เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 184 ผู้หญิงคนนี้มาหาเฉียวเหลียนเฉิงเหรอ!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 184 ผู้หญิงคนนี้มาหาเฉียวเหลียนเฉิงเหรอ!
บทที่ 184 ผู้หญิงคนนี้มาหาเฉียวเหลียนเฉิงเหรอ?!
เจียงหว่านปลอบใจเธอ “พี่สะใภ้ ไม่เป็นไรนะ พรุ่งนี้ฉันจะไปด้วย”
“ฉันอยากไปดูให้เห็นกับตาว่า ตอนที่ฉันไม่อยู่ ใครมันกล้าก่อปัญหา!”
“ฉันไม่สนหรอกว่าใครเป็นคนทำ แต่ถ้ามันเป็นแมลงฉันก็จะเด็ดปีกมันทิ้งซะ!”
“ให้พวกมันบินไม่ได้ไปเลยตลอดชีวิต!”
เจียงหว่านกับสะใภ้เฉินนัดกันว่าจะเข้าตำบลพรุ่งนี้ พากันเดินกลับพร้อมหม้อบะหมี่
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเจียงหว่านลืมตา เฉียวเหลียนเฉิงก็นำอาหารเช้ามาให้
“ผมใช้แต่มือขวา และเจียงเฉิงก็ช่วยมาส่งผมด้วย ผมไม่ได้ใช้มือซ้ายเลยนะ” เมื่อเห็นว่าภรรยาของเขากำลังจะโกรธ เฉียวเหลียนเฉิงก็รีบยกมืออธิบาย
เจียงหว่านพูดอย่างเย็นชา เหลือบมองเขาอย่างไร้เยื่อใยขณะสวมรองเท้า
“นายเองก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ดูแลตัวเองยังไม่เป็นแบบนี้ เห็นทีตอนเริ่มต้นใหม่ก็คงจะลำบากแล้วล่ะ!”
“นายต้องเสียแขนข้างนี้ไปไม่ช้าก็เร็วนี้แน่ ๆ ฉันไม่อยากแต่งงานกับคนพิการซะด้วย ดังนั้นเราหย่ากันตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า!”
เฉียวเหลียนเฉิงหน้ามืดมน และขณะที่เขากำลังจะอธิบาย เสียงของสะใภ้เฉินก็ดังมาจากด้านนอก
เจียงหว่านขานรับเสียงดัง คว้าซาลาเปาสองลูกออกมากัด
“ฉันจะเข้าตำบล น่าจะกลับมาตอนบ่าย ๆ ผิงอันอยู่บ้านดูพ่อเธอด้วยล่ะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงที่ยืนอยู่ตรงนั้น ทำหน้าเศร้าและหดหู่
ผิงอันกระโดดลงจากโต๊ะ หยิบซาลาเปาจากกล่องข้าวออกมา แล้วพูดอย่างใจเย็น
“คราวนี้ผมอยู่ข้างน้าอ้วน เพราะพ่อทำให้คนอื่นกังวลจริง ๆ”
เมื่อลูกชายยังไม่เข้าข้าง สีหน้าของเฉียวเหลียนเฉิงยิ่งดูหมดหวังขึ้นไปอีก
อีกด้าน เจียงหว่านกับสะใภ้เฉินเดินออกไปด้วยกัน
ทันทีที่ทั้งสองมาถึงประตูทางเข้า ก็ได้เผชิญหน้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะอายุยี่สิบกลาง ๆ มีผิวคล้ำ และหุ่นผอมบาง
เธอสวมชุดเอี๊ยมสีน้ำเงินเข้มธรรมดา ๆ แต่ดูพริ้วไหวอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนเป็นพนักงานดีเด่นในหมู่พนักงานดีเด่นอีกที
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นเจียงหว่านกับสะใภ้เฉิน เธอก็ก้าวเข้ามา และถามว่า
“สหาย ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ เฉียวเหลียนเฉิง หัวหน้ากองพันที่หนึ่งกลับมาหรือยัง?”
เจียงหว่านกับสะใภ้เฉินตกตะลึงเล็กน้อย ในใจคิดว่า ‘ใช่ เฉียวเหลียนเฉิงกลับมาแล้ว’
แต่สะใภ้เฉินเลือกที่จะเงียบอย่างรู้งาน
ส่วนเจียงหว่านตอบด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนจะกลับมาแล้วนะ เธอเป็นอะไรกับเขาล่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัว “ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันหรอก ฉันแค่มาคิดบัญชีกับเขานิดหน่อย ขอบใจนะ!”
เธอพูดขณะที่กำลังจะเดินไปยังลานบ้าน
ทันใดนั้นเจียงหว่านก็พูดว่า “ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ผู้ชายทุกคนเข้ากองทัพกันไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแต่พวกผู้หญิง”
หญิงสาวหยุดชะงัก แล้วหันกลับมาตอบว่า “ไม่น่าใช่ เขาลดตำแหน่งไปเลี้ยงหมูแล้วนี่ ยังเข้าไปทำอะไรในกองทัพอีก?”
“แล้วตอนนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ คงจะไม่ออกจากบ้านหรอก”
เจียงหว่านรู้สึกประหลาดใจ ท่าทางผู้หญิงคนนี้ดูไม่ได้มาดีเท่าไหร่
เมื่อลองมองใบหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้ง เธอดูคล้ายกับใครบางคน
“หลิวจวิน!” จู่ ๆ เจียงหว่านก็พูดขึ้น
ผู้หญิงคนนั้นที่ได้ยินก็ตกตะลึง เธอหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ “เธอรู้จักน้องชายของฉันเหรอ”
เจียงหว่านเข้าใจทันที “เธอเป็นพี่สาวของหลิวจวิน?”
ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าอย่างเย่อหยิ่ง “ใช่ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของหลิวจวิน ชื่อหลิวฮุ่ย”
สะใภ้เฉินที่อยู่ด้านข้างถอยออกไปโดยไม่พูดอะไร ราวกับหลีกทางในสนามรบ
สายตาของเจียงหว่านเปลี่ยนเป็นเย็นชา “เธอมาหาเฉียวเหลียนเฉิงมีเรื่องอะไร?”
หลิวฮุ่ยเห็นท่าทีของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป และสายตาของหญิงอ้วนก็เย็นชาลง
“เธอเป็นใคร มันเกี่ยวอะไรกับเธอ ไปทำธุระของตัวเองเถอะไป๊!”
เจียงหว่านกอดอกแล้วแค่นยิ้ม “ธุระ?”
“ในเมื่อเธอรู้ว่าเฉียวเหลียนเฉิงกลับมาแล้ว รู้ถึงขนาดที่ว่าเขาถูกส่งให้ไปเลี้ยงหมู และยังรู้ว่าเขาถูกไล่ออกจากกองทัพอีก ทำไมถึงไม่รู้ว่าเขามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายที่แสนสวย และไม่เหมือนใครล่ะ!”
เจียงหว่านเน้นย้ำคำว่า ‘แสนสวยและไม่เหมือนใคร’ เป็นพิเศษ
สะใภ้เฉินที่กำลังยืนฟังอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง
แต่เพื่อไม่ให้รบกวนพวกเขา เธอจึงรีบปิดปาก แล้วถอยออกไป
ส่วนหลิวฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจมากหลังจากได้ยินอย่างนั้น เธอคิดไตร่ตรอง และเงยหน้าขึ้นมองเจียงหว่าน
“น่าสนใจจริง ๆ! ว่าแต่เธอกับเฉียวเหลียนเฉิง…”
ในตอนที่เธอทราบจากเพื่อนของน้องชายว่าเฉียวเหลียเฉิงเตะน้องชายตัวเองออกจากสังเวียน และวิ่งกลับบ้านไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เธอเองก็ไม่ได้สงสัยว่าภรรยาของเฉียวเหลียนเฉิงหน้าตาเป็นอย่างไร
ดังนั้น เธอจึงไม่ได้นึกถึงเจียงหว่านเลย
แม้ว่าตอนนี้เธอจะสับสน แต่ก็พอจะเดาบางอย่างได้ “เธอคือภรรยาของเฉียวเหลียนเฉิงสินะ!”
เธอพูดประโยคนี้เสียงเบา และดูไม่มั่นใจ
เจียงหว่านตะคอกกลับ “ทำไมล่ะ ไม่ได้รึไง!”
หลิวฮุ่ยประหลาดใจ แต่ก็ส่ายหัว และโบกมือ “ไม่ ๆ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ฉันแค่ไม่คิดว่า หัวหน้ากองพันเฉียวที่มีชื่อเสียงขนาดนั้น และหล่อมากขนาดนั้น จะโหดร้ายได้ขนาดนี้!”
เจียงหว่านทำหน้าจริงจังขึ้น เท้าเอวแล้วพูดตะคอก “ตอบมา เธอจะทำอะไรกับคนของฉัน!”
ตอนนี้เจียงหว่านไม่กระดากปากอีกต่อไป ยอมรับไปตามตรงว่าเฉียวเหลียนเฉิงเป็นคนของเธอต่อหน้าคนอื่น
เธอพูดคำว่า ‘คนของฉัน’ อย่างง่ายดาย ราวกับว่ามันฝังแน่นอยู่ในตัวเธอแล้ว!
เรียกว่าอะไรดีล่ะ? ชินแล้วงั้นเหรอ?
อื้อ! ก็ชินแล้วน่ะสิ!
เจียงหว่านไตร่ตรองเป็นเวลาสามวินาที และมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
ใบหน้าของหลิวฮุ่ยเองก็เคร่งเครียดขึ้น “ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของหมอนั่นจริง ๆ สินะ!”
”ดีเลย งั้นฉันจะจัดการกับเธอก่อน แล้วค่อยไปหาหมอนั่นเพื่อล้างแค้นให้น้องชายของฉัน!”
พูดจบ หลิวฮุ่ยก็ยืนตัวตรง กำหมัดของเธอแน่น “หลิวฮุ่ย สำนักไท่จี๋!”
เจียงหว่าน “…”
เมื่อเห็นท่าทางของหลิวฮุ่ยแล้ว ร่างกายของเธอก็เหมือนจะแข็งทื่ออยู่กับที่
เธอไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ เธอจึงอาศัยเพียงความแข็งแกร่ง และน้ำหนักตัวในการเข้าปะทะ
แต่ตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ฝึกฝนวรยุทธ์มา แล้วเธอจะสู้ได้ยังไง!
เจียงหว่านหายใจเข้าลึก ๆ และมองคู่ต่อสู้ด้วยสายตาเย็นชา เอาเถอะ แพ้ได้แต่อย่าเสียหมา!
“เธอบ้าหรือเปล่า? น้องชายถูกเฉียวเหลียนเฉิงเล่นงาน นั่นหมายความว่าเขาแพ้การแข่งขันไม่ใช่รึไง?”
“เฉียวเหลียนเฉิงไม่ได้ต่อสู้เพราะเรื่องส่วนตัว แต่นี่ พอน้องชายแพ้ พี่สาวก็วิ่งมาหาเรื่องงั้นเหรอ?”
หลิวฮุ่ยตะคอก “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำแบบนั้น นี่เป็นแค่การพูดคุยกันประสานักรบ”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาเอาชนะน้องชายฉันได้ เลยคันไม้คันมืออยากต่อยเขาสักที!”
เจียงหว่านโกรธมาก “ให้ตายเถอะ คันไม้คันมือเนี่ยนะ!”
ดวงตาของหญิงสาวแน่วแน่ ต่อให้ถูกตีจนทรุดลงพื้น เธอก็ไม่มีทางยอมแพ้
“ได้ งั้นก็เข้ามา!”
เธอก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว เก็บมือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง และประมือของเธอกับหลิวฮุ่ยด้วยมืออีกข้าง
ดวงตาของหลิวฮุ่ยแน่วแน่ไม่แพ้กัน เธอพุ่งตรงเข้าหาเจียงหว่านราวกับสายฟ้าฟาด
เมื่อเข้ามาใกล้ เธอก็ตบเข้าที่ไหล่ของเจียงหว่านด้วยฝ่ามือ
ในขณะนี้เจียงหว่านจับมือของหลิวฮุ่ยไว้ ไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด แล้วเอื้อมมือออกไปคว้าผมของอีกฝ่าย
ผมของหลิวฮุ่ยค่อนข้างยาว เธอถักเปียเอาไว้
เจียงหว่านจึงคว้าเปีย หมุนเปียพันรอบข้อมือของเธออย่างรวดเร็ว และตรึงมันไว้
เพราะผมเปียถูกจับแน่น ศีรษะของหลิวฮุ่ยเลยถูกกระชากไปด้านหลัง