เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 148 ฉันจะวางยาพิษนายให้ตาย!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 148 ฉันจะวางยาพิษนายให้ตาย!
บทที่ 148 ฉันจะวางยาพิษนายให้ตาย!
เหลยช่านขมวดคิ้วไม่พอใจ และทันใดนั้นจ้าวเฟิงดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงกล่าวกระซิบ
“ผมจำได้ว่ายัยอ้วนคนนี้ทำอาหารเป็น ผมได้ยินหลิวหูพูดว่าหมูตุ๋นของนังนี่อร่อยมาก”
ถึงจะพูดแบบนั้นเขาเองก็ไม่เคยได้กินมัน เพราะตอนที่หลิวหูบอกว่ามีความแค้นกับเธอ เขาก็ไม่คิดจะซื้ออาหารที่เธอขาย
เมื่อเหลยช่านได้ยินอย่างนั้น เขาก็มองไปที่เจียงหว่านอย่างสงสัย “เธอทำอาหารได้ไหม?”
เจียงหว่านเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ง่ายอย่างกับปลอกกล้วยเข้าปาก ฉันเป็นที่รู้จักในนามเทพธิดาแห่งการทำอาหารนะ!”
เทพธิดาแห่งการทำอาหาร? ชื่ออะไรน่ะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน
เหลยช่านพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ งั้นต่อไปนี้เธอต้องทำอาหาร!”
เจียงหว่านส่ายหัว “ไม่! นายจะเอาฉันไปขาย ทำไมฉันต้องมาทำอาหารให้นายกินด้วย? เดี๋ยวฉันก็จะอดไม่ได้ที่จะเทเกลือลงไป แล้วฆ่านายหรอก!”
จ้าวเฟิงได้ยินอย่างนั้นก็โกรธมาก “หนอย… ยัยอ้วน! เธอต้องถูกลูกพี่ตีจนตายแน่!”
เหลยช่านได้ยินเจียงหว่านพูด แต่ก็ยังคงนิ่ง
เขามองเจียงหว่าน แล้วพูดว่า “จะลองดูก็ได้นะ ว่าเธอจะฆ่าพวกเราก่อน หรือเราจะฆ่าเธอก่อน!”
เจียงหว่านเม้มริมฝีปากแน่น ความตื่นตระหนกวาบไปทั่วดวงตา เธอพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
”ก็ได้ ทำก็ทำ!”
จ้าวเฟิงยังอดกังวลไม่ได้ “พี่เหลย พี่ไม่กลัวมันวางยาพิษเหรอ?”
เหลยช่านกลอกตาเบื่อหน่าย “แกดูสิว่ามียาพิษในสวนนี้ไหม? หรือยัยนี่จะวางยาพิษเราด้วยการถ่มน้ำลายลงในหม้อล่ะ”
“ยัยนี่ก็แค่หมูตอน ไม่ใช่งูพิษ!”
จ้าวเฟิงพูดไม่ออก แม้จะเห็นด้วยก็ตาม
เช่นนี้แล้ว การทำอาหารจึงตกเป็นหน้าที่ของเจียงหว่าน
เมื่อถึงเวลาเข้านอน บ้านนี้มีห้าห้อง
เหลยช่านพาเธอไปที่ห้องด้านหลัง ชี้ไปที่เตียง แล้วพูดว่า
“เธอกับฉันจะนอนห้องนี้”
เตียงใหญ่พอที่จะนอนคนละฝั่งโดยไม่รบกวนกัน
เจียงหว่านยืนนิ่ง ดูเหมือนจะลังเล
เหลยช่านเลิกคิ้วขึ้น และพูดอย่างไม่พอใจ
”ไม่ต้องกลัว เจ้าพ่ออย่างฉันไม่สนใจผู้หญิงหรอก แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงอย่างเธอยิ่งไม่ต้องพูดถึง หลับให้สบายเถอะ”
“ตราบใดที่เธอเชื่อฟัง ฉันจะมอบเธอให้กับอู๋จิ้นซื่อแบบที่ร่างกายยังอยู่ครบทั้งหัวและหาง”
”แต่ถ้าเธออยากเป็นสัตว์ประหลาด ฉันก็พร้อมจะสนอง!”
พอได้ยินอย่างนั้น เจียงหว่านก็ปีนขึ้นไปบนเตียง แล้วนอนลงโดยไม่พูดไม่จา
ต่อมา เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของเหลยช่านที่อยู่ไม่ไกล เจียงหว่านก็เอามือสอดไปที่ขอบกางเกง
ตรงนั้นมีมีดคม ๆ ซ่อนอยู่
นิ้วของเธอแตะที่ด้ามมีด ทว่าก็หยุดชะงักไป และปล่อยมือออกในที่สุด
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ต้องรอก่อน!
เพราะอีกฝ่ายคือเหลยช่าน เธอไม่แน่ใจเลยว่าการจะฆ่าเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว จะกลายเป็นเธอที่ตายไปก่อนหรือเปล่า
ยิ่งไปกว่านั้น กังฟูของเขา เธอไม่สามารถต่อกรได้เลย
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็ค่อย ๆ ปล่อยมือแล้วหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหว่านลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และไปทำหมูตุ๋น
ในระหว่างมื้ออาหาร ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือของเธอ
“ยัยอ้วนนี่ทำอาหารเก่งจริง ๆ อร่อยกว่าที่ฉันทำอีก!” ชายร่างผอมพึมพำขณะที่กินไม่หยุด
ท่าทีของเหลยช่านกับจ้าวเฟิงก็ดูพึงพอใจเช่นกัน
หลังจากทานอาหารแล้ว ทั้งสามคนก็รวมตัว และเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง
เจียงหว่านพยายามเงี่ยหูฟัง จนได้ยินพวกเขาพูดว่า
“ดูเหมือนว่าอู๋จิ้นซื่อจะเจอปัญหา การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้นมาก จะเข้าไปในหมู่บ้านแต่ละทีก็ยากลำบาก!”
“แล้วทำยังไง? เราจะไม่ไปแล้วเหรอ?”
“ไม่เป็นไร หมาจื่อจะดูลาดเลา และให้คนไปคุยกับอู๋จินซื่อเพื่อดูว่าเขาจะส่งคนมาเอานังอ้วนนี่ หรือเราจะต้องส่งไปให้เขา”
หมาจื่อก็คือชายร่างผอมนั่นเอง
“เอาล่ะ รอสักสองสามวันแล้วฉันจะกลับมา”
หมาจื่อเก็บข้าวของ และขับเกวียนออกไป
ที่นี่จึงเหลือเพียงเหลยช่านกับจ้าวเฟิง
ขณะเดียวกันในเมืองหลิงเฉิง เจียงเฉิงใช้เส้นสายของเขาเพื่อขอเช่ารถ
เจียงเฉิงมอบกุญแจรถให้เฉียวเหลียนเฉิง
“ตอนนี้ยังไม่มีใครมาที่ตำบลหลีฮวา คงยังมาไม่ถึง”
“แต่ถ้าเป็นอู๋จิ้นซื่อจริง มันจะต้องอยู่ในหนานหลีแน่นอน นายแค่ขับรถไปตามถนนสายหลัก แล้วไปที่ตำบลหลีฮวาก่อนที่ทางจะถูกปิด”
“ฉันจะโทรบอกเพื่อนไว้ให้ เขาจะรอรับนายอยู่ที่นั่น!”
“ปกตินายไม่ค่อยได้ขับรถ ขับระวังด้วยล่ะ เจียงหว่านยังคงรอให้นายไปช่วยอยู่!”
เจียงเฉิงกลัวว่าเฉียวเหลียนจะต้องไปลงเอยในคูน้ำ
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้ารับคำ คว้ากุญแจรถ และสะพายเป้ออกไป ทันใดนั้นก็มีมือเล็ก ๆ มาคว้าชายเสื้อเขาไว้
เฉียวเหลียนเฉิงหยุดชะงัก และก้มมอง ก็เห็นผิงอันเงยหน้าขึ้นมองตน
“น้าอ้วนจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า “อื้อ พ่อจะช่วยเธอให้ได้”
ผิงอันพยายามหยุดสั่น “ถ้าพ่อช่วยเธอได้ ผมจะทำดีกับเธอให้มากกว่านี้ แม้ว่าผมจะยังไม่ชอบเธอก็เถอะ”
เฉียวเหลียนเฉิงลูบหัวของลูกชาย หันหลังกลับ เข้าไปในรถอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วขับออกไป
เมื่อเห็นรถลับสายตาไป เจียงเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะถามผิงอัน
“ทำไมถึงไม่ชอบน้าอ้วนล่ะ เธอดีกับนายมากนะ แถมยังเอาตัวเข้าแลกเพื่อช่วยนายแบบนี้อีก ถ้าไม่ได้เธอคนที่จะถูกพาตัวไปในครั้งนี้ต้องเป็นนายแน่”
เฉียวผิงอันตะคอกกลับ “เพราะเธอโง่และโง่เกินไป ดูยังไงก็ไม่ฉลาดไงล่ะ”
เจียงเฉิงสงสัย “เธอโง่ตรงไหน?”
ผิงอันตอบว่า “คนฉลาดที่ไหนจะยอมแลกตัวเองเป็นตัวประกันเพื่อคนอื่น? มีแค่คนโง่อย่างเธอนั่นแหละที่ทำแบบนี้”
หลังได้ยินอย่างนั้น เจียงเฉิงก็ตกตะลึงไป ผิงอันก็พูดต่อ “ก็เธอโง่ขนาดนั้น ถ้าผมไม่อยู่ดูแลเธอต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น”
เด็กชายถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และไพล่มือไว้ด้านหลัง
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามวัน
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา เจียงหว่านต้องเตรียมอาหารสามมื้อต่อวัน มีหลายครั้งที่ไม่มีใครอยู่ที่บ้านแต่เจียงหว่านก็ไม่คิดจะหลบหนี
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ เหลยช่านกับจ้าวเฟิงก็ไม่ได้สนใจเจียงหว่านมากนัก
ในที่สุด ในคืนที่สามหลังจากที่พวกเขาอยู่ที่นี่ เจียงหว่านก็ตัดสินใจลงมือ
เธอไม่ใช่คนประพฤติตัวดีและเชื่อฟังอะไรมากนักอยู่แล้ว เธอหนักตั้งร้อยกิโลกรัม รวมกระดูกอีกก็เป็นร้อยสิบ
จะเชื่อฟังและโอนอ่อนทำตามสิ่งที่เจ้าพวกนั้นบอกได้อย่างไร
อันที่จริง เจียงหว่านกำลังคิดวิธีที่จะหลบหนีออกมาสักพักแล้ว แต่เธอตระหนักถึงคำพูดของเหลยช่าน และทักษะกังฟูของเขาได้
เธอรู้ว่าแม้จะหลบหนีไป เรื่องมันก็จะไม่มีวันจบสิ้น
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องไกลตัว มาพูดถึงคนใกล้ตัวดีกว่า เธอคงไม่ได้อยู่อย่างสงบจนกว่าเหลยช่านกับจ้าวเฟิงจะตายนั่นแหละ
ดังนั้นเจียงหว่านจึงล้มล้างสมมติฐานนับไม่ถ้วนในใจ
ในที่สุดก็เลือกวิธีได้สำเร็จ ‘ยาพิษ!’
แต่คำพูดของเหลยช่านนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล สมัยนี้ยาพิษหายาก
แถมยังหาไม่ได้ง่าย ๆ ตามท้องถนน
ดังนั้นเจียงหว่านจึงได้เตรียมการอย่างลับ ๆ มาตลอด
และในที่สุดโอกาสก็มาถึงแล้ว
เจียงหว่านต้มน้ำในหม้อใบใหญ่ จากนั้นก็คว้าเมล็ดข้าวโพดมาหนึ่งกำมือแล้วโยนลงไป ขณะที่กวนอยู่ เธอก็เอามือสอดเข้าไปในขอบกางเกง
เธอมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าไม่มีใครอยู่ จึงรีบลงมือ ผ่านไปครู่หนึ่ง นิ้วของเธอก็หยิบผงสีดำ ๆ ขนาดเท่าเมล็ดข้าวออกมาจากขอบเอวกางเกง
เธอใส่ผงเหล่านั้นลงไปในหม้อ
แล้วหยิบอันที่สองออกมา
ผงสีดำเจ็ดแปดเม็ดที่มีขนาดเท่าเมล็ดข้าวก็ลงไปอยู่ในหม้อเรียบร้อย
”เธอกำลังทำอะไรน่ะ?” เสียงที่แสดงถึงความสงสัยดังขึ้นที่ประตู
เจียงหว่านสั่นสะท้าน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
เขาหันกลับไปและเห็นชายร่างผอมยืนอยู่ที่ประตู เขาคือหมาจื่อ ชายที่จากไปเมื่อสามวันก่อน
เจียงหว่านตอบกลับ “ฉัน…ฉันทำอาหารอยู่ไง!”
หมาจื่อหัวเราะ “ฉันรู้ว่าเธอกำลังทำอาหาร แต่เธอโยนอะไรลงไปในหม้อ!”
หัวใจของเจียงหว่านเต้นแรงอีกครั้ง เหงื่อเริ่มไหลลงมาจากหน้าผาก
ในเวลานี้เสียงของหมาจื่อทำให้คนในบ้านตกใจ
เหลยช่านและจ้าวเฟิงออกมาดู
“มีอะไรเหรอ?” เหลยช่านถาม
ก่อนที่เจียงหว่านจะพูดอะไรหมาจื่อก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “ยัยอ้วนนี่น่าขยะแขยงจริง ๆ มันเอาก้อนดินออกมาจากกางเกงแล้วโยนมันลงในหม้อ”
เหลยช่านกับจ้าวเฟิงเงียบกริบ
ส่วนเจียงหว่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไม่ใช่ก้อนดินอะไรทั้งนั้น แต่ในกางเกงของเจียงหว่านมีมีดคม ๆ ซ่อนอยู่ต่างหาก เพราะฝันร้ายในคืนนั้น เจียงหว่านจึงลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อเย็บมันเข้ากับกางเกง
และเพื่อป้องกันไม่ให้มีดคมทำร้ายตัวเอง เธอจึงตัดชุดผ้าลินินขึ้นมาเป็นพิเศษ พันมีดเป็นชั้น ๆ แล้วเย็บเข้ากับกางเกง
ตอนที่เย็บผ้า เจียงหว่านต้องระมัดระวังไม่ให้เผลอเย็บปิดทั้งหมด
ต้องเหลือช่องว่างเล็ก ๆ ให้สามารถสอดนิ้วได้
หากเปรียบให้เห็นภาพ มันเหมือนกับมีดคม ๆ ที่เย็บเข้ากับกางเกง ถูกห่อไว้ในกระเป๋าเล็ก ๆ หลาย ๆ ชั้น
กระเป๋าเล็ก ๆ พวกนี้มีไว้ทำอะไรน่ะเหรอ?
ไว้ใส่เงินไงล่ะ!
เดี๋ยวนี้ผู้คนชอบเย็บกระเป๋ากางเกงเมื่อต้องเดินทางเพื่อพกเงินติดตัวไว้
รูเล็ก ๆ นี้จึงถูกใช้เพื่อใส่เงิน
เธอถูกเหลยช่านลักพาตัวมา ก่อนออกเดินทางเธอก็หยิบเงินออกซ่อนไว้ในบ้าน พกติดตัวมาแค่เล็กน้อย กระเป๋าจึงยังเหลือที่ว่าง
ระหว่างทาง จ้าวเฟิงขับรถเข้าป่า และผ่านภูเขา เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนติดตาม
เจียงหว่านจึงถือโอกาสที่เข้าไปในป่าเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ในการหายาพิษ
ตัวอย่างเช่น เห็ดพิษ
เธอไม่รู้ว่าเห็ดชนิดไหนที่มีพิษ รู้แค่ว่าถ้าสีเข้มและสีสวย ๆ ก็น่าจะมีพิษหรือเปล่า?
ทุกครั้งที่เธอเจออะไรพวกนี้ เธอจะเก็บรวบรวมมาไว้ในกระเป๋าใบเล็ก
ระหว่างทางเห็ดพิษเหล่านั้นก็กลายเป็นสีดำและร่วงโรยไป
ตอนนี้เมื่อดึงมันออกมา มันก็เหลือเพียงขนาดเท่าเมล็ดข้าว มองผ่าน ๆ ก็เหมือนกับก้อนขี้ไคล