เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 136 ถึงจะอ้วนแต่ก็ต้องดูดีและทันสมัย
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 136 ถึงจะอ้วนแต่ก็ต้องดูดีและทันสมัย
บทที่ 136 ถึงจะอ้วนแต่ก็ต้องดูดีและทันสมัย
“วันต่อมา ทั้งสองคนไปจดทะเบียนสมรสกัน เธอไม่จัดพิธีแต่งงานอะไรทั้งนั้น แต่ย้ายไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นทันที”
“ผู้ชายคนนั้นเก่งทีเดียว เขาอาศัยอยู่ในบ้านพักพนักงานรัฐที่นายจ้างจัดให้ เขาได้อยู่ในห้องเดี่ยวด้วย เพราะเขาคือพนักงานดีเด่น!”
“ก็ไม่เลวนี่!” เจียงหว่านเอ่ยปาก
แต่หลี่ซิ่วจือยกยิ้มขมขื่น “ใช่ มันก็ดูดีจริง ๆ นั่นแหละ แต่ไม่มีใครคิดว่าทั้งหมดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความทรมาน!”
“ถึงพวกเขาจะจดทะเบียนสมรสแล้ว แต่ยังไงก็ต้องจัดงานแต่งงาน ซึ่งพวกเราก็ทนรอ!”
“แล้วช่วงนี้ฉันก็แวะไปร่วมงานแต่งงานของเจียงเสวี่ยด้วย!”
เจียงหว่านตกใจทันที “อะไรนะ งานแต่งงานของใครนะ?”
“เจียงเสวี่ย!” หลี่ซิ่วจือย้ำอีกครั้ง
“เจียงเสวี่ยแต่งงานแล้วเหรอ?” เจียงหว่านอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
หลี่ซิ่วจือกล่าวอธิบาย “ดูเหมือนว่าเธอจะได้แต่งงานกับคนแถวบ้าน แถมครอบครัวนั้นก็เป็นครอบครัวทหารด้วย เพียงแต่ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ทหาร แถมหัวก็ล้าน อายุมากกว่าเจียงเสวี่ยตั้งห้าปี ไม่หล่อเท่าเฉียวเหลียนเฉิงหรอก”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็กล่าวเสริมว่า “ไม่สิ ไม่ถึงครึ่งของเฉียวเหลียนเฉิงเลยต่างหาก”
เวลานี้ เจียงหว่านสับสนมาก
หลี่ซิ่วจือจึงเล่าต่อ “น้องสาวของฉันตื่นเต้นมากหลังจากเห็นผู้ชายที่เจียงเสวี่ยแต่งงานด้วย!”
“ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร ฉันไม่เข้าใจเลย เธอบอกแค่ว่าเธอไม่ได้แต่งงานกับคนที่หมายปอง และเจียงเสวี่ยก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไหร่!”
เจียงหว่านยังคงเงียบ
หลังจากนั้นหลี่ซิ่วจือก็พูดว่า “แต่เธอบอกบอกอีกว่า…น่าเสียดายที่สุดท้ายนังอ้วนนั่นก็เอาชนะฉันได้!”
แน่นอนว่าถ้อยคำนี้เป็นสิ่งที่หลี่ซิ่วจือไม่อยากจะพูดให้อีกฝ่ายได้ยินเลย
“หลังจากพวกเราไปร่วมการแต่งงาน พวกเราก็เข้าพักในเมือง แต่น้องสาวของฉันกลับถูกทุบตีหลังจากแต่งงานได้แค่สามวัน!”
“พวกเราทราบข่าวก็ตอนที่เธอถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลแล้ว”
เจียงหว่านตกตะลึง “อะไรกัน ทำไมถึงถูกทุบตีหลังจากแต่งงานล่ะ? ผู้ชายคนนั้นเป็นพนักงานดีเด่น เขาก็ควรจะรักษาใบหน้าของตัวเองสักหน่อยสิ ถ้าหากมีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว มันจะส่งผลต่ออนาคตของเขานะ!”
หลี่ซิ่วจือยิ้มออกมาอย่างกล้ำกลืน “เพราะน้องสาวของฉันไปทุบตีเขาก่อนน่ะ อีกฝ่ายแค่ปกป้องตัวเอง!”
หลังจากหลี่ซิ่วจืออธิบาย ทั้งเจียงหว่านกับสะใภ้เฉินต่างก็ตกตะลึง
พวกเธอรู้ว่าหลี่ซิ่วหลันสติไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะเป็นหนักขนาดนี้
หลี่ซิ่วหลันถามชายที่ชื่อเถียนลี่ว่าเขาทำงานที่ไหน ซึ่งเขาตอบกลับมาว่า
‘ทำงานให้กับรัฐบาล เป็นหน่วยงานบริการประชาชน’
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากแต่งงานแล้ว พอเขาออกไปทำงาน และกลับมาที่บ้าน หลี่ซิ่วหลันมักจะได้กลิ่นเหม็นจากร่างกายของเขาเสมอ
กลิ่นมันเหมือนกับกระโดดลงบ่อส้วมแล้วแช่อยู่ในนั้นตลอดทั้งวัน
ในวันแรกเธอไม่ได้พูดอะไร แค่บอกให้เขาออกไปอาบน้ำ
แต่ว่าหลังจากอาบน้ำ ร่างกายของเขาก็ยังมีกลิ่นอยู่
เธอแทบจะทนไม่ไหวในคืนแรก
แล้ววันรุ่งขึ้นก็ยังมีกลิ่นเช่นเดิม หลี่ซิ่วหลันยิ่งโกรธจัด จึงพูดออกไปว่า ‘นี่คุณกินขี้เป็นอาหารหรือไง? ทำไมกลิ่นเหม็นขนาดนี้!’
เถียนลี่เองก็ไม่พอใจจึงตอบกลับว่า “มันคืองานของผม งานของผมเป็นการรับใช้ประชาชน และผมภูมิใจในงานนี้!”
เวลานั้นหลี่ซิ่วหลันรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เธอจึงถามออกไปอย่างกระวนกระวาย และก็ได้รู้ว่าเถียนลี่ทำงานเป็นพนักงานตักมูลในบ่อเกรอะ
หลี่ซิ่วหลันโกรธมาก เธอสาปแช่งเขาไม่หยุด และทุบตีเขาอย่างบ้าคลั่ง
เถียนลี่ที่เสียใจเดินออกไปจากห้อง
แต่หลี่ซิ่วหลันไม่ต้องการที่จะเห็นหน้าคนโง่คนนี้อีก เธอจึงคว้ากระติกน้ำร้อนใกล้ ๆ เขวี้ยงใส่เขา
ขวดกระติกน้ำร้อนกระแทกศีรษะของเถียนลี่ และแตกกระจาย
กระติกน้ำร้อนในยุคนี้ทำจากวัสดุคล้ายกับแก้ว หากถูกกระแทกแรง ๆ มันสามารถแตกได้ หรือแม้ไม่ได้รับการกระแทกมันก็สามารถระเบิดได้ง่าย ๆ เช่นกัน!
แต่ใครบ้างล่ะที่โดนทำแบบนี้แล้วจะยินดี?
เถียนลี่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ แต่โชคดีที่แม่ของเขามาพบเข้า จึงพาลูกชายไปส่งที่โรงพยาบาลได้ทัน
และจากนั้น เธอก็กลับมาทุบตีหลี่ซิ่วหลัน จนศีรษะและใบหน้าของลูกสะใภ้บอบช้ำ
หลังจากลูกชายรักษาบาดแผลแล้ว แม่ของเถียนลี่รู้สึกเสียใจแทนลูกชายมาก หันมาดุด่าหลี่ซิ่วหลัน จากนั้นทุกคนจึงรู้เหตุผลว่าทำไมเถียนลี่จึงยอมแต่งงานกับหลี่ซิ่วหลัน
เพราะพ่อของเถียนลี่ป่วยหนักและไม่มีเงินรักษา ถังซิ่วอวิ๋นจึงยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้
พ่อของเถียนลี่เป็นคนขับรถของถังซิ่วอวิ๋น
เขาไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจในการช่วยชีวิตพ่ออย่างไรดี เมื่อถังซิ่วอวิ๋นขอให้เขาแต่งงานกับหลี่ซิ่วหลัน เขาจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล ไม่สนใจแม้กระทั่งรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงที่ตนต้องแต่งงานด้วย
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ซิ่วหลันจะเย่อหยิ่งได้มากเพียงนี้
เถียนลี่ต้องเย็บแผลถึงสิบเอ็ดเข็ม และจะหย่าร้างหลังออกจากโรงพยาบาล
แต่อย่างไรก็ตาม หลี่ซิ่วหลันกล่าวหาว่าเถียนลี่หลอกลวงเธอ เพราะเขาไม่บอกอาชีพของตัวเองมาก่อนแต่งงาน
แม่ของเถียนลี่เองก็ไม่ยอมแพ้ ฟ้องร้องว่าหลี่ซิ่วหลันทำร้ายลูกชายของตนโดยเจตนา
เมื่อเรื่องราวมาถึงตรงนี้ หลี่ซิ่วจือก็ถอนหายใจปลง ๆ “เถียนลี่ได้รับบาดเจ็บเป็นความจริง พวกเราไม่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ได้ หลังจากนั้นถังซิ่วอวิ๋นก็เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ซึ่งพวกเราก็ไม่มีใครโต้แย้งเธอได้เลย”
“ทุกคนจำเป็นต้องปล่อยผ่านเรื่องนี้ ส่วนน้องสาวของฉันก็จำเป็นต้องอดทนกับกลิ่นของผู้ชายคนนั้นต่อไป”
“เพราะอย่างนี้ฉันเลยกลับมาเอาเงินที่บ้าน น้องเขยของฉันบาดเจ็บที่ศีรษะ ฉันเลยต้องแสดงน้ำใจ”
หลี่ซิ่วจือโศกเศร้าอย่างหนัก หลังบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทั้งสองคนฟัง
เมื่อทราบผลกรรมของหลี่ซิ่วหลัน เจียงหว่านกลับรู้สึกมีความสุขอย่างช่วยไม่ได้ แม้ต่อหน้าเธอจะไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับนึกคิดบางอย่าง
‘สมน้ำหน้า!’
หลังจากหลี่ซิ่วจือจากไปแล้ว สะใภ้เฉินก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำ “ตอนอยู่ในบ้านพักครอบครัวทหารด้วยกัน ฉันไม่เคยรู้เลยว่าหลี่ซิ่วหลันจะเป็นคนชั่วร้ายแบบนี้”
“แต่ฉันเคยเห็นหลี่ซิ่วหลันแอบมองฉินฮั่น และมีตั้งหลายครั้งที่หล่อนจงใจยั่วฉินฮั่น”
“นี่ หล่อนทำแบบนี้เลย!”
ขณะที่พูด สะใภ้เฉินก็ยืดตัวขึ้นพร้อมยกหน้าอกไปด้านหน้าแสดงท่าทาง
เจียงหว่านระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“โชคดีที่ฉินฮั่นวางตัวดี เขาอยู่ห่างจากน้องสะใภ้คนนี้เสมอ”
“ไม่อย่างนั้นเรื่องคงจะจบไม่ดีแน่!”
“ดูสิ ขนาดเป็นอย่างนี้หล่อนยังวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น! หลี่ซิ่วหลันคงจะไม่มีทางหยุดทำตัวแบบนี้ได้จนกว่าจะตายแน่!”
สะใภ้เฉินพร่ำบ่น ขณะที่เจียงหว่านหัวเราะเบา ๆ
คืนนั้น เฉียวเหลียนเฉิงกลับมา
“นายจับเขาได้ไหม?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายกลับมาอย่างเหนื่อยล้า เจียงหว่านก็เอ่ยปากถามอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่ ไม่รู้ว่าหมอนั่นเป็นปลาหรือยังไง มันหายไปทันทีหลังจากตกน้ำไป มีทหารตั้งสองกองพันล้อมรอบแม่น้ำเอาไว้ ก็ยังไม่พบเจอแม้แต่เงา”
“พวกเราสงสัยว่ามีบางคนช่วยเหลือเขา”
ในใจของเจียงหว่านหนักอึ้ง เธอรู้สึกว่าตราบใดที่เหลยช่านยังไม่ถูกจับ เธอจะต้องอยู่หวาดระแวงเช่นนี้ไปตลอด
แต่ยังไงการที่เหลยช่านหายตัวไป ก็ทำให้ชีวิตของทุกคนกลับมาสงบอีกครั้ง
และเพราะการปรากฏตัวของชายคนนี้ การแข่งขันศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวของกองทัพ จึงถูกเลื่อนออกไปสิบวัน
กองพันทั้งสามผลัดกันออกไปค้นหาตลอดเจ็ดวันนี้ แต่กลับไม่พบเบาะแสอะไรเลย สุดท้ายพวกเขาจึงต้องยอมถอนกำลัง
และชีวิตของเจียงหว่านก็กลับสู่ความสงบ ราวกับเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธออีกแล้ว
ช่วงนี้เฉียวเหลียนเฉิงไม่ได้มาที่นี่ทุกวัน แต่มาทุกสองหรือสามวัน เพื่อบอกข่าวเรื่องการจับกุมเหลยช่าน
หลังจากนั้นทุกครั้งที่จะเป็นเฉียวเหลียนเฉิงที่พูด และเจียงหว่านคอยรับฟัง
ไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรืออะไร แต่เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกว่า เจียงหว่านรังเกียจเขาน้อยลง
แม้ว่าจะไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าตอนเจอกัน
แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่หงุดหงิด หรือพูดจาประชดประชัน
เหลืออีกสามวันจะถึงการแข่งขัน เจียงหว่านก็นึกถึงผ้าที่เฉียวเหลียนเฉิงเคยเอามาให้
หากจะเข้ารับชมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวของกองทัพ เธอจะต้องแต่งตัวให้ดีสักหน่อย ซึ่งเจ้าของร่างเดิมมีเสื้อผ้าแค่สองชุด แถมไม่มีชุดไหนดูดีเลยด้วย!
ไม่ว่าจะอ้วนแค่ไหน ก็จะต้องอ้วนอย่างดูดีและทันสมัย
เจียงหว่านจึงไปหาหลินชิงโหรวพร้อมกับผ้าในมือ
หลังจากหลินชิงโหรวได้ยินว่าเจียงหว่านต้องการให้เธอช่วยตัดเย็บเสื้อผ้าให้ เธอตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่กำลังวัดร่างกายเจียงหว่าน เธอก็เอ่ยปากถามว่า “เธอมีแบบในใจแล้วหรือยัง?”