เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 189 ผมเป็นทหาร โปรดอย่าทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียงเลย
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 189 ผมเป็นทหาร โปรดอย่าทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียงเลย
บทที่ 189 ผมเป็นทหาร โปรดอย่าทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียงเลย
หลิวฮุ่ยมองเจียงหว่านอย่างรู้สึกผิด “ฉันไม่ได้ต้องการตีเธอจริง ๆ ฉันแค่อยากสั่งสอนบทเรียนให้เธอ เอาเธอมาเป็นตัวล่อ ให้คนของเธอออกมา!”
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะไม่ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ใช้แค่วิธีที่ผู้หญิงในหมู่บ้านใช้ต่อสู้กันแบบนี้”
“ฉันพยายามอดกลั้น แต่มันก็ทนไม่ไหว!”
“ก็เลยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้!”
เธอไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ทุกคนก็เข้าใจได้
เจียงหว่านเงียบไป ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันไม่สนใจว่าเธอจะสู้กับเฉียวเหลียนเฉิงยังไง เพราะยังไงซะ เธอก็แพ้อยู่ดี!”
“แต่เธอต้องอธิบายเรื่องยาพิษนี้มาให้ชัดเจน ไหนจะเรื่องทำร้ายคนของฉัน และขโมยธุรกิจของฉันอีก”
“พวกเธอต้องไปขอโทษพี่สะใภ้เฉินด้วย”
หลิวจวินขมวดคิ้วงุนงงเมื่อได้ยินอย่างนั้น จึงหันไปมองหลิวลู่
“เพราะกับแค่เรื่องธุรกิจ แกเลยทำร้ายคนอื่นแบบนี้เหรอ?”
หลิวลู่ส่ายหัว “ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ตีใครเลยนะ วันนี้ยัยอ้วนนี่มาทุบแผงขายของผม ผมก็เลยจะจัดการยัยนี่เท่านั้น!”
เจียงหว่านเย้ยหยัน “นายกำลังจะบอกว่าฉันใส่ร้ายนายเหรอ!”
หลิวลู่ยังคงพูดอย่างมั่นใจ “ก็เธอใส่ร้ายฉันจริง ๆ!”
เจียงหว่านจึงถามว่า “มีอะไรให้ขายตั้งมากมาย แต่ทำไมนายถึงยืนกรานที่จะขายหมูตุ๋น ทั้งยังเลือกส่วนหัวหมูนั่นอีก!”
หลิวลู่ตอบอย่างไม่พอใจ “ก็เพราะเรารู้วิธีทำ แถมเนื้อหัวหมูมีราคาถูก พี่สาวฉันทำบ่อย ๆ อร่อยด้วย!”
“เรามีเงินไม่มาก พี่ชายของฉันก็นอนโรงพยาบาล และต้องดูอาการในระยะยาว การอยู่ที่นี่มันมีค่าใช้จ่ายสูงมาก พี่สาวเลยอยากหาเงินจากการขายเนื้อตุ๋น!”
“ฉันรู้ว่ามีร้านขายหัวหมูอีกบนถนนเส้นนี้ แต่ฉันไม่สน ใครจะรู้ล่ะว่าทำไมจู่ ๆ มันถึงหายไป”
หลิวลู่ยังไม่ยอมรับ เจียงหว่านได้ยินก็โกรธมากจนกัดฟันแน่น และตัดสินใจไปหาสะใภ้เฉิน
“งั้นรอก่อน ฉันจะไปหาคนที่พวกนายทำร้าย แล้วพามาที่นี่”
“ถ้าพี่สะใภ้เฉินแน่ใจว่านายคือคนที่ทำรายเธอ ถึงพี่ชายของนายจะมาห้าม ฉันก็จะจัดการนาย จะเอาให้หน้าเละเลย!”
ขณะที่กำลังจะไป ใครบางคนที่อยู่นอกฝูงชนก็ตะโกน “หลีกทางหน่อย ให้ฉันเข้าไปที”
เสียงนี้เป็นของสะใภ้เฉิน
เจียงหว่านที่ได้ยินเสียงก็รีบตะโกน “พี่สะใภ้ พี่อยู่นี่เหรอ มาแล้วก็ดีเลย มาเร็ว ๆ!”
ครู่เดียว สะใภ้เฉินกับคนขายเนื้อก็เดินเข้ามา
“หว่านหว่าน เราตกลงกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไปเจอกันที่ลานบ้านน่ะ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
เจียงหว่านเอื้อมมือออกไป และดึงเธอเข้ามา “พี่สะใภ้ มานี่เร็ว ๆ เด็กคนนี้ใช่คนที่ตีพี่หรือเปล่า?”
เจียงหว่านชี้ไปที่หลิวลู่
สะใภ้เฉินเหลือบมองตามแล้วส่ายหัว “ไม่ใช่ ผู้ชายที่ทุบตีฉันเมื่อครั้งก่อนเป็นคนตัวสูง ๆ ผมยาว แต่งตัวโทรม ๆ”
“ตอนที่เขาตีฉัน ฉันก็ข่วนหน้าเขาจนเลือดซิบเลยล่ะ นี่เวลาผ่านไปไม่นานเอง แผลบนหน้าไม่น่าจะหายไวขนาดนี้นะ”
เมื่อสะใภ้เฉินพูดจบ หลิวลู่ก็นึกขึ้นได้ทันที “ฉันรู้แล้ว นั่นคือศิษย์จากสำนักไท่จี๋ของพวกเรา ชื่อหลี่ฉวน”
“พี่ชายของฉันหมดสติมาสองสามวัน ฉันเลยอยากจะดูแลเขา และขอให้หลี่ฉวนช่วยขายแทนสักสามสี่วัน”
“แล้วอยู่ดี ๆ หมอนั่นก็ไม่มาอีก ฉันไปหาเขา ก็เห็นว่ามีเลือดเต็มหน้าเลย พอถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกว่าภรรยาของเขาจับตัวเขาไว้”
“คิดไม่ถึงว่า…”
ทุกคนต่างพูดไม่ออก
ท่าทีของเจียงหว่านก็ดูอ่อนลงเช่นกัน
ก่อนที่เธอจะพูดอะไร หลิวจวินก็พูดขึ้น “พี่ครับ เอาเครื่องปรุงทั้งหมดที่พี่ใช้มาให้เธอดูหน่อย เธอจะได้ดูว่าอันไหนที่เป็นยาพิษ”
หลิวฮุ่ยเห็นด้วย หยิบสมุนไพรออกมาจากถุงเล็ก ๆ ที่คาดอยู่ตรงเอวออกมา
เจียงหว่านมองไปที่เครื่องปรุง แล้วหยิบอันหนึ่งออกมา “อันนี้แหละ!”
หลิวฮุ่ยเหลือบมอง “นี่เพื่อบรรเทาอาการปวด พวกเราที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มักได้รับบาดเจ็บบ่อย ๆ ทุกครั้งที่เราบาดเจ็บ การแช่น้ำและดื่มอันนี้เข้าไปจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวด”
“แต่ตอนปรุงเนื้อสัตว์ถ้าเติมอันนี้นิดหน่อยมันจะอร่อยขึ้น พวกเราก็เลยพกติดตัวไว้ด้วย”
เจียงหว่านถึงกับประหลาดใจเล็กน้อย “เธอไม่รู้ชื่อและสรรพคุณของสิ่งนี้เลยเหรอ? ไม่รู้หรือไงประเทศเราห้ามไม่ให้เพาะปลูกเจ้านี่!”
หลิวฮุ่ยดูสับสน และถามอย่างงุนงง “นี่มันแค่เปลือกยาสูบไม่ใช่เหรอ?”
“พวกเราเรียกกันแบบนั้น แล้วทำไมเราถึงต้องปลูกมันด้วย บนภูเขามีตั้งเยอะแยะ!”
เจียงหว่านมองไปที่เฉียวเหลียนเฉิงที่กำลังสับสน และเหมือนกำลังบอกว่า ‘ผมไม่รู้’
หลิวจวินยังกล่าวอีกว่า “พี่สาวของฉันพูดถูก ทุกคนในสำนักของเรารู้เรื่องนี้ดี เจ้านี่มีไว้เพื่อบรรเทาอาการปวด”
“ตอนเราได้รับบาดเจ็บ เราก็จะใช้มัน”
เจียงหว่านตกตะลึง เธอพยายามคิดอย่างรอบคอบ และนึกขึ้นได้ทันทีว่าการห้ามปลูกฝิ่นในจีน มันเริ่มขึ้นในปี 1988
ครั้งสุดท้ายที่เธอเขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อย่างไม่เป็นทางการของประเทศ เธอเจอเรื่องนี้ในเว็บตู้เหนียง[1]*
ดังนั้น ตอนนี้จึงยังไม่มีการห้ามการเพาะปลูกในประเทศ และยังไม่มีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับความอันตรายของสิ่งนี้!
เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอก็มีสีหน้าอ่อนลง “ขอโทษ ความผิดของฉันเอง ฉันเข้าใจผิดเอง”
“แต่คราวหน้าอย่าใส่เจ้านี่เข้าไป โดยเฉพาะถ้าใส่ในอาหาร มันจะทำให้เสพติด!”
หลังจากที่เธอพูดแบบนี้ หลิวฮุ่ยกับหลิวลู่ก็ยังคงไม่มั่นใจเล็กน้อย
แต่หลิวจวินได้ยินก็นึกไปถึงหลักสูตรการศึกษาด้านยาเสพติดเมื่อไม่นานมานี้
พอเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้กับภาพในหลักสูตร ทุกอย่างก็ชัดเจนขึ้น
เขาจึงพูดอย่างจริงจัง “เธอพูดถูก ไม่ควรใช้พืชนี่มากเกินไป ผมจำได้แล้วว่ามันคืออะไร”
เขาเกิดในสำนักไท่จี๋ เขารู้ว่าหลายที่ในโลกปลูกและใช้ยานี่
เขาจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แต่เมื่อเจียงหว่านพูดถึงมัน เขาก็คิดออก
และเนื่องจากยาพิษเป็นเรื่องเข้าใจผิด สถานการณ์จึงคลี่คลาย ฝูงชนก็ค่อย ๆ แยกย้ายกันไป
หลิวฮุ่ยมองเฉียวเหลียนเฉิง
เฉียวเหลียนเฉิงเข้าไปหาเจียงเฉิง “นายมาที่นี่ทำไม?”
เจียงเฉิงตอบกลับ “ทีมลาดตระเวนบอกฉันเรื่องหลิวฮุ่ยและเจียงหว่านเมื่อเช้านี้ ก็เลยคิดว่าจะชักช้าไม่ได้”
“ฉันเลยไปหาหลิวจวิน เพราะยังไงคนที่ผูกปมก็จะต้องเป็นคนแก้”
“ฉันไม่รู้ว่าหลิวฮุ่ยปิดบังเรื่องนี้จากหลิวจวิน และเขาก็ไม่รู้อะไรด้วยเลย”
“พอได้ยินว่าพี่สาวออกไปก่อเรื่อง เขาก็กังวลขึ้นมา ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืมรถเข็นโรงพยาบาล แล้วพาเขาออกมา”
หลิวจวินกล่าว “เฉียวเหลียนเฉิง ฉันไม่โทษนายสำหรับการแข่งขันในตอนนั้นหรอก ทั้งที่นายพูดแล้วว่ายอมแพ้ แต่ฉันกลับไม่เชื่อ”
“พวกเราผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ส่วนมากก็เป็นพวกไม่ยอมคนอยู่แล้ว”
”แต่หลังจากถูกนายเตะครั้งนั้น ฉันก็รู้ว่านายยอมฉันจริง ๆ!”
“ตอนนั้นฉันเข้าใจความห่างชั้นระหว่างเราแล้ว ฉันไม่มีอะไรจะตำหนินายจริง ๆ และไม่คิดว่าพี่จะมารบกวนนายด้วย ไม่ต้องห่วง ฉันจะไปหาผู้บัญชาการแล้วบอกให้เขายกเลิกการลงโทษนาย!”
เฉียวเหลียนเฉิงโบกมือปฏิเสธ “ไม่ ไม่ต้องหรอก ฉันถูกลงโทษเพราะฉันรุนแรงเกินไป ฉันเต็มใจรับมัน”
“ตอนนั้นฉันรีบร้อนเกินไป และนายโชคไม่ดีที่ตกจากสังเวียน”
“แต่ฉันก็ต้องรับผิดชอบที่ทำให้นายเป็นแบบนี้ อย่าไปร้องขออะไรเลย แบบนี้ดีแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินที่เฉียวเหลียนเฉิงพูด หลิวจวินก็ยังคงรู้สึกผิด แต่ไม่รู้ว่าจะชดเชยอย่างไร
หลิวฮุ่ยเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเฉียวเหลียนเฉิง ดวงตาของเธอเป็นประกาย
“สำนักไท่จี๋ หลิวฮุ่ย ฉันขอท้าประลองกับนาย!”
คำพูดของหลิวฮุ่ยทำให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นตกใจ
หลิวจวินที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างถูกหลิวฮุ่ยจ้องมอง “อย่ากังวลไปน้องชาย แกจะยอมรับเรื่องก็เป็นเรื่องของแก แต่ฉันไม่ยอมรับ”
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับการแก้แค้นแล้ว ฉันแค่รู้สึกไม่สบายใจที่เห็นคนแข็งแกร่งขนาดนี้ไม่ยอมต่อสู้เต็มกำลัง!”
“เฉียวเหลียนเฉิง ฉันจะไม่เอาเปรียบนาย ฉันจะรอให้แขนนายหายดี แล้วฉันจะมาท้าอีกครั้ง”
เฉียวเหลียนเฉิงมุมปากกระตุกเมื่อได้ยิน เหลือบมองหลิวจวิน แล้วพูดว่า
“ฉันสู้กับหลิวจวินได้เพราะเราต่อสู้กันในสังเวียน”
“แต่เธอเป็นพลเมืองธรรมดา ทหารอย่างเราไม่สามารถรังแกคนธรรมดาได้”
“ถ้าอยากสู้กับฉัน เธอก็มาเป็นทหารสิ ถ้าเธอเป็นทหาร และเข้าร่วมการแข่งขันเมื่อไหร่ ฉันจะสู้กับเธอ!”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสริม ในตอนท้าย “เมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องต่อสู้กับเธอ ฉันจะทำให้ดีที่สุด และไม่ปรานีเลย!”
หลิวฮุ่ยตกตะลึงไป ขณะที่หลิวจวินกับหลิวลู่ซึ่งอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะมองด้วยรอยยิ้ม
หลังจากเฉียวเหลียนเฉิงพูดจบ เขาก็พาเจียงหว่านจากไป
เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นหลิวฮุ่ยที่อยู่ข้างหลังก็ตะโกนขึ้นมา “ได้! ฉันรับข้อเสนอ!”
เฉียวเหลียนเฉิงชะงักไป แต่ก็ไม่ได้หันกลับมามอง เพียงพาเจียงหว่านเดินออกไปเท่านั้น
[1] ตู้เหนียง เป็นเว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลต่าง ๆ คล้าย google