เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 197 เฉียวเหลียนเฉิงกับเสิ่นหรูเหมยเป็นเพื่อนกันจริง ๆ!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 197 เฉียวเหลียนเฉิงกับเสิ่นหรูเหมยเป็นเพื่อนกันจริง ๆ!
บทที่ 197 เฉียวเหลียนเฉิงกับเสิ่นหรูเหมยเป็นเพื่อนกันจริง ๆ!
หลังจากนิ่งเงียบไป เฉียวเหลียนเฉิงก็พูดเสริม “เถียนเซี่ยงเฉียนเป็นสามีของเสิ่นหรูเหมย หลังจากที่พวกเราจากไปได้ไม่นาน ได้ยินว่าเถียนเซี่ยงเฉียนก็ป่วยแล้วเสียชีวิตไป”
“เสิ่นหรูเหมยเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สถาบันวิทยาศาสตร์ ผมคิดไม่ถึงว่าคนที่ผู้บัญชาการจ้างมาจะเป็นเธอ”
เจียงหว่านเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ศาสตราจารย์เถียนคนนั้น เป็นคนของกองทัพเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหน้า “ไม่ใช่ เขาทำการวิจัยทางชีววิทยาน่ะ และผลการวิจัยของเขาก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก คนต่างชาติพวกนั้นเลยไม่อยากให้เขากลับประเทศ เลยต้องหาทางกลับด้วยช่องทางอื่น และหน้าที่ของพวกเราก็คือไปต่างประเทศ และพาเขากลับมา”
เจียงหว่านคาดเดาบางสิ่งบางอย่างได้
ในเวลานี้เฉียวเหลียนเฉิงถามด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับเสิ่นหรูเหมยเหรอ เธอรู้จักกับผิงอันได้ยังไง”
เจียงหว่านอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างคลุมเครือ
เธอไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด เธอบอกเรื่องที่อาจารย์ใหญ่เรียกพบผู้ปกครองให้เขารู้
“ลูกชายของนายสนใจเด็กผู้หญิงคนนั้นน่ะ เท่าที่ฉันรู้มา สองสามวันนี้ เขาเก็บไข่ที่ไม่ได้กินเอาไปให้เถียนเถียนที่โรงเรียน!”
เฉียวเหลียนเฉิงหน้าชาเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เจ้าเด็กแสบคนนี้ รอผมกลับไปก่อนเถอะ ผมจะจัดการเขาเอง!”
แต่เจียงหว่านปราม“นายจะทำอะไร มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอที่เด็ก ๆ จะมีความรักน่ะ ตอนนี้พวกเขายังเด็ก มันไม่ใช่ความรักแบบหนุ่มสาวสักหน่อย พวกเขาเพียงแค่สนุกกับสิ่งที่สวยงามเท่านั้นเอง อย่ามองให้เป็นเรื่องใหญ่เลยน่า!”
เฉียวเหลียนเฉิงรีบแก้ตัว “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น เขาชอบมองเด็กผู้หญิงน่ารัก ๆ น่ะผมเข้าใจ เมื่อตอนที่ผมเป็นเด็กก็ยังชอบมองเด็กผู้หญิงสวย ๆ ในชั้นเรียนเลย”
“แต่ที่ผมโกรธเพราะว่าเจ้าเด็กคนนี้ใช้ฝ่ามือต่อยตี ทำตัวอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิง!”
“ไม่ได้การ วันหลังผมจะต้องฝึกเขา ผู้ชายทะเลาะกันก็ควรจะทะเลาะแบบผู้ชาย ไม่ว่ายังไงก็ควรจะกำหมัดต่อยกัน!”
เฉียวเหลียนเฉิงยังคงพูดต่อ ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็พลันรู้สึกว่าอุณภูมิรอบตัวลดต่ำลงเล็กน้อย
เขาหันหน้ามองด้วยความงงงวย และเห็นสีหน้าเย็นชาของเจียงหว่าน
เขาตกใจอย่างมาก เลยถามด้วยความสงสัย “หว่านหว่าน ทำไมคุณถึงโกรธอีกแล้วล่ะ!”
เขาไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย มาโกรธอะไรกันอีกเนี่ย
ทันทีที่คำพูดนั้นออกจากปากเขา เจียงหว่านก็โกรธมาก เธอถามพร้อมเลิกคิ้ว “อีก?”
เฉียวเหลียนเฉิงตระหนักได้ช้าไป เขารีบโบกมือเป็นพัลวัน
“ไม่มี ๆ ผมบอกว่า สมควรแล้วแหละที่คุณจะโกรธ”
“แต่ว่า คุณบอกผมได้ไหม ว่าคุณโกรธเรื่องอะไร”
“ผมจะได้ไตร่ตรองตัวเองไง”
เจียงหว่านยิ้มเย็น “อ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิง?”
เฉียวเหลียนเฉิงตระหนักได้ทันที และอธิบายอย่างสำนึกผิด “ไม่ใช่ ๆ ผมพูดถึงการชกต่อยของผิงอัน”
“เขาเป็นลูกผู้ชาย เมื่อต่อสู้ก็จะต้องลุยเต็มที่ และมีทัศนคติแบบลูกผู้ชาย จะใช้ฝ่ามือตีออกไป แบบนั้นก็ไม่ต่างกับผู้หญิงทะเลาะกันสิ!”
เมื่อพูดออกไป เขาก็รู้สึกว่าตนพูดผิดอีกแล้ว
ชายหนุ่มตบปากตนเองด้วยความกลุ้มใจ “หว่านหว่าน ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ!”
ดวงตาของเจียงหว่านเย็นชายิ่งขึ้น “อืม แต่งเลย นายแต่งเรื่องต่อไป วันนี้ฉันจะรอดูว่านายจะวกกลับมายังไง!”
เฉียวเหลียนเฉิงครุ่นคิดอย่างจริงจัง “ผมผิดไปแล้ว ไม่ว่าผมจะพูดอะไรก็ผิดทั้งหมด ผมไม่ควรดูถูกฝ่ามือเลย”
“การใช้ฝ่ามือตีคนที่จริงก็เข้าท่า วันหลังผมก็จะใช้เหมือนกัน!”
เจียงหว่านกระแอมเสียงต่ำ ในที่สุดคิ้วของเธอก็คลายขมวด
พอเฉียวเหลียนเฉิงเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความโล่งอก
ทว่าลมหายใจยังทันไม่ได้ราบรื่น เจียงหว่านก็ถามขึ้นอีก
“งั้นนายบอกฉันหน่อย ตอนที่นายเป็นเด็ก นายมองเด็กผู้หญิงสวย ๆ คนไหนบ้าง?”
“ฉันจำได้ว่านายกับไป๋อวี้ซิ่วเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน พอพูดแบบนี้ ตอนเป็นเด็กนายคงจะมองเธอไม่น้อยสินะ?”
เฉียวเหลียนเฉิงเครียดหนัก คิดได้ว่า ‘ยังมีหลุมใหญ่กว่ารออยู่สินะ’
คิดถึงตรงนี้ เฉียวเหลียนเฉิงก็ตบหน้าตนเองสองทีโดยไม่ได้ลังเล และพึมพำ
“หื้อ คุณพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย!”
เจียงหว่านยังคงนิ่งเงียบ ชำเลืองมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น รอคอยให้เขาเถียงข้าง ๆ คู ๆ ต่อไป
เฉียวเหลียนเฉิงยังไม่มีข้อแก้ตัวที่มีประโยชน์ใด ๆ ตอนนั้นเอง เจียงเฉิงก็เข้ามา
“เหล่าเฉียว ฉันรู้ว่านายควรมารายงานตัวแล้ว ฉันว่าจะไปรับ เลยไปยืมรถจากผู้บัญชาการมา แต่นายกลับมาซะเองเหรอเนี่ย”
เจียงเฉิงเป็นบุคคลที่เสียงดังมาก เมื่อเข้าประตูมาเขาตะโกนเสียงดัง
เฉียวเหลียนเฉิงที่เห็นเพื่อนก็รู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก ไม่ต้องคิดหาคำพูดมาปลอบภรรยาแล้ว
เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว และรีบไปคว้าแขนของเจียงเฉิง ดีใจจนพูดจาไม่รู้เรื่อง
“อาเจียง นายมาได้ไงเนี่ย ดีมาก มาตรงเวลาเผง!”
เจียงเฉิงดูสับสน และสายตาก็เหลือบไปมองเจียงหว่าน “พี่สะใภ้ก็อยู่นี่ ทำไม? นี่นายไม่รังเกียจที่ฉันเป็นก้างขวางคอแล้วเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหน้ารัว ๆ “ไม่ นายเป็นก้างขวางคอที่ไหนกัน ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก!”
เจียงเฉิงยิ้มเยาะ “พอ ๆ ฉันไม่เชื่อนายหรอก”
เมื่อเจียงเฉิงพูดถึงเธอ เจียงหว่านจึงพูดทักทาย “ฉันมาส่งเขา เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว”
พูดจบเธอก็เดินออกไปข้างนอก เตรียมจะขี่จักรยานเข้าตำบล
แต่เฉียวเหลียนเฉิงเรียกเธอไว้ก่อน “เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าคืนนี้คุณจะนอนที่นี่ แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับ”
เจียงหว่านเหลือบมองเขาอย่างเรียบเฉย “พรุ่งนี้ตอนเช้าฉันก็ต้องขี่จักรยานกลับไปคนเดียวอยู่ดี แล้วตอนนี้ผิงอันก็อยู่บ้านคนเดียวอีก”
เฉียวเหลียนเฉิงได้ยินอย่างนั้นก็เห็นด้วย ผิงอันอยู่ในตำบล ที่นั่นไม่เหมือนอยู่ในบ้านพักทหารที่จะมีคนคอยช่วยดูแล
ขณะนั้นเอง เจียงเฉิงก็พูดขึ้น “พี่สะใภ้อย่าเพิ่งไป ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“รอเดี๋ยวตอนผมกลับไป ผมจะขับรถไปส่งคุณด้วย จะได้ไม่ขี่กลับคนเดียวไง!”
เจียงหว่านไม่เข้าใจ “มีเรื่องอะไรกับฉันเหรอ?”
เจียงเฉิงตอบว่า “คุณคงจะเจอผู้เชี่ยวชาญคนใหม่พวกเราแล้ว เธอได้รับการว่าจ้างจากผู้บัญชาการโดยตรงน่ะ”
“ก่อนหน้านี้ฟาร์มของพวกเราเลี้ยงหมูไว้หลายสิบตัว แต่พวกมันป่วยตายไปตั้งครึ่งนึง”
“และยังมีลูกหมูอีกสองตัวตายขณะคลอด ผู้บัญชาการไม่มีทางเลือกเลยขอให้คนตามผู้เชี่ยวชาญเสิ่นมา”
“แต่ว่ากองทัพของพวกเราไม่มีทหารผู้หญิง ตอนนี้มีเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวอยู่ที่นี่”
“ผู้บัญชาการเลยได้รับคำสั่งจากเบื้องบน พิจารณาอาการที่แขนของเหล่าเฉียวที่จะต้องได้รับการดูแลจากคนในครอบครัว ดังนั้นคุณเลยสามารถอยู่ที่นี่ได้เป็นกรณีพิเศษ คุณสามารถอยู่ดูแลเฉียวเหลีัยนเฉิงได้ และจะได้อยู่เป็นเพื่อนกับผู้เชี่ยวชาญเสิ่นด้วย”
นี่คือสิ่งที่เจียงหว่านคิดไม่ถึง แต่เป็นสิ่งที่เธอคาดหวังจริง ๆ ไม่เช่นนั้นเธอก็ยังคงเอาแต่คิดเรื่องอาการบาดเจ็บของเฉียวเหลียนเฉิงไม่เลิก
“แล้วผิงอันจะทำยังไงล่ะ?” เจียงหว่านถามออกไป
เจียงเฉิงตอบว่า “ก็ยังมีผมไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ให้เขากับตงเซิงไปกลับโรงเรียนด้วยกันก็ได้”
“หรือว่าหลังเลิกเรียนให้ไปหาพี่สะใภ้เฉินในตำบล พอพี่สะใภ้เฉินขายเนื้อเสร็จแล้ว ก็ค่อยพาเขากลับที่พักด้วยกัน”
“อยู่ในบ้านพักผมก็ดูแลเขา วันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ผมก็จะพาเขามาส่งที่นี่ได้”
เจียงหว่านนิ่งเงียบ อย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน แต่จู่ ๆ เธอก็นึกถึงเถียนเถียนขึ้นมา
“ผู้เชี่ยวชาญเสิ่นก็กลับไม่ได้ แล้วหลังเลิกเรียนเถียนเถียนลูกของเธอไปอยู่ที่ไหนเหรอ?”
เจียงเฉิงตอบ “อยู่กับผมนั่นแหละ เพราะฉันไปรับผู้เชี่ยวชาญเสิ่น ผู้บัญชาการเลยมอบหน้าที่ให้ผมดูแลเถียนเถียน เถียนเถียนพักที่บ้านของผมมาสามวันแล้ว”
เจียงหว่านยิ้มออกมา “อย่างนี้ก็ดี ถ้าผิงอันรู้เรื่องนี้จะต้องขอไปบ้านของคุณแน่นอน”
แต่เจียงเฉิงประหลาดใจ “ผิงอันขอไปบ้าน? ทำไมเหรอ?”
เจียงหว่านยิ้มและไม่พูดอะไรอีก แต่เฉียวเหลียนเฉิงหน้าเครียด ลูกชายของตนจะโตแล้วเหรอเนี่ย ในฐานะพ่อ เขาจะต้องเตรียมป้องกันสักหน่อยแล้ว
หลังจากถ่ายทอดข้อความของผู้บัญชาการแล้ว เจียงเฉิงก็รีบกลับ
เพราะว่าจะต้องพาเจียงหว่านกลับไปด้วย และยังต้องขนจักรยานขึ้นท้ายรถ จึงต้องใช้เวลาสักครู่
พอทุกอย่างเสร็จสรรพ หลี่จ้วงจ้วงก็รีบวิ่งเข้ามาดั่งพายุ ทั้งวิ่ง ทั้งตะโกน
“ไม่ได้การแล้ว ๆ หมูตัวนั้นบินเข้ามาอีกแล้ว!”
บิน?
เจียงหว่านประหลาดใจมากกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ยังไม่ทันได้ถาม เธอก็เห็นทหารหลายคนจากในฟาร์มวิ่งออกไปด้วยความโกรธ
ทิ้งทั้งสามคนให้มึนงงอยู่ข้างหลัง