เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 140 เตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ สวยจนตาค้าง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 140 เตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ สวยจนตาค้าง
บทที่ 140 เตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ / สวยจนตาค้าง
เจียงหว่านตอบไปว่า “มันคือชุดชั้นในน่ะค่ะ สวมไว้ที่หน้าอก ถ้ามีตะขอมายึดไว้ จะดูดีกว่านี้มาก”
หลินชิงโหรวหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “อ่า มันไม่น่าอายเหรอ”
เจียงหว่านส่ายศีรษะ “มันไม่น่าอายเลยสักนิด เพราะมันจะอยู่ใต้ผ้า ผู้หญิงตระกูลใหญ่ ๆ ในเมืองหลวงก็ใส่สิ่งนี้เหมือนกันค่ะ”
“แต่พวกเราอยู่ในชนบท…”
หลินชิงโหรวก้มศีรษะลงดูภาพตรงหน้าอย่างไตร่ตรอง
สะใภ้เฉินมองรูปร่างนั่น ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “นี่มันไม่เรียบร้อยเกินไปหรือเปล่า?”
เจียงหว่านยิ้ม “นิดหน่อยเองค่ะ แต่มันจะทำให้เราดูดีขึ้นนะ”
จากนั้นเธอก็กระซิบที่ใบหูของสะใภ้เฉินสองสามคำ
แม้เสียงจะเบามาก แต่หลินชิงโหรวก็ได้ยิน
“นี่ ทำไมเธอพูดเรื่องหน้าอายแบบนี้ได้เนี่ย!” สะใภ้เฉินหน้าแดงก่ำ เธอปิดหน้า และพยามยามไม่คิดถึงภาพนั้น
หลินชิงโหรวเองก็หน้าแดงเช่นกัน แต่แววตาของเธอกลับเปล่งประกาย
“เอาล่ะ ฉันจะกลับไปทำให้ ถ้ามันดูดี ฉันจะทำให้พวกเราทั้งสามคน คนละชิ้นนะ”
ใบหน้าของสะใภ้เฉินยิ่งแดงขึ้นไปอีก “ฉันไม่กล้าใส่หรอก สามีฉันต้องโกรธแน่ ถ้าเห็นฉันใส่อะไรแบบนี้!”
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่เธอก็อดมองหน้าอกของตัวเอง และหยุดจินตนาการถึงภาพตอนสวมใส่ชุดชั้นในไม่ได้เลย
ใบหน้าของทั้งสองยิ่งแดงขึ้นอีก
เจียงหว่านหัวเราะคิกคัก “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะ ฉันกลัวว่าหัวหน้าเฉินจะหยุดรักพี่ไม่ได้มากกว่า ถึงเขาจะรักพี่มากอยู่แล้วก็เถอะ”
หลังพูดอย่างนั้น ทั้งสามคนก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
หลินชิงโหรวกลับไปตัดเย็บอย่างรวเดร็ว จนสามารถทำสิ่งที่เจียงหว่านต้องการเสร็จสิ้นในวันถัดมาได้
“ฉันไม่มีฟองน้ำก็เลยลองใช้ผ้าแทนน่ะ ลองดูสิว่าใช้ได้ไหม?”
เจียงหว่านหยิบมันขึ้นมาลองสัมผัสดู เธอรู้สึกว่ามันค่อนข้างดีเลยทีเดียว นี่คือชุดชั้นในที่เรียบง่าย และมีความเป็นต้นฉบับ
อีกทั้งการทำสิ่งนี้ต้องมีจินตนาการจึงจะทำออกมาได้ยอดเยี่ยม
ทั้งที่นี่เป็นครั้งแรกของหลินชิงโหรว การที่เธอไม่เคยทำมันมาก่อน แต่ทำได้ถึงขนาดนี้นับว่าดีมากจริง ๆ
เจียงหว่านเดินเข้าไปในห้องก่อนจะลองใส่มันคู่กับเสื้อผ้าที่หลินชิงโหรวตัดเย็บให้เมื่อวาน
“โอ้โห! หน้าอกมันเด้งขึ้นมามากกว่าเดิมเยอะเลย น่าอายจัง”
“แต่มันสวยมากจริง ๆ”
ทั้งสะใภ้เฉินกับหลินชิงโหรวเอ่ยปากชื่นชมด้วยความจริงใจ
แม้ทั้งสองจะมีใบหน้าแดงเรื่อเพราะเขินอาย แต่ดวงตากลับเปล่งประกายมาก
“ดูดีจังจริง ๆ แต่ฉันคงไม่กล้าใส่หรอก ถึงแม้จะอยู่ในบ้านก็เถอะ ถ้ามีใครรู้เข้า พวกเขาคงจะหัวเราะฉันตายแน่!” สะใภ้เฉินพึมพำ
หลินชิงโหรวก็พูดต่อ “ไม่เป็นไรหรอก ในกลุ่มของพวกเราไม่มีคนขี้นินทาสักหน่อย คนเดียวที่ชอบนินทาก็ไปอยู่เมืองเหยียนจิงแล้ว เธอจะกลัวอะไรอีกล่ะ”
สะใภ้เฉินนึกบางอย่างขึ้นมาได้ และพูดว่า “เจียงเสวี่ยมีเอวคอดและหน้าอกก็ฟูมาก เธอคิดว่ายัยนั่นใส่ชุดแบบนี้หรือเปล่า?”
หลินชิงโหรวคิดตาม “ไม่รู้สิ แต่ยัยนั้นก็หุ่นดีจริง ๆ นั่นแหละ”
ขณะพูดอย่างนั้น เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้น ทำให้รู้ว่าเฉียวเหลียนเฉิงกลับมาแล้ว
เขาจอดจักรยานไว้หน้าประตู และทันทีที่เปิดประตูลาน เขาก็เห็นเจียงหว่านในเสื้อผ้าชุดใหม่
“หว่านหว่าน ผม…”
ในหัวของเขาว่างเปล่า ลืมทุกถ้อยคำที่จะพูดก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น
เจียงหว่านเงยหน้าขึ้น พลางถามด้วยความสงสัย “ยังไม่มืดสักหน่อย นายมาทำอะไรตอนกลางวันเนี่ย?”
เฉียวเหลียนเฉิงไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว สิ่งเดียวที่เขารับรู้คือเจียงหว่านตรงหน้า
แม้ริมฝีปากของเธอจะขยับพูด แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอกำลังยิ้มให้
“เฉียวเหลียนเฉิง นี่! เฉียวเหลียนเฉิง!” เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป เจียงหว่านก็ตะโกนเรียก พลางโบกไม้โบกมือตรงหน้าชายหนุ่ม
ในที่สุดเฉียวเหลียนเฉิงก็ได้สติ สายตาของเขาจ้องมองเธอด้วยความปรารถนาอย่างลุ่มลึก
“หา? อ้อ! เรื่องอะไรน่ะเหรอ ผมมาถามคุณกับผิงอันว่าจะไปดูการแข่งขันพรุ่งนี้ไหมน่ะ?”
เจียงหว่านถามกลับด้วยความประหลาดใจ “นายบอกฉันว่าต้องรอให้นายเข้ารอบชิงชนะเลิศก่อนไม่ใช่เหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบ “แต่แรกก็ใช่ แต่เพราะปีที่แล้วผมติดสามอันดับแรก คุณเป็นภรรยาของผม จึงสามารถเข้าชมการแข่งขันตั้งแต่ต้นได้เลย ผู้บังคับบัญชาบอกกับผมเอง”
จากนั้นเฉียวเหลียนเฉิงก็ยื่นบัตรผ่านให้กับเธอ มันคือกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีตราประทับสีแดง
เจียงหว่านรับมันมา เธอดูครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบตกลง
ไปดูก็ดี ยังไงซะการไปดูทหารแข่งกัน ก็ดีกว่าไปเดินรอบตำบลรอเหลยช่านปรากฎตัว
นอกจากนี้เธอเองก็สงสัยว่า การแข่งขันศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวในยุคนี้จะเป็นยังไง ความบันเทิงในยุคนี้มันไม่มีอะไรน่าสนใจเลย การออกไปรับชมสิ่งอื่น ๆ คงดีกว่าการนอนนับดาวอยู่บ้าน
ได้ยินเจียงหว่านตอบตกลง เฉียวเหลียนเฉิงก็หันหลัง เดินออกไปทันที แต่เมื่อเขาไปถึงหน้าประตู เขาก็หยุดลง แล้วหันกลับมาหาเจียงหว่าน ก่อนจะพูดว่า
“วันนี้คุณสวยมากเลย”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ผลักจักรยาน และรีบปั่นออกไปพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำโดยไม่คิดหันกลับมาอีก
เจียงหว่านที่ได้ยินทุกถ้อยคำเม้มปากเงียบ แต่หลินชิงโหรวกับสะใภ้เฉินหลุดหัวเราะออกมา “โอ้! ฉันนึกว่าเฉียวเหลียนเฉิงเป็นคนเย็นชาเสียอีก ตอนนี้เขาดูเหมือนเด็กหนุ่มไม่มีผิด”
“ใช่ ๆ เห็นหรือเปล่า เขาเขินจนหน้าแดงเชียวนะ”
ทั้งสองคนเริ่มกล่าวหยอกล้อสนุกสนาน จนเจียงหว่านหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ เดี๋ยวมันจะเปื้อน”
ในเมื่อมีเสื้อผ้าพร้อมแล้ว พรุ่งนี้เจียงหว่านก็แค่แต่งตัวให้ดี และพาผิงอันไปชมการแข่งขัน
เพราะในค่ายจะจัดงาน เจียงหว่านจึงให้สะใภ้เฉินหยุดงานสามวัน
คืนก่อนจะเริ่มการแข่งขัน เจียงหว่านแวะไปเยี่ยมอู่หยาง
ตอนนี้อู่หยางเริ่มฟื้นตัว และใกล้ได้เวลาตัดไหมแล้วด้วย หลังจากตัดไหม เขาก็จะได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน
“ถ้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมอยากไปขอบคุณเฉียวเหลียนเฉิงด้วยตัวเอง” อู่หยางกล่าวอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าเจียงหว่านมาเยี่ยม
เจียงหว่านส่ายศีรษะ “ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก พักผ่อนเถอะ เรื่องอื่นไม่ต้องกังวลแล้ว”
อู่หยางพูดคุยกับเธอสักครู่ เมื่อเจียงหว่านกำลังจะกลับไป เขาก็พูดขึ้นว่า
“ช่วยบอกเฉียวเหลียนเฉิงหน่อยได้มั้ย ตอนที่ผมเจอกับเหลยช่าน ดูเหมือนว่าเหลยช่านกำลังตามหาใครบางคน รู้สึกว่าคนคนนั้นน่าจะชื่อว่า หลิวอ้ายหมิน”
“ผมเป็นตำรวจ ผมคุ้นเคยกับประชาชนเป็นอย่างดี และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีการสำรวจสำมะโนประชากร ผมเลยยิ่งได้รู้จักคนมากขึ้น”
“เหลยช่านบอกว่าหลิวอ้ายหมินอายุประมาณสี่สิบปี นิ้วมือขาด เขาอยู่แถว ๆ ในตำบลนี้นี่แหละ แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่ามีคนแบบนั้นอยู่ที่นี่ด้วย”
“ช่วงที่ผมต้องนอนโรงพยาบาล ผมก็คิดถึงเรื่องนี้ตลอด ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด”
“เหลยช่านมาจากทางใต้ ภาษาจีนกลางของพวกทางใต้จะแปล่ง ๆ ยากที่จะแยกแยะเสียง เอ้อร์ กับเสียง อ้าย”
“เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่ได้ตามหาหลิวอ้ายหมิน แต่กำลังมองหาหลิวเอ้อร์หมิน หรืออาจจะเป็นหลิวเอ้อร์หลิน อะไรสักอย่าง…”
“ช่วยบอกเรื่องนี้กับเฉียวเหลียนเฉิงทีนะ ผมจะขอให้คนที่สถานีตำรวจออกตามหาคนที่มีชื่อคล้าย ๆ กับสามชื่อนี้ด้วยอีกแรง”
เจียงหว่านพยักหน้า “ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว เอาล่ะ ๆ คุณพักผ่อนได้แล้ว”
หลังออกจากโรงพยายาล เจียงหว่านครุ่นคิด เธอไม่แน่ใจว่าจะไปหาเฉียวเหลียนเฉิงได้จากที่ไหน เพราะดูเหมือนว่าวันนี้เขามีภารกิจสอบสวน
เจียงหว่านจึงไปที่สถานีตำรวจ
หลังจากผู้กำกับได้ข่าวจากอู่หยาง ก็ราวกับว่าเขาพบเจอสมบัติ “นี่เป็นเบาะแสสำคัญ ช่วงนี้พวกเรายุ่งอยู่กับการค้นหาเบาะแสเหลยช่านมาก จนไม่มีเวลาไปหาอู่หยางด้วยตัวเองเลย”
“สหายเจียงหว่าน ขอบคุณเธอมากจริง ๆ!”
เจียงหว่านยิ้ม “พอดีฉันหาเฉียวเหลียนเฉิงไม่เจอน่ะค่ะ ยังไงก็ฝากคุณบอกกับทางกองทัพด้วยนะคะ”