เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 190 เจียงหว่านโกรธจริง ๆ แล้ว
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 190 เจียงหว่านโกรธจริง ๆ แล้ว
บทที่ 190 เจียงหว่านโกรธจริง ๆ แล้ว
เฉียวเหลียนเฉิงลากเจียงหว่านออกมา และยิ่งมาไกลมากเท่าไหร่ เจียงหว่านก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอเห็นแขนซ้ายของเฉียวเหลียนเฉิงที่แทบจะขยับไม่ได้ เธอก็ยิ่งโกรธ
เมื่อความโกรธพลุ่งพล่านอยู่เต็มอก เธอหยุดเดิน และดึงมือออก
เฉียวเหลียนเฉิงหันมองเธออย่างสงสัย ทำให้ได้เห็นใบหน้าที่แปลกไปของหญิงสาว
“หว่านหว่าน มีอะไรรึเปล่า?”
เจียงหว่านมองเขาอย่างเย็นชา
“ไม่ต้องมาพูดกับฉัน ฉันไม่ใช่คนของนาย ทำไมฉันต้องไปสนใจนายด้วย!”
เฉียวเหลียนเฉิงสับสน เขาทำอะไรไม่ถูก แต่แล้วก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นข้าง ๆ
“คิก ๆ ฉันไม่คิดว่าเหล่าเฉียวจะกลัวเมียขนาดนี้!”
เฉียวเหลียนเฉิงหันหน้าไปมองอย่างโกรธ ๆ ก็เห็นว่าเจียงเฉิงเดินตามมาด้วย
“ทำไมนายถึงตามฉันมา ไม่ไปส่งหลิวจวินรึไง?” ชายหนุ่มถามด้วยท่าทางรังเกียจ
เจียงเฉิงเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา “แหม อย่างน้อยฉันก็ช่วยนายไว้นะ ไม่งั้นนายคงได้ต่อสู้อย่างเมามันไปแล้ว”
“เป็นไง พอมีฉันปัญหานี้ก็แก้ได้ง่าย ๆ เลยใช่ไหมล่ะ?”
ดวงตาของเฉียวเหลียนเฉิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ที่นายพูดก็มีเหตุผล เมื่อกี้นี้ขอบใจละกัน!”
“เอ้า! ขอบคุณเสร็จแล้ว จะไปไหนก็ไป!”
เมื่อได้รับคำขอบคุณพอเป็นพิธี และปิดท้ายด้วยการขับไล่ เจียงเฉิงรู้สึกเสียใจขึ้นมา “ทำไมนายถึงรังเกียจฉันขนาดนี้เนี่ย เราเป็นสหายร่วมรบ เป็นพี่น้องที่ผ่านความตายด้วยกันมาไม่ใช่รึไง?!”
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง!”
เฉียวเหลียนเฉิงหรี่ตามอง และกัดฟันพูด “ตอนนี้ฉันเป็นคนเลี้ยงหมู และกำลังอยู่ในช่วงพักร้อน ฉันกับเมียอยากใช้เวลาด้วยกันสองต่อสอง”
ตอนนี้ภรรยาของเขาโกรธมากนะ แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงโกรธก็เถอะ
แต่มันก็ทำให้เขากังวลเรื่องการง้อภรรยามาก แล้วดูสิ! เจียงเฉิงยังเอาแต่พูดพล่ามไม่ยอมจบสิ้นสักที หมอนี่ช่างน่ารำคาญจริง ๆ!
เจียงเฉิงถามด้วยความสับสน “นายคิดว่าฉันเป็นหลอดไฟ*[1]เหรอ”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับ “ทำไม? นายคิดว่าแค่นี้ตัวเองยังสว่างไม่พอรึไง?”
เจียงเฉิงโบกมือ “ก็ได้ ๆ จะไปแล้ว ฉันแค่ตามมาบอกว่า ผู้บัญชาการเห็นกองทัพของเราเลี้ยงหมูไม่เก่ง เขาเลยจ้างผู้เชี่ยวชาญมาให้เราโดยเฉพาะ”
“พรุ่งนี้ถ้านายว่าง ไปรับผู้เชี่ยวชาญที่สถานีกับฉันด้วย”
เฉียวเหลียนเฉิงกำลังจะปฏิเสธ แต่เจียงหว่านก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“เจียงเฉิง เหล่าเฉียวกำลังพักร้อนอยู่ แขนของเขายังไม่หายดี คุณยังจะให้เขาทำงานอีกเหรอ?”
เจียงเฉิงมองเจียงหว่าน แล้วรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย
“ไม่ใช่ แค่ไปรับเฉย ๆ ผมแค่คิดว่ายังไงทั้งสองก็จะต้องได้ร่วมงานกันไปอีกสักระยะ เลยอยากให้พวกเขาสนิท ๆ กันไว้ จะได้ทำงานร่วมกันได้”
เจียงหว่านเลิกคิ้วสงสัย “ฉันขอถามว่า แล้วถ้าเขาไม่ไปล่ะ?”
เจียงเฉิงถึงกับสับสน เขามองว่าปกติแล้วเจียงหว่านเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรมากนัก แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะวันนี้
“ได้สิ ได้ เดี๋ยวผมจะไปรับเอง”
เจียงหว่านมีท่าทีอ่อนลง เธอพูดว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่สนับสนุนงานของพวกคุณนะ ถ้าเหล่าเฉียวหายดีแล้ว ฉันจะไม่ห้ามเขาเลย”
“แต่ตอนนี้เขาป่วย ต้องการพักผ่อน”
”การพักผ่อนไม่ใช่เพื่อสนองความต้องการส่วนตัว แต่มันคือการสร้างภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็ง เพื่อเขาจะได้ปกป้องประชาชนในอนาคตต่อไปได้!”
“ถึงเส้นประสาทที่แขนของเขาจะเชื่อมกันแล้ว แต่มันยังฟื้นฟูได้ไม่ดีนัก ช่วงนี้เลยสำคัญมาก”
“ถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็อย่าเพิ่งให้เขาไปเลย ได้ไหม?”
เจียงเฉิงไม่มีอะไรจะเถียง แม้เขาจะเป็นบุคคลผู้ทำงานทางการเมืองและอุดมการณ์ แต่ก็ยังไม่สามารถโต้แย้งกับหญิงสาวชาวบ้านคนนี้ได้เลย
”ได้สิ ผมเข้าใจ คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ ผมจะไปรับเขาเอง” เจียงเฉิงยิ้ม เขาหันหลังกลับอย่างร่าเริง
“พี่สะใภ้ ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ผม เจียงเฉิง ยังมีชีวิตอยู่ ผมจะไม่รบกวนวันหยุดของเหล่าเฉียวแน่นอน”
ไม่รอให้เจียงหว่านพูดอะไรอีก เขาก็วิ่งหนีไป
แถมยังทำท่ายกแขนขึ้นแล้ววิ่งเหยาะ ๆ อีก
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจากไปอย่างรู้งาน เจียงหว่านก็หันมองเฉียวเหลียนเฉิงที่กำลังมองเธออยู่ก่อนแล้ว
“มองอะไร?” เจียงหว่านเลิกคิ้วถาม น้ำเสียงไม่สบอารมณ์อย่างมาก
ใช่แล้ว ตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดีสุด ๆ และยังหงุดหงิดด้วย
เหมือนมีคำว่า ‘ไม่พอใจ’ เขียนไว้บนใบหน้าของเธอ
เฉียวเหลียนเฉิงยกยิ้มมุมปาก “ก็มองว่า ภรรยาของผมสวยขนาดไหนน่ะสิ”
เจียงหว่านตะคอกกลับอย่างเหลืออด “ไม่ต้องมาหยอกฉันแบบนี้เลยนะ สองสามวันมานี้ฉันให้นายอยู่บ้านเพื่อพักรักษาตัวดี ๆ ไม่ใช่เหรอ?”
“กลับไปทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ด้วย!”
เฉียวเหลียนเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “โถ่…ที่รัก ก็ผมอยากมาช่วยคุณนี่ ผมจะยอมให้คนอื่นรังแกคุณได้ยังไง”
เจียงหว่านตอบกลับด้วยความโกรธ “ไร้สาระ ฉันเหมือนต้องการให้นายช่วยฉันรึไง?”
“เธอไม่ได้จะฆ่าฉันสักหน่อย แต่ถ้าเธอโจมตีแขนซ้ายของนายล่ะ มันจะเกิดอะไรขึ้น?”
“ถ้าเธอฟาดแขนซ้ายของนาย มือของนายก็จะใช้การไม่ได้ และต่อจากนี้ไปนายจะกลายเป็นวีรบุรุษแขนเดียว รู้ตัวไหม?”
”นี่อาจจะเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนายเลยก็ได้นะ”
แขนซ้ายของเฉียวเหลียนเฉิงจะฟื้นตัวได้ดีหรือไม่ มันกลายเป็นความกังวลของเจียงหว่านไปซะแล้ว
มันไม่ใช่เพียงเพราะเธอใส่ใจเขา และไม่อยากให้อะไรเกิดขึ้นกับเขา
แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เจียงหว่านเป็นคนทำให้แขนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าแขนนี้ไม่ได้รับการดูแลอย่างดี เธอต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่นอน!
เธออดคิดมากไม่ได้ว่า ตอนเอากระสุนออก ทำไมเธอไม่ระวังให้มากกว่านี้ ถ้าเธอระวัง บางทีเหตุการณ์แบบนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้
ดังนั้นตอนนี้เธอจึงหวังว่า เฉียวเหลียนเฉิงจะดูแลแขนนี้ให้ดี ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าจะหย่าร้างกันหรือไม่สักนิด
เฉียวเหลียนเฉิงรับฟังอย่างตั้งใจ จริง ๆ แล้ว เขารู้สึกมีความสุขมาก
เพราะการที่เจียงหว่านเป็นแบบนี้ มันเป็นสัญญาณว่า เธอห่วงใยเขา
เธอเป็นห่วง เธอจึงกังวล และเธอถึงได้ดุเขาแบบนี้
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกดี และเต็มใจยอมรับความผิดของตน
ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงลานบ้าน เจียงหว่านไม่ได้ส่งเฉียวเหลียนเฉิงกลับ เธอพาเขาไปหาสะใภ้เฉินและคนขายเนื้อ เพื่อไปกินอาหารเย็นด้วยกัน
เดิมทีเธออยากให้อู่หยางมาด้วย แต่เมื่อไปที่สถานีตำรวจ อู่หยางกับคนอื่น ๆ ก็ออกไปสอบสวนคดีกันแล้ว และจะไม่ได้กลับมาสักระยะ
“สืบสวนคดีเหรอ? ดูเหมือนว่าจะมีคดีใหญ่อีกแล้วแฮะ” เฉียวเหลียนเฉิงพึมพำ
เจียงหว่านจ้องมองเขาอย่างโกรธ ๆ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย?”
เฉียวเหลียนเฉิงรีบโบกมือ ยอมรับความผิด “ใช่ ๆ มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย ตอนนี้ผมกำลังพักร้อน งานของผมตอนนี้คือเพิ่มพลังแขน และฝึกร่างกายใหม่ จะได้ปกป้องประเทศ ปกป้องภรรยาของผมในอนาคต แฮะ ๆ”
เจียงหว่านพยักหน้า “ก็ดีที่รู้ตัว!”
ตอนเย็น เมื่อแขกทุกคนจากไปแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงก็เข้ามาแล้วถามว่า
“ที่รัก ตอนนี้ผมเชื่อฟังทุกอย่าง และก็ไล่ไป๋อวี้ซิ่วไปแล้วด้วย ถ้าอย่างนั้นเรา…”
เจียงหว่านเลิกคิ้วถาม “นายแน่ใจนะว่าไป๋อวี้ซิ่วจะไม่มาที่นี่?”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดไม่ออก
เขาไม่แน่ใจจริง ๆ นั่นแหละ
ตามความคิดของเขา หลี่หงเหมย เฉียงเหลียนเย่และไป๋อวี้ซิ่วจะมาที่นี่อย่างแน่นอน
แต่จะช้าจะเร็วก็อีกเรื่อง!
ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้อยู่กับเมียล่ะ!
สามวันต่อมา เฉียวเหลียนเฉิงอาศัยอยู่ในตำบลกับเธอ พักฟื้นอยู่กับเจียงหว่านอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่ได้กลับไปที่ค่ายทหาร
และเหมือนว่าตอนนี้เฉียวเหลียนเฉิงก็จะทนไม่ไหวแล้ว
แม้ว่าตอนอยู่ที่นี่ เขาจะฝึกซ้อมทุกวัน
แต่ก็ต้องทำแบบไม่ให้เจียงหว่านเห็น
หลายครั้งตอนเจียงหว่านกลับมา และเห็นเขากำลังสับฟืนหรือขนน้ำ
แน่นอนว่าเขาใช้แขนขวาทั้งหมด
แต่ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ เจียงหว่านจะจ้องเขม็ง
แล้วเธอก็จะเดินมาดึงหูเขาเข้าไปในบ้านทันที
จากนั้นก็สั่งให้เฉียวเหลียนเฉิงหันหน้าเข้าหากำแพง แล้วทบทวนความผิดของตัวเอง!
ถึงอย่างยั้นเฉียวเหลียนเฉิงก็ไม่ได้โกรธเลย เขาออกจะพอใจซะด้วยซ้ำ!
ผิงอันทนดูไม่ไหว จนต้องแอบถามเฉียวเหลียนเฉิงเป็นการส่วนตัว
“พ่อ ทำไมพ่อถึงน่าสิ้นหวังขนาดนี้เนี่ย? ทั้งที่เธอโหดร้ายขนาดนั้นแท้ ๆ แต่พ่อก็ยังมีความสุขได้อีก”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับ “ลูกไม่เข้าใจหรอก เธอไม่ได้ใจร้ายกับพ่อสักนิด เธอก็แค่ใส่ใจเท่านั้นเอง”
“ถ้าเธอไม่มีพ่ออยู่ในใจ เธอคงไม่ลงโทษ และทำเมินไปแล้วล่ะ”
“อีกอย่าง ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ ผู้ชายอย่างพวกเราควรเอาใจใส่และอดกลั้น ลูกผู้ชายต้องใช้กำลังกับศัตรู ไม่ใช่กับภรรยา”
ผิงอันกะพริบตาปริบ ๆ ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่พ่อพูด แต่เขาก็จำประโยคนี้ได้ขึ้นใจ
เด็กชายนึกไปถึงเด็กผู้หญิงที่มาใหม่ในชั้นเรียน เธอมีใบหน้าสีชมพูราวกับหยก และดวงตากลมโต
ทุกครั้งที่เห็นเธอ ผิงอันจะรู้สึกแปลก ๆ เธอทำให้เขานึกถึงเสี่ยวเสวี่ยโดยไม่ตั้งใจ
เขารู้สึกว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ดูเหมือนเสี่ยวเสวี่ยตอนที่เพิ่งฟักออกมาจากไข่
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามขึ้น “พ่อ แล้วเราควรจะเอาใจสาว ๆ ยังไงดี?”
*[1] หลอดไฟ มาจากคำว่า 灯泡 โดยทั่วไปแปลว่า หลอดไฟ แต่ในบริบทนี้เป็นศัพท์แสลง แปลว่า ก้างขวางคอ