เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 139 เจียงหว่านได้ค่าชดเชย!P
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 139 เจียงหว่านได้ค่าชดเชย!P
บทที่ 139 เจียงหว่านได้ค่าชดเชย!
เจียงหว่านยกยิ้ม เธอเดินเข้าไปหยิบกางเกงในขึ้นมาด้วยการจิกปลายนิ้ว แล้วหันมองพวกเขา
กางเกงในสีแดงตัวจิ๋ว!
เธอยกมันขึ้นให้คนรอบข้างเห็น “ดูสิ ฉันบอกแล้วว่าในหัวของเธอน่ะมีแต่น้ำ แต่เธอก็ไม่ยอมรับ!”
“กางเกงในตัวแค่นี้น่ะ ฉันจะใส่ได้ยังไงกัน?”
ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะลั่นทันที
ไม่ต้องกล่าวถึงเจียงหว่านเลย แม้แต่สะใภ้เฉินเองก็ไม่สามารถใส่มันได้เช่นกัน
จ้าวฟางหน้าเปลี่ยนสีด้วยความโกรธ ก่อนหน้านี้เธอเดินตามหารถเข็นไม้ เพราะเชื่อว่านั่นคือเบาะแส พอเจอรถเข็น เธอก็ลืมคิดไปว่าคนพวกนี้ไม่สามารถสวมกางเกงในตัวนี้ได้แน่นอน
จ้าวเฟิงเกาศีรษะแก้เก้อ!
“วันนั้นฉันเจอกางเกงในตัวนี้ และเห็นว่ารถเข็นหายไปด้วย เลยคิดว่าเจ้าของกางเกงในเอารถเข็นไป”
“แล้วลูกชายของฉันก็บอกว่า พ่อเอารถเข็นให้ผู้หญิงคนนึงไป ฉันก็เลย…”
“ฉันไม่รู้ว่าเจ้าของกางเกงในตัวนี้เป็นใคร จะไปถอดกางเกงของทุกคนดูมันก็ไม่ใช่เรื่อง”
“แต่รถเข็นไม้นี้ฉันเป็นคนทำมันเอง มันมีลายสีแดงรอบ ๆ ฉันจำมันได้ แล้วก็ยังมีลายที่ฉันสลักไว้ข้างรถเข็นด้วย ฉันเลยมั่นใจมากว่ารถเข็นนี้เป็นของฉัน!”
“ฉันขอโทษ ฉัน… ฉันไม่รู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นอย่างนี้ ฉันขอโทษ!”
ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงเกรี้ยวกราดไม่ได้สติ แต่เมื่อเธอตระหนักได้ถึงความผิดพลาด ความจริงใจนั่นทำทุกคนตกตะลึง จ้าวฟางโค้งคำนับเจียงหว่านกับสะใภ้เฉินอย่างสุภาพ
สิ่งนี้ทำให้เจียงหว่านถึงกับพูดไม่ออก
ส่วนหลี่เถี่ย ดวงตาของเขากำลังเหม่อลอย และมีใบหน้าซีดเซียว ตอนนี้เขาคือคนที่มีความผิดมากที่สุด!
เขามีชู้แน่ ๆ แค่ไม่รู้ว่าหญิงชู้คนนั้นเป็นใคร!
ตอนนั้นเอง ใครบางคนก็ตะโกนขึ้นมา “ฉันเคยเห็นกางเกงในตัวนี้ มันเป็นของแม่ม่ายหลิว!”
ทุกคนตกตะลึง และเริ่มมีคนพูดตาม ๆ กันว่า “ใช่ ใช่แล้ว มันเป็นของแม่ม่ายหลิว ฉันเคยเห็นเธอตากมันที่ลานหน้าบ้าน!”
“น่าจะเป็นของเธอนะ ในตำบลเรามีแค่เธอที่ใส่กางเกงในแบบนี้”
ใบหน้าของจ้าวฟางมืดมนอีกครั้ง เธอหันมองหลี่เถี่ยด้วยความเกรี้ยวกราด
“แม่ม่ายหลิวงั้นเหรอ? ฉันเองก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมคุณถึงอยากจะพูดคุยกับเธอนักหนา ที่แท้ก็เพราะคุณชอบเธอนี่เอง! ฮึ่ม! วันนี้ฉันจะไปถลกหนังนังนั่นให้เป็นชิ้น ๆ!”
พูดจบ จ้าวเฟิงก็คิดจะวิ่งออกไปทันที
แต่เจียงหว่านคว้าอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน
จ้าวฟางหันกลับมามอง และถามว่า “น้องสาว เธอจะช่วยหญิงม่ายคนนั้นเหรอ?”
เจียงหว่านตอบกลับ “ฉันไม่ได้จะช่วยใคร แต่เธอทำแผงลอยของฉันพัง”
จ้าวฟางหน้าแดงก่ำด้วยความอาย
เจียงหว่านพูดต่อ “อย่าหาว่าฉันเอาเปรียบเลยนะ แต่เธอจะต้องจ่ายเงินสำหรับเนื้อตุ๋นที่เสียหาย บวกกับค่าทำขวัญอีกสามสิบหยวน จากนั้นเราสองคนก็จบกัน!”
จ้าวฟางตกตะลึง “อะไรนะ? ค่าทำขวัญสามสิบหยวน! นี่ปล้นกันรึไง?!”
“ถ้าอยากรู้ว่าปล้นรึเปล่าก็ลองไปถามเจวียนจือดูสิ เดี๋ยวเธอก็เข้าใจเอง”
“เธอมาทำลายแผงของฉัน แล้วฉันจะขายของต่อยังไงล่ะ!”
เวลานี้คนรอบต่างก็ข้างตะโกน “ใช่ คราวที่แล้วเจวียนจือก็จ่าย แถมนอกจากค่าเนื้อตุ๋นแล้ว เธอก็ต้องจ่ายค่าทำขวัญด้วย”
จ้าวฟางหน้าแดงก่ำ เธอกัดฟันแน่น ก่อนจะถามว่า “ทั้งหมดต้องจ่ายเท่าไหร่!”
เจียงหว่านหันมองสะใภ้เฉิน
สะใภ้เฉินจึงก้มหน้าก้มตาคิดเงินทันที “ถ้าพวกเราขายเนื้อวันนี้หมด เราก็จะได้เงินเจ็ดสิบหยวน รวมกับค่าทำขวัญอีกสามสิบหยวน ก็เป็นหนึ่งร้อยหยวนพอดี!”
จ้าวฟางหน้าชาวาบ
หนึ่งร้อยหยวนเหรอ? ต่อให้เธอทำงานอย่างหนัก แต่ก็มีรายได้เดือนละยี่สิบหยวนเท่านั้นเอง หนึ่งร้อยหยวนอะไรนั่นต้องสะสมถึงครึ่งปีเลยนะ
หลี่เถี่ยกัดฟันพูด “ผมจะจ่ายเอง วันนี้ผมเอาเงินมาไม่มาก อีกสามวันผมจะเอามาชำระให้!”
เจียงหว่านเลิกคิ้ว “แบบนั้นใครก็พูดได้ ถ้าอย่างงั้นเรามาเขียนสัญญากู้ยืมกันดีกว่า”
ทั้งสองคนเขียนสัญญากู้ยืมอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะจากไปด้วยความหดหู่!
หลังจากสองคนนั้นไปแล้ว ฝูงชนก็สลายตัว
เนื้อที่อยู่บนพื้นทั้งหมดเอากลับมาขายไม่ได้แล้ว แต่หลี่เถี่ยกับภรรยาก็ยังหยิบมันใส่กะละมังแล้วนำกลับไปด้วย
สำหรับจ้าวฟาง เนื้อเหล่านี้ถูกซื้อมาในราคาหนึ่งร้อยหยวน หากล้างน้ำแล้วก็คงเอามากินได้อยู่ เพราะปล่อยทิ้งไว้ก็เสียเปล่า
เจียงหว่านไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหญิงม่าย
วันนี้เธอขายเนื้อหมดแล้ว จึงบอกให้สะใภ้เฉินเลิกงานได้เลยจะได้พาลูก ๆ ไปเดินเล่นสักหน่อย
เหลยช่านกำลังหลบหนี และอาจจะยังอยู่ในพื้นที่ โรงเรียนเด็กเล็กจึงปิดการเรียนการสอน เพราะพวกเขากลัวว่าเหลยช่านจะบุกเข้ามาในโรงเรียนเพื่อทำร้ายเด็ก ๆ
วันสุดท้ายก่อนการแข่งขันศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวของกองทัพ หลินชิงโหรวก็มาหาเจียงหว่าน
“ฉันทำเสร็จแล้ว เธอลองใส่ดูก่อนนะ ถ้ามันมีอะไรไม่พอดี ฉันจะได้แก้ให้”
เจียงหว่านประหลาดใจกับชุดใหม่มากทีเดียว เพราะด้ายบางส่วนยังไม่ถูกตัดออก
“ทำเสร็จในวันเดียวเลยเหรอ?”
หลินชิงโหรวกล่าวตอบอย่างกระตือรือร้น “ไม่ใช่แค่วันเดียว แต่เป็นคืนเดียวต่างหาก ตอนนี้ในกองทัพยุ่งมากเลย สามีของฉันก็ออกไปปฏิบัติภารกิจไล่ล่าผู้ร้าย”
“ฉันทำตอนที่นอนไม่หลับ อยู่บ้านคนเดียวมันเหงาน่ะ”
“เธอไม่รู้หรอก ฉันน่ะชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว นับตั้งได้เรียนจากอาจารย์ในหมู่บ้าน ฉันก็ยิ่งชอบงานพวกนี้มากขึ้น”
“ปกติแล้วชุดตามแบบนิยมก็ดี แต่พอได้ตัดเย็บชุดใหม่ ๆ ถ้าไม่ได้ทำจนเสร็จทีเดียว ฉันจะรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับน่ะ”
เจียงหว่านหัวเราะลั่น “ดูเหมือนว่าคุณจะเกิดมาเพื่อเป็นนักออกแบบตัวจริงเลยนะ!”
หลินชิงโหรวส่ายศีรษะ “ไม่ ไม่เลย ฉันออกแบบเสื้อผ้าเองไม่เป็น และไม่เคยทำอะไรแบบนั้นด้วย”
“แต่ตอนนี้ฉันทำชุดแบบใหม่เป็นแล้ว!”
เจียงหว่านนึกบางอย่างในใจ แต่สุดท้ายเธอก็ระงับความสงสัยไว้ แล้วหยิบชุดจากหลินชิงโหรวมาดู
หลังจากลองใส่ เธอก็เดินออกมาด้านนอก
ทั้งสะใภ้เฉินและหลินชิงโหรวต่างตกตะลึง
ชุดนี้สวยมาก ถึงจะหลวมนิดหน่อยแต่ก็ดูดี
กางเกงทรงกระบอกใหญ่กว่าปกติ แต่เพราะมีริ้วเล็ก ๆ อยู่บริเวณต้นขา เวลาสวมใส่ก็ทำให้ขาดูเล็กลง
เสื้อไม่มีคอปก แต่เป็นคอยาวสามเหลี่ยม และมีชายเสื้อด้านหน้ายาวกว่าด้านข้าง
เสื้อผ้าชุดนี้ทำมาเพื่อรัดเอวและเน้นหน้าอกให้โดดเด่น ทำให้ดูหรูหรามาก
“โห นี่ใช่หว่านหว่านจริง ๆ เหรอ?” สะใภ้เฉินตกตะลึง
หลินชิงโหรวพูดขึ้นอย่างจริงใจ “ฉันเคยได้ยินคำโบราณกล่าวไว้ว่า คนพึ่งเสื้อผ้า ม้าพึ่งอาน[1]* ก็เพิ่งเข้าใจมันวันนี้แหละ”
“พอสวมชุดนี้ หว่านหว่านดูผอมลงไปมากเลยนะ แถมสวยขึ้นมากด้วย”
สะใภ้เฉินเห็นด้วย “ไม่ใช่แค่ดูดีนะ มันดูทันสมัยมากด้วย ดูเหมือนผู้หญิงในเมืองหลวงเลย!”
สะใภ้เฉินไม่รู้จะอธิบายความประทับใจยังไงแล้ว ตอนนี้เธออึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
เจียงหว่านเดินไปรอบ ๆ เสียดายที่บ้านไม่มีกระจกบานใหญ่
สะใภ้เฉินเห็นอย่างนั้นจึงนำกระจกบานเล็กของเธอขึ้นมา แล้วยืนห่างออกไปเล็กน้อย ให้เจียงหว่านเห็น
เจียงหว่านมองอยู่ครู่หนึ่ง เธอรู้สึกว่าฝีมือของหลินชิงโหรวน่าประทับใจจริง ๆ
ความคิดของเธอ ทักษะการวาดภาพของผิงอัน และความเชี่ยวชาญของหลินชิงโหรว ทำให้เกิดเป็นชุดนี้ขึ้นมา
เธอพอใจกับมันมาก ไม่ต้องแก้ไขอะไรอีกแล้ว แม้จะมีด้ายหลุดรุ่ยสักหน่อยก็ไม่เป็นไร
เจียงหว่านเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับ หลินชิงโหรวโล่งใจที่งานเสร็จอย่างสวยงาม ชุดนี้ดูดีมากจริง ๆ
ผ่านไปสักพัก เจียงหว่านก็ถามขึ้น “ฉันยังมีอีกชุด คุณช่วยตัดมันให้ฉันได้ไหม?”
หลินชิงโหรวตอบอย่างไม่ต้องคิด “ได้เลย เธออยากได้แบบไหนล่ะ ถ้าบอกให้ฉันเข้าใจ ฉันก็ทำได้อยู่แล้ว!”
เจียงหว่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักครู่ ก่อนจะวาดชุดชั้นในด้วยปากกา
มันเป็นการวาดลวก ๆ ไม่ต้องใช้ทักษะมากนัก และเจียงหว่านก็เอาผ้ามาเปรียบเทียบให้ดูอย่างหยาบ ๆ
หลินชิงโหรวเกาศีรษะแกรก ๆ “ถ้าเล็กขนาดนี้ เราจะใส่มันได้ยังไงล่ะ…”
[1] คนพึ่งเสื้อผ้า ม้าพึ่งอาน เป็นสำนวนที่มีความหมายคล้ายกับ ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง