รู้วิธีเอาใจสาว ๆ แล้วนะเนี่ย”
เจียงเฉิงถอนหายใจ “คาดไม่ถึงจริง ๆ เขาเก่งกว่าผมเยอะเลย ผมยังไม่มีคนรักด้วยซ้ำ”
“เห็นทีผมคงต้องเรียนรู้จากผิงอันแล้วล่ะ”
เจียงหว่านดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ และพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ช่วงนี้คงต้องรบกวนคุณช่วยดูแลผิงอันหน่อย”
เจียงหว่านนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างจริงจัง “ถ้าคุณมีเวลา คุณใส่ใจเด็กสองคนนี้ขึ้นหน่อยนะ ฉันกลัวว่าความแข็งกระด้างของผิงอันจะทำให้เถียนเถียนไม่เข้าใจ”
เจียงเฉิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเมื่อสังเกตเห็นความจริงจังในตาของเจียงหว่าน เขาก็พูดตอบรับอย่างหนักแน่น “ไม่ต้องห่วง ผมก็เป็นลุงของเขาเหมือนกัน”
“คุณน่ะเอาเวลาไปกังวลเรื่องเหล่าเฉียวเถอะ”
เจียงหว่านหัวเราะ “ไม่ต้องห่วง ฉันจะทรมานเขาอย่างดีเลยล่ะ”
แต่เจียงเฉิงคิดว่าเจียงหว่านล้อเล่น จึงไม่ได้คิดจริงจังกับเรื่องนี้
หลังจากกลับมา เจียงหว่านก็เก็บเสื้อผ้าและของใช้ เตรียมออกเดินทางเช้าวันพรุ่งนี้
แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เมื่อเปิดประตู เธอก็เห็นหลินชิงโหรวยืนอยู่ข้างนอก
“พี่อ้วน ฉันคอยมาหาเธอตลอด ได้ยินจากพี่สะใภ้เฉินว่าเธอกลับมาแล้ว แต่ฉันไม่เห็นเธอกลับมาที่บ้านเลย”
ขณะที่เธอพูด เธอก็หยิบเสื้อผ้าออกมาแล้วมอบให้เจียงหว่าน “นี่คือเสื้อผ้าที่ฉันทำตามขนาดของเธอ ลองดูสิว่ามันพอดีรึเปล่า”
เจียงหว่านประหลาดใจ “คุณทำอะไรเนี่ย?”
เสื้อผ้าสีเบจกับกางเกงขายาวสีดำทำด้วยผ้าขนสัตว์เนื้อบาง
รูปแบบค่อนข้างเรียบง่าย
แต่วัสดุพวกนี้มีราคาแพงมากในท้องตลาด เป็นชุดแบบนี้ก็น่าจะมีราคามากกว่าหนึ่งร้อยหยวนทีเดียว