เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 193 เจียงหว่านปกป้องลูกชาย
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 193 เจียงหว่านปกป้องลูกชาย
บทที่ 193 เจียงหว่านปกป้องลูกชาย
เจียงหว่านตะคอกออกไปอย่างไม่สนใจ “งั้นทำไมคุณถึงไม่บอกเรื่องที่ลูกชายของฉันทุบตีเถี่ยหนิวก่อนหน้านี้! ก็ได้ งั้นเรามาเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น!”
เธอหันไปถามเถียนเถียน
“เธอคือเถียนเถียนใช่ไหม? ลูกชายของฉันทำที่คาดผมของเธอพังหรือเปล่า?”
เถียนเถียนเงยหน้าขึ้นมองเจียงหว่าน ก่อนจะถอยหลังออกไปสองสามก้าว แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาดำขลับคู่นั้น
“หนู หนูไม่รู้ หนูไม่รู้!”
เด็กสาวดวงตาแดงก่ำ มีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
ความน่าสงสารของสาวน้อยทำให้ผู้พบเห็นสงสารจับใจ
หากเป็นคนอื่น ไม่ว่าใครก็คงจะใจอ่อนไปแล้ว
แต่เจียงหว่านไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ หากอยากจะให้เธอยอมใจอ่อนสักเล็กน้อย อย่างน้อยคนที่ร้องไห้น่าสงสารตรงหน้าก็ควรจะต้องเป็นหนุ่มหล่อสิ
แต่สำหรับผู้หญิง ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ เธอก็ล้วนแต่มีภูมิต้านทานสูงส่ง
“ในเมื่อที่คาดผมอยู่ในมือของเธอ เธอก็ต้องรู้ว่ามันพังตอนไหน แต่การที่เธอมาบอกว่าไม่รู้ ก็มีความเป็นไปได้แค่สองอย่างเท่านั้น หนึ่งคือเธอรู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่ไม่ยอมบอก”
“และสองคือ ที่คาดผมไม่ได้พังในมือเธอ”
“ลูกชายฉันบอกว่าเห็นที่คาดผมเธอร่วง และสตรอว์เบอร์รีก็หลุดออกมา เธอเป็นคนหยิบมันขึ้นมาเอง แล้วจะไม่รู้ได้ยังไง!”
เถี่ยหนิวไม่พอใจที่เจียงหว่านพูดกับเถียนเถียนแบบนั้น เขาทำท่าจะพุ่งตัวใส่ “นังสารเลว ทำไมต้องว่าเถียนเถียนด้วย!”
เจียงหว่านหันหน้ามองเด็กชาย ก่อนจะจ้องมองเจวียนจือด้วยสายตาเย็นชา “ดูแลลูกชายเธอให้ดี อย่าปล่อยให้เขาเห่าตามใจชอบสิ!”
“เดี๋ยวฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับเธอ หลังจากเสร็จธุระกับสาวน้อยคนนี้!”
เจวียนจือหน้าแดงก่ำ “นี่เธอเปรียบลูกชายของฉันเป็นหมาได้ยังไง!”
เจียงหว่านหัวเราะ “โธ่ ก็ลูกของเธอเรียกฉันว่าหมูอ้วนไม่ใช่หรอกเหรอ? ถ้าฉันเป็นหมู งั้นเขาก็เป็นหมา จะได้เหมาะสมกันหน่อยไม่ใช่รึไง?”
“อย่าขี้เหนียวนักสิ ยิ่งเป็นเด็กก็ยิ่งต้องได้เรียนรู้นะว่า ถ้าทำยังไง ก็ต้องโดนอย่างนั้น ถ้าพูดแย่ ๆ ใส่คนอื่น ก็ต้องโดนกลับเหมือนกัน หัดเรียนรู้ไว้ตั้งแต่ตอนนี้ซะ!”
เฉินลั่วเหมยอึ้ง “…”
เจวียนจือเองก็พูดไม่ออก
ส่วนเด็กชายดิ้นเร่า “แม่! แม่อย่าไปกลัวเธอสิ จัดการเธอเลย เราอย่าไปกลัว!”
เจวียนจือโกรธมาก เขาตบหัวเถี่ยหนิวทันที “หุบปากแล้วยืนเฉย ๆ!”
เถี่ยหนิวได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้าเศร้า
เจวียนจือพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงหดหู่ “คิดว่าแม่ไม่อยากจัดการกับยัยนั่นรึไง? แม่อยากอยู่แล้ว แต่แม่เอาชนะยัยนั่นไม่ได้!”
“ไม่ใช่แค่แม่ ต่อให้พ่อกับแม่ร่วมมือกันก็ทำไม่ได้!”
เถี่ยหนิวเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัว
แม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่จ้องมองแม่ของตัวเองด้วยดวงตาแดงก่ำ และไม่กล้าพูดอะไรอีก
เจียงหว่านหันมองเถียนเถียนอีกครั้ง “บอกฉันมา ใครเป็นคนทำที่คาดผมหัก!”
เถียนเถียนตกใจจนหน้าซีด น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง
อาจารย์ใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงข้ามทนไม่ไหวอีกต่อไป “คุณแม่ผิงอัน คุณทำแบบนี้ได้ยังไง…”
“หุบปาก!”
อาจารย์ใหญ่ถึงกับตกตะลึง เธอไม่คิดมาก่อนว่าผู้ปกครองของเด็กจะกล้าตะคอกใส่ตนแบบนี้
ราวกับบอกว่าอย่าได้กล้าตั้งคำถามหรือตำหนิ!
เจียงหว่านพูดต่อ “อาจารย์ควรจะแก้ไข และสั่งสอนเด็ก สั่งสอนให้พวกเขารับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง!”
“ฉันรู้ดีว่าลูกชายของฉันเป็นคนยังไง ถ้าเขาเป็นคนทำพัง เขาจะไม่มีทางปฏิเสธแน่”
“แต่ถ้าเขาบอกว่าไม่ได้ทำ ก็คือไม่ได้ทำ”
“ทำไมคนอื่นถึงสามารถกล่าวหาเขาได้ง่ายดายนักล่ะ?”
“และเด็กที่ดูถูกพ่อแม่ของคนอื่น พูดจารุนแรง ก้าวร้าว จะเรียกว่าเด็กดีได้ยังไง!”
“อาจารย์ใหญ่ คุณกำลังลำเอียงอยู่นะคะ!”
ใบหน้าของอาจารย์ใหญ่แดงก่ำเนื่องจากถูกสั่งสอน “ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้สนใจว่าใครถูกหรือผิด แต่ฉันเห็นว่าผิงอันทำร้ายเด็กคนอื่น”
“เรื่องเด็กทะเลาะกันมันไม่ใช่เรื่องแปลกอยู่แล้ว แต่ถึงยังไงก็ไม่ควรถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกาย!”
“เด็กอายุเท่านี้แต่กลับไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ลงมือทำร้ายคนอื่นได้แล้ว ในอนาคตเขาจะไม่ฆ่าคนหรือจุดไฟเผาบ้านรึไง? พ่อแม่อย่างพวกคุณสั่งสอนลูกของตัวเองอย่างนี้เหรอ?”
อาจารย์เฉินโกรธจัดจนทุบโต๊ะเสียงดัง
ผิงอันอยู่ข้าง ๆ มองเจียงหว่านที่เปลี่ยนเป้าหมายมาทะเลาะกับอาจารย์ และดูเหมือนว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เด็กชายจึงก้าวไปด้านหน้า และดึงเสื้อเจียงหว่านเบา ๆ ขอร้องให้เธอสงบสติลง
แต่เจียงหว่านก็เอื้อมมือไปคว้าร่างของผิงอันมายืนข้าง ๆ และพูดว่า
“เฉียวผิงอันเป็นลูกชายของฉัน เขาเป็นคนมีเหตุผล อ่อนโยน และกตัญญู”
“แม่ของเขาเสียสละชีวิตเพื่อประเทศนี้”
“เขาคือลูกชายของวีรบุรุษ!”
“พวกคุณทำอะไรอยู่ตอนที่แม่ของเขาเสียสละชีวิตเพื่อประเทศของเรา?!”
“พวกคุณกำลังมีความสุขอยู่กับครอบครัวของตัวเอง อยู่ในบ้านที่อบอุ่น”
“หลังจากเขาสูญเสียแม่ไป คุณกลับปล่อยให้เด็กคนอื่นมาดูถูกเหยียดหยามเขาว่าเป็นเด็กเหลือขอไม่มีแม่คอยสั่งสอนงั้นเหรอ?”
“คุณเองยังเมินเฉยต่อการเหยียดหยามวีรบุรุษของประเทศ แต่กล้าที่จะตำหนิเราที่ปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง?”
“ฉันขอถามหน่อยเถอะว่า อย่างคุณยังเป็นอาจารย์สั่งสอนคนได้อีกเหรอ?!”
“คุณจะเป็นแบบอย่างให้คนอื่นได้อีกเหรอ?!”
“สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือ เด็กคนนั้นพูดจาดูหมิ่นวีรบุรุษที่ตายในสนามรบ ลองพาเขาไปที่ค่ายทหารแล้วให้เขาพูดมันออกมาอีกครั้งสิ!”
“ไปถามทหารในกองทัพพวกนั้นว่า พวกเขาเห็นด้วยกับคุณไหม!”
อาจารย์ใหญ่ถึงกับตื่นตระหนก
เธอเคยอ่านสมุดประวัติของผิงอันแล้ว และรู้ว่าพ่อของเด็กชายเป็นทหาร แม่คือเจียงหว่าน และก็ได้ยินจากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ของเด็กว่าเจียงหว่านเป็นเพียงแม่เลี้ยง!
แต่เธอไม่คิดมาก่อนว่า มารดาผู้ให้กำเนิดผิงอันคือวีรบุรุษที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ
อาจารย์เฉินเงียบงัน ส่วนเจวียนจือเผยสีหน้าบิดเบี้ยวออกมา
เธอเป็นคนพูดคำว่าหมูอ้วน และคนที่เธอเรียกว่าหมูอ้วนก็คือ เจียงหว่าน
ส่วนคำว่าเด็กเหลือขอแม่ไม่สั่งสอนนั้นเธอไม่รู้ว่าลูกชายไปจำมาจากไหน
แต่เธอก็มักจะจับกลุ่มนินทา ผู้หญิงมากมายในหมู่บ้านชอบมาที่บ้านของเธอ แล้วก็ซุบซิบเรื่องชาวบ้านกันหลังว่างจากงาน
และเมื่อพวกเธอเริ่มนินทาคนอื่น พวกเธอก็จะพ่นถ้อยคำที่น่ารังเกียจใส่กันอย่างสนุกสนาน
เธอไม่คิดมาก่อนว่า ลูกชายจะจำสิ่งเหล่านี้ได้
เจวียนจือรู้สึกเจ็บปวด และอดโกรธลูกชายไม่ได้
แต่เวลานี้เธออยู่นอกบ้าน และรู้ว่าตัวเองควรจะต้องกลับไปสั่งสอนลูกชายที่บ้าน
เธอจึงทำเพียงเม้มปากไว้ แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวไป
พอทุกคนเงียบ บรรยากาศในที่แห่งนี้ก็กลายเป็นอึมครึม
ขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความอึดอัด ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก
เมื่อประตูเปิดออก ผู้หญิงร่างผอมแต่ดูดีคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้านใน
ผู้หญิงคนนั้นสวมใส่ชุดเอี๊ยมเครื่องแบบของคนงานในโรงงาน
แม้จะเป็นชุดทำงานและมีรอยปะมากมาย แต่อย่างไรแล้วมันก็ดูสะอาดสะอ้าน เจ้าของชุดนี้มีความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะทุกรอยปะจะถูกเย็บเป็นรูปดอกไม้สวยงามเอาไว้
ไม่เพียงแต่ช่วยลดความโดดเด่นของรอยเย็บปะ แต่ยังเพิ่มสีสัน และเป็นเอกลักษณ์ให้กับชุดที่สวมใส่อีกด้วย
เธอเป็นคนสวย ใบหน้าได้รูป คิ้วสวย และไม่ดูเย่อหยิ่ง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์แต่ไม่อ่อนแอ
ความประทับใจแรกจากเธอคนนี้คือ ความอ่อนโยน ฉลาด สง่างาม
ผู้หญิงคนนั้นปิดประตูลง ก่อนจะหันมองเฉินลั่วเหมยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ “สวัสดีค่ะอาจารย์เฉิน ฉันเป็นแม่ของเถียนเถียนค่ะ ชื่อว่าเสิ่นหรูเหมย ขออภัยที่มาช้านะคะ”
เถียนเถียนเห็นแม่มาถึงแล้ว เธอก็วิ่งเข้าไปหาผู้เป็นแม่ ก่อนจะกอดแม่ไว้แล้วร้องไห้โฮ
เสิ่นหรูเหมยคุกเข่าลง แต่ยังไม่ได้ปลอบใจลูกสาว เพียงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วยื่นให้เด็กน้อยเช็ดน้ำตา
เวลานี้เถี่ยหนิววิ่งเข้าไปหาเสิ่นหรูเหมยอย่างกระตือรือร้น แล้วเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
เสิ่นหรูเหมยรับฟังอย่างเงียบ ๆ และเมื่อลูกสาวเริ่มสงบลง เธอก็พูดเบา ๆ แต่เด็ดขาดว่า
“จำที่แม่เคยสอนได้ไหม? ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเข้มแข็งไว้ ไม่ร้องไห้!”
เถียนเถียนเงยหน้าขึ้นมองแม่ สะอื้นเล็กน้อยก่อนจะหยุดร้อง จากนั้นหยิบที่คาดผมออกมาให้ผู้เป็นแม่ดู
“แม่คะ มันพังแล้ว”