เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 154 หมายความว่ายังไง เฉียวเหลียนเฉิงบุกมาช่วยเจียงหว่านตอนกลางดึก!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 154 หมายความว่ายังไง เฉียวเหลียนเฉิงบุกมาช่วยเจียงหว่านตอนกลางดึก!
บทที่ 154 หมายความว่ายังไง? เฉียวเหลียนเฉิงบุกมาช่วยเจียงหว่านตอนกลางดึก!
หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาลากเจียงหว่านออกไป แล้วมัดเท้าของเธอด้วยเชือก ก่อนจะจับเธอห้อยหัว
เมื่อถูกห้อยหัวอย่างนี้ เจียงว่านรู้สึกทรมานไม่น้อย
เธอเริ่มสาปแช่งอย่างขุ่นเคือง “อู๋จิ้นซื่อ แกมันคนขี้ขลาด ถ้าอยากจะแก้แค้นเฉียวเหลียนเฉิง ก็ไปหาเขาซะสิ ทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าแกไม่มีปัญญาทำอะไรเขาได้ เลยต้องมาระบายความโกรธกับผู้หญิง!”
“ไอ้ลูกเต่าอู๋ อย่าจองหองให้มากนะ แกต้องตาย! รู้ตัวไหมว่าแกกำลังจะตายอย่างน่าสมเพช!”
“รอก่อนเถอะ ฉันจะเป็นคนตัดหัวของแก แล้วเจาะรูกลวงเพื่อใช้เป็นส้วม! ฉันจะยกมันให้ขอทานและโสเภณีทั่วหนานหลีใช้กะโหลกของแกเป็นห้องส้วม!”
เสียงด่าทอของเธอดังออกเป็นวงกว้าง แต่ว่ามันก็ไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก และไม่ใช่ว่าหยาบคายเกินกว่าจะรับฟัง
แต่เสียงแหลมของเธอทำให้คนรอบ ๆ อยากจะเย็บริมฝีปากนั้นติดกันให้จบสิ้นไปเสีย
อู๋จิ้นซื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาลุกขึ้นก่อนจะเตะปากของเจียงหว่านอย่างแรง
เจียงหว่านเจ็บปวดที่สุด เธอถ่มน้ำลายออกมา ก็มีเลือดและยังมีฟันซี่ใหญ่หลุดออกมาด้วย
เพราะว่าความเจ็บปวดมันมากเกินไป เจียงหว่านจึงสงบปากลง
นั่นทำให้อู๋จิ้นซื่อนึกเสียใจว่าทำไมเขาไม่เตะหล่อนให้เร็วกว่านี้!
ตกดึก เจียงหว่านยังคงถูกแขวนไว้เช่นเดิม
เธอหมดสติไปนานแล้ว เพราะถูกห้อยศีรษะนานเกินไป
ในหมู่บ้านเงียบสงัด สถานที่แห่งนี้เงียบมาก มีเพียงเสียงปะทุของเปลวไฟรอบ ๆ เท่านั้น
ทว่าทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็โผล่ออกมาจากป่าอย่างเงียบเชียบ แล้วพุ่งเข้าหาเจียงหว่านอย่างรวดเร็ว
และเมื่อใกล้จะถึงตำแหน่งของเธอ มีดเล่มเล็กก็ทะยานออกไปตัดเชือกอย่างแม่นยำ
เจียงหว่านร่วงหล่นลงพื้น
ทันใดนั้นเงาดำก็พุ่งเข้ามารับเจียงหว่านไว้ได้อย่างมั่นเหมาะ
หลังจากยืนยันว่าเจียงหว่านปลอดภัยแล้ว เงาดำก็สาวอ้วนหันหลัง หวังจะหลบหนีไปทันที
ทวา่ทันใดนั้น เสียงปืนก็ดังขึ้น และบริเวณโดยรอบก็ปรากฏผู้คนเข้ามาล้อมไว้ราวกับตอนกลางวัน
“เฉียวเหลียนเฉิง จะรีบไปไหนเล่า!”
น้ำเสียงเย็นชาขัดจังหวะ เฉียวเหลียนเฉิงที่อุ้มเจียงหว่านอยู่ถึงกับสั่นสะท้าน ต้องหยุดฝีเท้าในทันที
หลังจากหันกลับมอง เขาก็เห็นอู๋จิ้นซื่อกำลังเดินเข้ามา
“เฉียวเหลียนเฉิง… ฉันมีทางเลือกให้แก! ทางแรก ถ้าแกคิดพาผู้หญิงคนนี้ออกไป เราจะโยนนังนี่เข้ารังแตน ให้แกเอากลับไปได้แค่วิญญาณ!”
“หรือทางที่สอง อยู่ที่นี่ด้วยกันกับฉันซะ!”
“เห็นแก่ความสัมพันธ์ของพวกแก ฉันจะปล่อยให้แกสองคนตายอยู่ด้วยกัน แล้วเอาไปฝังไว้หน้าหลุมศพของพี่สาม!”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบ ก่อนจะวางเจียงหว่านลงกับพื้น
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ เธอคือภรรยาที่ฉันฉุดรั้งเอาไว้เอง เธอไม่เคยคิดอยากจะอยู่กับฉันเลย เพราะฉะนั้นปล่อยเธอไปซะ!”
อู๋จิ้นซื่อตกตะลึง ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ไม่คิดมาก่อนเลยว่าแกจะแต่งงานกับนังอ้วนแบบนี้ แถมนังนี่กลับไม่ต้องการแกด้วย”
“เฉียวเหลียนเฉิง แกน่ะเป็นวีรบุรุษ แต่ทำไมถึงโชคร้ายอย่างนี้นะ”
เฉียวเหลียนเฉิงแค่นหัวเราะ “แกมันไม่รู้อะไร”
ขณะพูดอย่างนั้น สายตาของเขาก็หยุดมองจีน่าที่อยู่ด้านข้างอู๋จิ้นซื่อ ด้วยความรังเกียจ ก่อนจะเชิ่ดคางขึ้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“เราชาวจีนเลือกคู่ครองอย่างรอบคอบ มีเพียงคนเดียวที่จะสามารถมอบความรักให้ไปชั่วชีวิต!”
“พวกเราต่างกับแก ที่ต้องการเพียงร่างกายส่วนล่าง คิดแต่เรื่องผสมพันธ์ ถ้ายังมีเรี่ยวแรง ก็เปลี่ยนคู่นอนไปทั่ว!”
จีน่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดวงตาของเธอหันมองเฉียวเหลียนเฉิง พร้อมกับความประทับใจลุ่มลึกในแววตา
อู๋จิ้นซื่อตะคอกกลับ “พูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่! จับมัน! มัดมันไว้เดี๋ยวนี้!”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบ และไม่คิดขยับ เขามองเจียงหว่านที่หมดสติอยู่ด้วยความเป็นห่วง และไม่คิดต่อต้านคนที่เข้ามา
ตอนนี้เจียงหว่านถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยน้ำเย็น
หลังจากลืมตา เธอก็เห็นว่าเฉียวเหลียนเฉิงถูกมัดไว้กับต้นไม้ไม่ไกลจากเธอนัก
“เฉียวเหลียนเฉิง ฉัน… ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม!”
เฉียวเหลียนเฉิงเพียงยกยิ้มให้เธอ “หว่านหว่าน ผมเอง คุณเชื่อใจผมไหม?”
เจียงหว่านตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับโดยไม่ต้องคิด “เชื่อสิ!”
เฉียวเหลียนเฉิงได้ยินอย่างนั้นก็ผ่อนคลายลง และกล่าวปลอบเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เชื่อใจผมนะ ผมจะพาคุณกลับบ้านแน่นอน”
เจียงหว่านเงียบ ไม่ได้ตอบกลับอีก
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะเย้ยหยันก็ดังขึ้นไม่ไกลนัก “กลับบ้าน? พูดอะไรบ้า ๆ!”
“เฉียวเหลียนเฉิง แกคิดว่าคนในหมู่บ้านนี้ตายหมดแล้วหรือไง?”
“หรือแกคิดว่าที่นี่เหมือนกับค่ายทหารของพี่สามเมื่อไม่กี่ปีก่อน?”
“อย่าคิดนะว่าแกจะได้กลับออกไป!”
“หึ! คราวนี้ฉันจะล้างแค้นให้กับพี่สาม ฉันพายอดฝีมือจากหลิวเหลียน เพื่อมาจัดการกับแกโดยเฉพาะ แถมเตรียมตะปูโลงศพสามชิ้นไว้ให้แกเรียบร้อยแล้ว”
“แกรู้ไหมว่ามันคืออะไร? สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้วิญญาณแกไปไหนได้ ฉันจะใช้การลงโทษที่โหดเหี้ยมที่สุด และฆ่าแกต่อหน้าหลุมศพพี่สาม ก่อนจะตอกตะปูนี้ใส่โลงของแก! จะได้ไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิดอีกต่อไป!”
“ถึงเวลานั้น แกจะไม่มีวันหนีออกไปจากหนานหลีได้!”
หลังจากอู๋จิ้นซื่อกล่าวจบ เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง
ตระกูลอู๋สูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก และพี่สามก็เป็นคนเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่แบเบาะ
ดังนั้นความรักที่อู๋จิ้นซื่อมีแต่พี่สามจึงยิ่งใหญ่กว่าพี่ชายธรรมดา ๆ ไม่ใช่แค่พี่กับน้อง หรือแค่พ่อกับลูกชาย แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขามีค่ายิ่งกว่านั้น
ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงเกลียดชังเฉียวเหลียนเฉิงเข้ากระดูกดำ!
หลังจากสาปแช่ง เจียงหว่านก็ถึงกับหัวเราะเย้ยหยันออกมา
อู๋จิ้นซื่อขมวดคิ้วหันมองเธอทันที “แกหัวเราะอะไรนังอ้วน!”
เขารู้ว่าไม่ควรสนใจผู้หญิงคนนี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกับหล่อน
เจียงหว่านยกยิ้มให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะตอบกลับ “ฉันหัวเราะความโง่ของนายไง!”
“จะบอกให้นะว่าคนจากหลิวเหลียนน่ะกำลังหลอกลวงนาย!”
อู๋จิ้นซื่อขมวดคิ้วงุนงง “ไร้สาระ ฉันเสียเงินจัดจ้างพวกมันไปมากมาย มันจะหลอกลวงฉันได้ยังไง!”
เจียงหว่านกล่าวอย่างดูถูก “ทำไมถึงจะหลอกไม่ได้ล่ะ? สิ่งที่ทรงพลังที่สุดในหลิวเหลียนคือ การสะกดวิญญาณเด็กต่างหาก”
“พวกนั้นไปปลุกเสกตะปูตอกฝาโลงตั้งแต่เมื่อไหร่กันฮะ?”
“ตะปูตอกฝาโลงถูกเรียกอีกอย่างว่า ตะปูสะกดวิญญาณ! ทั้งหมดมาจากชาวจีนไม่ใช่เหรอ? สิ่งนี้กำเนิดขึ้นมาในสมัยโบราณหลายร้อยปีก่อน ถือเป็นคาถาพื้นฐานในสมัยก่อน ถ้าหากสืบให้ลึกก็คงจะมาจากพวกแม้ว แต่ยังไงซะมันไม่เกี่ยวของกับหลิวเหลียนเลย!”
“นายคงจะเสียเงินฟรีแล้วล่ะ ควรจะเข้าใจสถานการณ์ได้แล้ว และก็แค่ยอมรับมาเถอะว่านายมันโง่ ฉันล่ะอายแทนจริง ๆ!”
ความจริงแล้วเจียงหว่านไม่ได้รู้เลยว่ามันคืออะไร และมันไม่สำคัญว่าตะปูตอกฝาโลงนี้จะมาจากที่ไหน เพราะตราบใดที่ทำให้อู๋จิ้นซื่อโกรธได้ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอพบว่าฟันหน้าของตนหายไปซี่หนึ่ง ซึ่งมันคือฟันหน้าตรงกับริมฝีปากพอดี
ทันใดนั้น หญิงสาวก็คิดมาได้ว่าการกินเนื้อสัตว์คงจะไม่อร่อยอีกต่อไปแล้ว
เธอจึงคิดจะจัดการกับอู๋จิ้นซื่อโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
ซึ่งเวลานี้ เจียงหว่านก็ทำให้อู๋จิ้นซื่อโกรธมาก โกรธมากจริง ๆ
พอได้ยินเธอพูดแบบนั้น เขาก็เริ่มสงสัยขึ้นมา
เขาหันมองคนด้านข้างก่อนจะถามขึ้น “ที่หลิวเหลียนมีตะปูสะกดวิญญาณไหม?”
ผู้ใต้บังคับบัญชาคล้ายจะสับสน “ผมเองก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่ผมได้ยินว่าพวกเขาชื่นชอบการเลี้ยงผีตัวเล็ก ๆ ไว้ที่บ้าน แต่ก็ไม่รู้หรอกครับว่าจริงหรือเปล่า!”
อู๋จิ้นซื่อตบโต๊ะด้วยความโกรธ ก่อนจะคำรามลั่น
“ให้ตาย! ฉันโดนหลอกงั้นเหรอ ฉันเสียเงินไปกว่าแสนหยวนเลยนะ!”
เจียงหว่านสูดลมหายใจเข้าเพื่อรวมความกล้า และกล่าวออกไป “หนึ่งแสนหยวนเชียวเหรอ หึ เอามาให้ฉันยังดีซะกว่า!”
อู๋จิ้นซื่อเลิกคิ้ว แล้วหันมองเธอ “หมายความว่ายังไง? เธอปลุกเสกตะปูสะกดวิญญาณได้รึไง?”