เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 149 โจ๊กเห็ดพิษหม้อใหญ่
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 149 โจ๊กเห็ดพิษหม้อใหญ่
บทที่ 149 โจ๊กเห็ดพิษหม้อใหญ่
ได้ยินที่หมาจื่อกล่าวหาอย่างนั้นแล้ว เหลยช่านก็หันมองเจียงหว่านอย่างคาดคั้น
เจียงหว่านยกยิ้มในใจ “จุ๊จุ๊ พวกนายทุกคนต้องการขายฉันนะ ฉันจะแก้แค้นหย่อยไม่ได้หรือไง”
“น่าเสียดายที่ฉันไม่มียาพิษ ไม่อย่างนั้นฉันจะวางยาพิษพวกนายแน่นอน”
“ก้อนดินนี้แหละจะแก้แค้นให้กับฉัน!”
เวลานี้เธอทั้งไร้ยางอายอย่างกับหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก พวกคนตรงหน้าถึงกับร่างกายแข็งค้างไปชั่วขณะ
เหลยช่านระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เอาหน่า ถ้าทำได้จริง ก็ไปเอายาพิษมาให้พวกเรากินเสียสิ”
เจียงหว่านแบมือยักไหล่ “ก็ฉันทำไม่ได้”
เหลยช่านแค่นเสียงเย็นชาก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน
ตอนนี้หมาจื่อสับสน “ไม่ ไม่ใช่เรื่องนั้นสิ เธอหยิบก้อนดินออกจากเป้ากางเกงแล้วโยนใส่หม้อนะ ใครจะไปกินลง?”
เสียงของเหลยช่านดังขึ้นจากด้านใน “ไม่เคยกินตรงนั้นของผู้หญิงหรือไง? ไม่ตายหรอก กิน ๆ เข้าไปเถอะ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องกิน!”
จ้าวเฟิงหน้ามือมน มองเจียงหว่านอย่างไม่พอใจ
ส่วนเจียงหว่านทำหน้าไร้เดียงสาตอบกลับ “ฉันไม่มียาพิษสักหน่อย ถึงอยากจะพยายามหามันมาแทบตายก็เถอะ”
เธอใช้กระชอนตักฟองที่ลอยอยู่ในโจ๊กออกมา พร้อมกับวางไว้ในโถแก้วบิ่น ๆ ด้านข้าง
ระหว่างทานอาหาร หลายคนจ้องมองโจ๊กในหม้อพร้อมขมวดคิ้ว
เจียงหว่านตักมันใส่ชามก่อนจะเอ่ยปากขึ้น “ฉันตักออกหมดแล้ว แล้วฉันก็กล้ากินด้วย พวกนายจะกลัวอะไร!”
เหลยช่านเงียบไป ก่อนจะหยิบชามโจ๊กมาดื่ม
หลังจากจิบไปสักหน่อย เขาเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา “อื้ม โจ๊กวันนี้รสชาติดีทีเดียว หวานด้วย”
เจียงหว่านยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ใช่ พวกนายมันไม่รู้อะไรเอาซะเลย”
เธอยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจแต่ความจริงแล้วกำลังลอบสาปแช่งอยู่ลึก ๆ
‘พูดอะไรบ้า ๆ! มันคือเห็ดพิษ ยิ่งมีพิษมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดูสดใหม่ ไม่แปลกใจหรอกที่พวกมันจะมีรสชาติดีขนาดนี้!’
ได้ยินเหลยช่านพูด จ้าวเฟิงก็ขมวดคิ้วมุ่นและนึกสงสัย เขาจึงยกโจ๊กขึ้นจิบด้วย และพบว่ามันอร่อยมาก!
“ผมพูดได้เลยว่านังอ้วนคนนี้มันมีมีความสามารถจริง ๆ”
หมาจื่อเป็นคนสุดท้ายที่ยกดื่ม ด้วยสีหน้าอมทุกข์ แต่หลังจากจิบไปหนึ่งคำ เขารู้สึกว่ารสชาติของมันดีจริง ๆ
เจียงหว่านจึงฉวยโอกาสช่วงที่พวกเขาไม่ทันมอง เทโจ๊กทั้งหมดในชามของตัวเองลงพื้น ก่อนจะยกยิ้มให้กับทั้งสามคนที่นั่งกินโจ๊กเห็ดพิษอยู่
เท่านี้อาจไม่พอ…
เจ้าพวกนี้ไม่มีอะไรต้องไปทำต่อหลังกินข้าว จึงมีเวลาว่างเหลือเฟือ
จ้าวเฟิงตื่นขึ้นมาในกลางดึก เขาเกือบเดินชนประตู จึงพึมพำออกมาอย่างหัวเสีย
“หมาจื่อ ทำไมไม่ยอมนอน? มายืนทำอะไรที่ประตู!”
หลังพูดจบ เขาตบกรอบประตูเสียงดัง แต่เพราะกรอบประตูค่อนข้างแข็ง จึงรู้สึกว่าเจ็บมือ
“เด็กน้อยเอ๋ย กระดูกของนายแข็งแกร่งจริง ๆ!” จากนั้นเขายกยิ้ม เดินออกไปที่สนามหญ้า
เจียงหว่านเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธอหรี่ตาลงพร้อมยกยิ้มมุมปากลอบมีความสุขในใจ
ดูเหมือนว่าเห็ดพิษจะได้ผล
วันนี้เธอใช้มันเพียงเล็กน้อย และเห็ดพิษพวกนั้นจะถูกขับถ่ายออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ออกฤทธิ์อะไรมากนัก
แต่ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกมาก
ตอนกลางคืน เจียงหว่านบอกว่าจะไปห้องน้ำ แล้วแอบหยิบเห็ดพิษออกมาจากกระเป๋ากางเกง
แต่ละชิ้นมีสีดำสนิท แทบจะเหมือนกับขี้หนูไม่ผิดเพี้ยน!
เธอถือมันไว้หนึ่งกำมือ
เจียงหว่านใส่เห็ดพิษทั้งหมดลงในโถแก้ว แช่มันไว้ในน้ำแล้วซ่อนโถนี้เอาไว้
จากนั้นจึงกลับไปนอน
รุ่งเช้า เธอลุกขึ้นเพื่อทำอาหาร หมาจื่อคล้ายว่าจะหวาดกลัวเจ้าก้อนดินนั่น จึงมาจ้องมองเธอไม่ละสายตา
แต่เจียงหว่านไม่สนใจ อยากมองก็มองไป วันนี้ฉันไม่ได้คิดจะวางยาพิษพวกนายอยู่แล้ว
ขณะทำอาหาร เจียงหว่านได้ยินเหลยช่านกับจ้าวเฟิงคุยกันว่า
“พรุ่งนี้เราจะออกเดินทาง เราจะถึงชายแดนตำบลหลีฮวาในตอนเย็น ผู้คุ้มกันจะรออยู่ตรงด่านในภูเขา เราน่าจะออกจากประเทศจีนได้ในช่วงเช้าของวันมะรืน”
จ้าวเฟิงถามขึ้นมาด้วยความสับสน “เป็นไปได้เหรอที่เราจะลอบข้ามไปโดยไม่ผ่านตำบลหลีฮวา? แบบนี้จะอันตรายไหมครับ!”
เหลยช่านส่ายศีรษะ “ไม่ ไม่นานนี้เพิ่งมีข่าว ว่ากันว่าภูเขาถูกเจาะเส้นทางเรียบร้อยแล้ว”
“ไม่ต้องห่วง คนที่หมาจื่อหามานับว่าเชื่อถือได้!”
เจียงหว่านไม่รู้ว่าทั้งสองคนกำลังพึมพำอะไรกัน แต่เธอมั่นใจว่าพวกเขากำลังจะออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องลงมือในช่วงกลางดึก
ประมาณสี่โมงเย็น เจียงหว่านเริ่มทำอาหารตามปกติ เหลยช่านก็ออกมาจากบ้านพร้อมเอ่ยปากถามเจียงหว่านว่า
“เจ้านี่อีกแล้วเหรอ ต้องกินอีกนานแค่ไหน?”
เจียงหว่านตอบกลับ “ประมาณสิบวันจึงจะดี ตอนนี้กระเพาะอาหารกับลำไส้ของนายยังกินอะไรหนัก ๆ ไม่ได้”
เหลยช่านขมวดคิ้ว “ฉันไม่ได้ท้องเสีย แค่ถ่ายไม่ออก”
เจียงหว่านดุ “นั่นเป็นสัญญาณของอาการไง เคยเรียนหนังสือไหมเนี่ย?”
เหลยช่านส่ายศีรษะ
เจียงหว่านตอบกลับ “ลำไส้ของมนุษย์น่ะยาวมาก นายไม่เคยดึงลำไส้ของใครออกมาหรือไง!”
เหลยช่านขมวดคิ้ว “ของพวกนั้นน่ารังเกียจ ฉันไม่อยากมอง”
เจียงหว่านพูดต่อ “อืม เพราะนายเป็นอย่างนี้ไงล่ะ ลำไส้ของมนุษย์ยาวมาก ยาวประมาณแปดถึงเก้าเมตรเชียวนะ”
“ก่อนหน้านี้ที่นายท้องเสีย ทุกอย่างในสำไส้ถูกบีบออกมาจนหมด ตอนนี้ลำไส้ของนายเลยว่างเปล่า”
“ถ้าอยากหาย นายต้องเติมเต็มลำไส้ แล้วมันก็จะออกมาเองแหละ!”
“ลองคิดดูสิ ระยะทางแปดเมตร มันจะใช้เวลาเท่าไหร่!”
เจียงหว่านทำสีหน้าและน้ำเสียงจริงจังมาก
เหลยช่านก็เชื่อสนิท
“แล้วฉันจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เจียงหว่านพนักหน้า “อื้ม ยังดีกว่าที่นายท้องเสีย เพราะตอนนี้นายไม่ได้อ่อนแรงใช่ไหมล่ะ?”
เหลยช่านพึมพำด้วยความพอใจ
เจียงหว่านเลยถือโอกาสถาม “เอาล่ะ งั้นนายก็ควรจะขอความเมตตาจากฉันสิ”
ได้ยินอย่างนั้น เหลยช่านก็ทำหน้าราวกับคนโง่เขลา “อื้ม ขอความเมตตาด้วย”
เจียงหว่านยิ้ม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง
เวลานี้หมาจื่อเฝ้ามองการทำอาหารของเจียงหว่านอยู่ เมื่อเห็นว่าเหลยช่านออกมา เขาก็เดินเข้าไปด้านใน
วันนี้บ้านค่อนข้างชื้นพอสมควร เหลยช่านแทบจะไม่อยู่ในบ้านเลย แต่ออกไปยืนอยู่ที่สนามหญ้าตลอดเวลา
เขายืนหันหลังให้กับเจียงหว่าน หันหน้ามองต้นไม้ใหญ่ เจียงหว่านจึงฉวยโอกาสนี้หยิบโถแก้วที่หมักเห็ดไว้ทั้งคืนออกมาแล้วเทลงในหม้อ
หลังจากเทแล้ว เธอก็ยัดโถแก้วซ่อนไว้เหมือนเดิม
แน่นอน ว่าหลังจากแช่น้ำมาตลอดทั้งคืน เห็ดก็ไม่ใช่สีดำอีกต่อไป
ทั้งเจียงหว่านยังใส่ผักมากมายเพื่อพรางตาด้วย
โจ๊กเห็ดพิษสดใหม่ก็เสร็จสมบูรณ์
คราวนี้เจียงหว่านไม่ได้ตักส่วนผสมอะไรออกจากหม้อเลย แล้วเธอก็มีอาหารเที่ยงเหลืออยู่ด้วย จึงเลือกที่จะกินของเหลือพวกนั้นแทน
แต่ในหมู่พวกเขา ไม่มีใครสนใจความผิดปกตินี้เลย!
ฟ้ามืดแล้ว เจียงหว่านกำลังจะขึ้นเตียง
ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก
หมาจื่อออกไปก่อนจะวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว “รีบไปเร็วเข้า พวกเรารอถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว ข่าวกรองบอกว่ามีทีมสำรวจลงพื้นที่แล้ว และจะมีคนจำนวนมากมาลาดตระเวนที่ชายแดน!”
เหลยช่านได้ยินอย่างนั้นรีบลุกขึ้นพร้อมกับลากเจียงหว่านออกไปโดยไม่อธิบายอะไร
โชคดีที่เจียงหว่านสวมเสื้อผ้านอน เพียงสวมใส่รองเท้าและออกไปได้ทันที
เจียงหว่านอดไม่ได้ที่จะสับสน กว่าเธอจะตั้งสติได้ ทุกคนก็ขึ้นไปบนเกวียนกันแล้ว
บนภูเขา ไร้ซึ่งแสงไฟยามค่ำคืน และแสงจันทร์คืนนี้ไม่ได้สว่างสักเท่าไหร่ ต่อให้เดินอยู่บนถนน แต่ไม่ว่าหนทางใดก็มืดสนิท
ซึ่งวัวจะไม่ยอมเดิน หากไม่มีแสงสว่างเพียงพอ
หมาจื่อพยายามผลักดันมันอยู่นาน จนในที่สุดเขาก็เอ่ยปากขึ้นว่า “มันไม่เดิน งั้นเราเดินต่อกันเถอะ”
จ้าวเฟิงสาปแช่ง “บัดซบ ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทุกอย่างกำลังจะดีแล้วเชียว”
หมาจื่อกระซิบ “ใครจะไปรู้ล่ะว่าเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนชายแดนและตำรวจพวกนี้จะทำแบบนี้ทุกสิบวัน!”
เหลยช่านถาม “อีกนานแค่ไหนกว่าจะคลายมาตรการ?”
หมาจื่อคิดสักครู่ก่อน “น่าจะเจ็ดวัน”
ส่วนที่เจียงหว่านสับสน เอ่ยปากถามขึ้น “เราก็ใช้รถจี๊ปขับมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ? รถไม่ได้พังสักหน่อย ทำไมถึงไม่ขับมันล่ะ?”
หลายคนหันมองเธอ
เจียงหว่านโบกมือ “ฉันพูดอะไรผิดเหรอ? ยังไงรถจี๊ปก็ดีกว่าเกวียนวัวอยู่แล้วนี่”
หมาจื่อตะคอก “ถนนนี้เป็นเส้นทางภูเขาและป่าทึบ รถจะเข้าไปในสถานที่แบบนั้นได้ยังไง! แค่ขับไปก็คงจะตกเขาแล้ว”
“ไม่อย่างนั้นพวกตำรวจก็คงมาถึงตั้งนานแล้วสิ”
เหลยช่านเงียบ “ไปกันเถอะ ยิ่งเราออกจากประเทศนี้ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!”
ด้วยเหตุผลนี้ พวกเขาทั้งสามคนต้องทิ้งเกวียนวัวและเดินไปด้วยตัวเอง
หลังจากเดินมาเกือบทั้งคืน เจียงหว่านก็รู้สึกว่ามันสมควรแก่เวลาแล้ว
เธอพยายามสังเกตอาการของทั้งสามคน แน่นอนว่าตอนนี้เห็ดพิษเริ่มส่งผลกระทบต่อร่างกายพวกเขาแล้ว
“เฮ้อ ถนนเส้นนี้มีแต่อะไรเนี่ย! ทำไมมีกบเยอะแยะแบบนี้!” หมาจื่อบ่นออกมา
จ้าวเฟิงเองขยี้ตาพร้อมตะโกนว่า
“บ้าจริง สมองของฉันเป็นอะไรไป ฉันเห็นพังพอนเดินว่อนไปทั่ว แถมพวกมันยืนสองขาใส่ฉัน!”
เหลยช่านที่ได้ยินถึงกับขมวดคิ้วงุนงง