เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 141 หว่านหว่านได้เบาะแส!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 141 หว่านหว่านได้เบาะแส!
บทที่ 141 หว่านหว่านได้เบาะแส!
ผู้กำกับพยักหน้ารับคำขอ
หลังจากนั้น เจียงหว่านก็ออกจากสถานีตำรวจ และกำลังจะกลับบ้าน
แต่เธอก็เห็นจ้าวฟางยืนรออยู่นอกประตูสถานี
“เมื่อกี้ฉันตะโกนเรียกเธอแล้ว แต่เธอไม่ได้ยิน”
จ้าวฟางกล่าวทักทาย
เจียงหว่านประหลาดใจ “ตามหาฉันเหรอ? ทำไมหาเงินได้เร็วจัง”
จ้าวฟางเม้มปาก ก่อนจะตอบกลับว่า “ครอบครัวของฉันมีเงินแค่สี่สิบหยวน ฉันได้มันมาจากการขายแตงโมของปีนี้”
ยุคนี้เริ่มมีการทำสัญญาที่ดินแล้ว แต่ชาวบ้านส่วนมากยังไม่รู้วิธีปลูกข้าว พวกเขาจึงเลือกที่จะปลูกผักและผลไม้แทน
จ้าวฟางกล่าวต่อ “เดี๋ยวตอนฉันกลับไปที่บ้านพ่อแม่ จะยืมเงินที่บ้านมาจ่ายส่วนที่เหลือให้เธอ”
เจียงหว่านไม่คิดมาก่อนว่าผู้หญิงที่ดูดื้อรั้น และไร้เหตุผลคนนี้ จะพยายามอย่างหนักเพื่อหาเงินมาคืน
หลังจากรับเงินสี่สิบหยวนมาแล้ว เจียงหว่านก็หยิบสัญญาเงินกู้ออกมา และเขียนว่า ‘ได้รับชำระเงินแล้วสี่สิบหยวน’
หลังเห็นข้อความที่อีกฝ่ายเขียนลงในสัญญา จ้าวเฟิงก็ประหลาดใจ “เธอนี่ประหลาดคนจริง ๆ!”
เจียงหว่านยิ้ม “ฉันแค่เป็นคนเถรตรง ทำทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา”
จ้าวฟางยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องวันนั้นฉันขอโทษจริง ๆ ฉันโกรธจนไม่มีสติเลย”
“ฉันเคยถามลูกชายแล้ว เขาบอกความจริงกับฉันว่าเขาขายรถเข็นเพื่อเอาเงินไปซื้อไอติม และฉันเองก็ไม่อยากตีเขา เลยโยนให้เป็นความผิดชู้ของสามีแทน”
“ตอนนี้ฉันก็รู้แล้วด้วยว่าคนที่มั่วกับสามีฉันเป็นหญิงม่ายคนนั้น”
จ้าวฟางก้มหน้าลงต่ำ ดวงตาของเธอแดงก่ำเพราะความโศกเศร้า
เจียงหว่านไม่พูดอะไร เธอไม่คิดจะไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นอยู่แล้ว
จ้าวฟางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดต่อว่า “เดี๋ยวฉันจะไปยืมเงินพ่อกับแม่ ถ้ามีพอแล้วจะเอามาให้นะ”
ก่อนเธอจะกลับไปก็ดูเหมือนว่าจะนึกบางอย่างได้ จึงแอบกระซิบ “อ้อ ฉันมีบางอย่างจะเตือนเธอไว้ก่อน”
“ถ้าสามีของฉันบอกให้เธอตามเขาไปเอาเงิน อย่าไปเชียวนะ”
เจียงหว่านไม่เข้าใจที่เธอพูด
จ้าวฟางกระซิบต่อ “เมื่อวานนี้ลูกพี่ลูกน้องของฉันมาที่บ้านพร้อมกับผู้ชายคนนึง เขาพร่ำบ่นไม่หยุด และฉันก็ได้ยินพวกเขาพูดว่า ถ้าเธอจะเอาเงิน พวกเขาจะเอาชีวิตเธอ!”
“ลูกพี่ลูกน้องของฉันเรียนอยู่ในโรงฝึกศิลปะการต่อสู้ในเมือง ฉันได้ยินว่าเขาค่อนข้างมีฝีมือ ไม่หวาดกลัวอะไร อีกอย่างเขาเป็นพวกอันธพาล”
“ฉันกลัวว่าพวกเขาจะมาหาเรื่องเธอเพราะเรื่องนั้น”
เจียงหว่านประหลาดใจ “แล้วเธอมาบอกฉันทำไม?”
จ้าวฟางยิ้มขมขื่น “เพราะฉันทำอะไรไม่ได้ แถมพังแผงของเธออีก หลังจากฉันกลับไปคิดทบทวน ฉันก็อับอายมาก”
“แต่ลูกพี่ลูกน้องของฉันเป็นพวกใจเหี้ยม ฉันเคยได้ยินว่าเขาเคยฆ่าคนด้วย!”
รูม่านตาของเจียงหว่านหดลงเล็กน้อย พลันความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามา
“เธอชื่อจ้าวฟางใช่ไหม?”
จ้าวฟางพยักหน้า
เจียงหว่านจึงถามว่า “ลูกพี่ลูกน้องของเธอชื่ออะไร?”
จ้างฟางตอบสั้น ๆ “จ้าวเฟิง”
อืม…ชัดเจน!
ทีมศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งในเมืองทั้งหมดใช้สกุลจ้าว
เจียงหว่านถึงกับเคร่งเครียด
เธอเอ่ยปากถามอีกครั้ง “จ้าวเฟิงพาใครมาเหรอ? ต้าหลู่? เสี่ยวหลู่? หรือลัวเสี่ยวหนิว?!”
จ้าวฟางสับสนเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดชื่อของทั้งสามคน
“ฉันไม่รู้ว่าคน ๆ นั้นชื่ออะไรหรอก แต่ฉันได้ยินลูกพี่ลูกน้องเรียกคนนั้นว่าพี่เหลย”
“…”
‘พี่เหลย’… เพียงสองคำนี้ทำหัวใจของเจียงหว่านสั่นสะท้าน
คนส่วนใหญ่ในตำบลนี้ใช้สกุลเกา ส่วนในหมู่บ้านรอบ ๆ จะมีสกุลที่แตกต่างออกไป โดยส่วนมากจะเป็นหลี่ หลิว จ้าว หรือไป๋
สกุลอย่างซุน หรือจาง ก็มีแต่ไม่มากนัก
และไม่มีใครสกุลเหลยเลย!
แน่นอนว่าผลสำรวจสำมะโนประชากรล่าสุดในสถานที่ต่าง ๆ ก็ออกมาครบถ้วนแล้ว
ตามที่อู่หยางบอกไว้ มีการสำรวจสำมะโนประชากรเมื่อห้าปีที่แล้ว ซึ่งก็คือปี 1978 ถึง 1979 และไม่มีใครใช้สกุลเหลยเลย
และคราวนี้ที่มีการสำรวจอีกครั้ง ก็ยังไม่พบใครที่ใช้สกุลเหลยเช่นกัน
แล้วพี่เหลยคือใคร? เขาสกุลเหลย หรือว่าใช้ชื่อจริงว่าเหลยกันแน่?
เจียงหว่านเงียบไปสักพัก และถามต่อ “พี่เหลยงั้นเหรอ… เธอเห็นหน้าเขาไหม?”
จ้าวฟางพยักหน้า
“ฉันเห็นเขาตอนที่ฉันทะเลาะกับสามี วันนั้นหลังจากเรากลับไปถึงบ้านเราทะเลาะกัน และลูกพี่ลูกน้องของฉันก็กลับเข้ามาพร้อมกับพี่เหลยอะไรนั่นพอดี”
“ลูกพี่ลูกน้องของฉันเป็นคนชั่วช้า ถึงอย่างนั้นเขาก็ดีกับฉัน แต่พี่เหลยคนนั้นดูน่ากลัวมาก แค่มองครั้งเดียวก็ทำให้ฉันกลัวจนตัวสั่นแล้ว!”
เจียงหว่านถามอีก “แล้วพี่เหลยคนนั้นมีรอยแผลเป็นบนหน้าด้วยไหม”
จ้าวฟางพยักหน้าทันที “ใช่ ๆ มี ๆ”
ในใจของเจียงหว่านหนักอึ้ง “เธอรอเดี๋ยวนะ”
พูดไม่ทันขาดคำ เจียงหว่านก็หันหลังและวิ่งเข้าไปในสถานีตำรวจ เธอวิ่งไปหยิบใบแจ้งเบาะแส และรีบกลับออกมา
“หน้าตาแบบนี้ใช่ไหม!”
หลังจากเห็นภาพวาดบนกระดาษ ใบหน้าของจ้าวฟางก็ซีดเผือด เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ใช่ ใช่เลย เหมือนกันเปี๊ยบ!”
แน่นอนว่า ภาพวาดที่ร่างออกมาตามคำบอกเล่า ย่อมไม่มีทางเหมือนตัวจริงไปทุกอย่าง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมองออกว่า บุคคลนั้นมีลักษณะโดดเด่นอะไร
พอจ้าวฟางกล่าวอย่างนั้น เจียงหว่านก็ดีใจมาก เธอคว้าตัวอีกฝ่าย พาเข้าไปในสถานีตำรวจ และเรียกหาผู้กำกับทันที
ตอนนี้ผู้กำกับกำลังหาเบาะแสของคนที่ชื่อหลิวเอ้อร์หมินหรือหลิวอ้ายหมินอะไรนั่นอยู่พอดี เมื่อได้ฟังคำให้การของจ้าวฟาง ผู้กำกับก็ตาแดงก่ำขึ้นมา
สิ่งแรกที่เขาทำคือการแจ้งไปยังกองทัพ และขอให้เบื้องบนอนุมัติให้พกปืนไปด้วย
ปกติแล้วตำรวจจะไม่พกปืนติดตัว แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการไล่ล่าเหลยช่าน ผู้กำกับจึงพกปืนติดตัวไว้สองกระบอก
เจียงหว่านเห็นว่าภายในสถานีตำรวจกำลังวุ่นวาย เธอจึงแยกกับจ้าวฟาง และขอตัวกลับก่อน
ดูเหมือนคืนนี้ในตำบลคงจะวุ่นวายมาก เธอจึงควรอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหน เพื่อความปลอดภัย
เจียงหว่านกลับมาบ้าน ก็เห็นว่าผิงอันกำลังทำการบ้านอยู่บนโต๊ะในลาน
เมื่อเจียงหว่านเข้ามา เด็กชายเงยหน้าขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยวว่า “น้าอ้วน ที่อาจารย์สอนมันง่ายจะตาย ทำไมผมต้องทำการบ้านทั้ง ๆ ที่เข้าใจทุกอย่างแล้วด้วย”
เจียงหว่านตอบกลับ “เพราะอาจารย์ให้การบ้านไง การทำการบ้านน่ะไม่ใช่แค่ทดสอบว่าเธอรู้วิธีทำหรือเปล่า แต่มันยังบ่งบอกได้ว่าเธอใส่ใจการเรียนแค่ไหนด้วย”
“ถ้าเธอไม่รู้ว่ามันต้องทำยังไง เธอจะเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง แต่ถ้าเธอรู้วิธีแล้ว เธอก็จะได้ทบทวนความรู้ที่เรียนมา”
ผิงอันยังไม่เห็นด้วย “แต่พวกเราไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษเลย ทำไมน้าอ้วนถึงสอนภาษาอังกฤษให้ผมล่ะ”
เจียงหว่านคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ในโรงเรียนเธอจะไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษจนกว่าจะขึ้นมัธยมต้น แต่มันน่าจะดีกว่าถ้าเธอรู้ภาษาอังกฤษตั้งแต่ตอนนี้!”
ผิงอันยิ้ม “แต่ว่านะอาจารย์ไม่เก่งเท่าน้าอ้วนหรอก! เพราะไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้เลย”
“น้าอ้วนช่วยสอนภาษาอังกฤษให้ผมอีกได้ไหม? คุณไม่ได้สอนภาษาอังกฤษให้ผมมาตั้งนานแล้วนะ!”
เจียงหว่านมองเด็กชายตัวน้อยที่กำลังเรียกร้อง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของเขาเบา ๆ
“เธอนี่เสียงดังกว่าเสี่ยวเสวี่ยอีกนะ”
เสี่ยวเสวี่ยกำลังเดินหาแมลงตัวเล็กกินบนพื้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะได้ยินเจียงหว่านพูดถึง จึงหันศีรษะกลับมา พร้อมกับส่งเสียงร้องตอบเธอสองครั้ง
เจียงหว่านหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่า เธอกับเสี่ยวเสวี่ยเหมือนกันจริง ๆ”
ผิงอันหน้าบูด เขาลูบใบหน้าตัวเองด้วยความขุ่นเคือง “หยุดหยิกแก้มผมได้แล้ว! ผมเป็นผู้ชายนะ แถมคุณก็เป็นผู้หญิง มาบีบหน้าผู้ชายได้ยังไง? ถ้าอยากหยิก ก็ต้องไปหยิกผู้ชายของคุณสิ!”
เจียงหว่านถึงกับหัวเราะลั่นอีกครั้ง