เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 132 สัญญากับผม ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีชีวิตอยู่!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 132 สัญญากับผม ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีชีวิตอยู่!
บทที่ 132 สัญญากับผม ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีชีวิตอยู่!
เสี่ยวเฉินหน้าซีดเผือด เขารีบไปที่สำนักงานทันที
ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงไม่รู้จักครอบครัวของหลิวหู เขาจึงถามจากคนข้างทาง แต่เมื่อคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นชายหนุ่มตัวโชกเลือด พวกเขาก็วิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว
เฉียวเหลียนเฉิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปที่สถานีตำรวจ และขอให้ตำรวจช่วยนำทางให้ จนพบกับบ้านของหลิวหูในที่สุด
ลานบ้านหลิวหูดูวุ่นวายมาก โดยเฉพาะกลิ่นเหม็นโฉ่ที่ลอยมาแต่ไกลจนทำให้ทุกคนขมวดคิ้ว
ก่อนเข้าไปในลานบ้าน เฉียวเหลียนเฉิงก็ได้ยินบทสนทนาของผิงอันกับเจียงหว่านดังแว่วเข้ามาในหู
“น้าอ้วน ทำไมต้องจัดการพวกมันในส้วมด้วย ผมเหม็นจะตายอยู่แล้ว ออกไปตีพวกเขาข้างนอกไม่ได้เหรอ?” ผิงอันพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ
แต่เจียงหว่านไม่สนใจ และตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ไม่ได้ ๆ พื้นที่โล่งยากต่อการควบคุม หากคนใดคนหนึ่งในสี่คนนี้มาทำร้ายฉัน ฉันคงจะโดนซ้อมไปแล้ว ยิ่งกับจ้าวเฟิงคนนั้นด้วย”
“เพราะงั้นถ้าเป็นที่อื่น พวกมันทำร้ายฉันแน่นอน!”
ผิงอันไม่เข้าใจ “ถ้าคุณจัดการไม่ได้ก็ไปหาพ่อสิ ทำไมต้องมาทำอะไรเสี่ยง ๆ แบบนี้”
เจียงหว่านกลั้วหัวเราะ “เธอไม่เข้าใจเรื่องนี้สินะ ถึงพ่อของเธอจะสุดยอดแค่ไหน เขาก็ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ ฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงสักหน่อย”
”นี่แหละที่พิสูจน์ว่า เราไม่สามารถพึ่งพาผู้ชายทุกเรื่องได้!”
“ฉันกับหลิวหูมีความแค้นต่อกัน ถ้าฉันไม่แก้ไขเรื่องนี้เอง เวลาที่เฉียวเหลียนเฉิงไม่อยู่ หมอนั่นก็จะมาแก้แค้นฉันอยู่ดี”
“เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนั้น ฉันต้องทำให้หลิวหูกลัว สมมติว่าฉันมีทักษะการต่อสู้ หลิวหูก็คงหาคนที่เก่งกว่ามาจัดการฉัน และเรื่องก็จะไม่มีที่สิ้นสุด”
“และความจริงแล้วฉันก็ไม่ได้เก่งอะไร แค่พึ่งพาน้ำหนัก กับแรงมหาศาลนี่เท่านั้นเอง!”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันเลยต้องใช้กลยุทธ์! ต้องทำให้เขากลัว จนต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่กล้ากลับมาแก้แค้นฉันอีก!”
ผิงอันประหลาดใจ “กลยุทธ์? กลยุทธ์ของคุณคือส้วมเหรอ นี่คุณไม่คิดว่ามันน่าอายบ้างหรือไง”
เจียงหว่านมองเด็กชาย “เป็นฉันที่ต้องอับอาย หรือเป็นพวกเขาต้องอับอายกันล่ะ?”
ผิงอันเงียบกริบ!
เจียงหว่านกล่าวต่อ “ใช่ การใช้กลยุทธ์ส้วม มันเป็นเรื่องน่าอาย แต่พวกนั้นเป็นผู้ชายพวกเขามีเรี่ยวแรงเยอะกว่า ฉันเลยต้องวางแผนให้พวกนั้นกินเนื้อเน่า จนท้องเสียไงล่ะ”
“พอท้องเสีย พวกเขาทุกคนก็ไม่มีแรง ทำได้แค่นั่งยอง ๆ อยู่ในส้วม เวลานี้แหละเหมาะกับการลงมือที่สุด!”
“ฉันเล่นขี้ ฉันไร้ยางอาย แต่ฉันไม่สน”
“ถ้าพวกนั้นมียางอาย มีศีลธรรม พวกนั้นก็ต้องให้ฉันทรมาน และโดนฉันซ้อมแบบนั้นแหละ”
“เธอรู้ไหมว่าแบบนี้เรียกว่าอะไร?”
ผิงอันส่ายหัว!
เจียงหว่านพูดเสียงดัง “คนใจร้ายและไร้ยางอายย่อมอยู่ยงคงกระพัน!”
ผิงอันเงียบ ทุกคนในบ้านก็เงียบ!
คำเหล่านี้ฟังดูสมเหตุสมผล และน่าฟังอย่างอธิบายไม่ถูก แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่ก็ตาม
แต่พวกเขาก็ไม่สามารถบอกได้อยู่ดีว่า อะไรที่ไม่ถูกต้อง
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ทุกคนในบ้านหันมองทางประตูอย่างพร้อมเพรียง
เมื่อเห็นว่าเป็นเฉียวเหลียนเฉิง และเขายังตัวโชกเลือดด้วย
รูม่านตาของเจียงหว่านหดลงทันที เธอจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น และเห็นว่าเฉียวเหลียนเฉิงยังเดินตรงอยู่ สติก็ยังครบถ้วน จึงรู้ว่าเลือดนั่นไม่ใช่เลือดของเขา
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็อดเหน็บแนมไม่ได้
“ฉันเอามีดไปแทงคนแท้ ๆ ตัวฉันยังไม่มีเลือดเลย แล้วทำไมคนที่ไม่ได้ทำอะไรแบบนายถึงโชกเลือดอย่างนี้ล่ะ?”
เฉียวเหลียนเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “นี่ไม่ใช่เลือดของผม แต่เป็นของอู่หยาง ระหว่างทางมาที่นี่ ผมเจออู่หยางถูกแทง เลยพาเขาไปส่งที่ไปโรงพยาบาลมาน่ะ”
ขณะกำลังพูด เขาก็เดินเข้ามาหาเจียงหว่าน มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า และถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยดี
”ขอโทษที่ผมมาช้า”
“คุณไม่บอกอะไรผมเลย ถ้าเจ็บตัวขึ้นมาจะทำยังไง”
เจียงหว่านกลอกตา และนึกไปถึงเรื่องอู่หยาง “ชิ ไม่ดูซะบ้างว่าฉันเป็นใคร จะบาดเจ็บอะไรง่ายขนาดนั้น แล้วฉันก็ไม่ใช่คนโง่นะ ถึงจะแรงไม่พอ แต่สมองน่ะทำงานดีอยู่!”
ผิงอันพูดแทรกขึ้นมา “คุณแค่ใช้สมองเกี่ยวกับเรื่องส้วมเท่านั้นแหละ คิดวิธีที่มีประโยชน์ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”
เจียงหว่านกำลังจะพูดตอบโต้ แต่เฉียวเหลียนเฉิงกลับพูดขึ้นมาก่อน
“ตราบใดที่คุณรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ มันก็เป็นวิธีที่ดี”
เจียงหว่านมองเขาด้วยความประหลาดใจ
เฉียวเหลียนเฉิงมองสำรวจเจียงหว่านจนแน่ใจว่าไม่บาดเจ็บ “คุณทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่จำไว้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ผมอยากให้คุณมีชีวิตที่ดี”
”ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่อีกแล้ว!”
เจียงหว่านรู้สึกประหลาดใจ แต่เธอก็ตอบกลับไปเสียงแข็ง “อย่ามาพูดไร้สาระ ฉันไม่ใช่คนโง่นะ!”
หลังจากที่คนขายเนื้อและคนอื่น ๆ ออกไป หลิวหูก็เทน้ำกว่าสิบขันราดตัวเอง เพื่อชำระล้างร่างกาย
ถึงกระนั้น เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเวลาต้องอ้าปาก
หลิวหูชี้ไปที่เจียงหว่าน “เธอมันโหดร้ายที่สุด ฉันจะไม่มีทางเฉียดไปใกล้เธออีกแน่!”
ผู้หญิงที่บ้าขนาดนี้ เขาล่ะกลัวจริง ๆ
พอได้ยินอย่างนั้นเจียงหว่านก็เหลือบมองผิงอันอย่างภาคภูมิใจ!
แต่ตอนนี้ผิงอันกลับหน้าดำคร่ำเครียด
หลิวหูกล่าวต่อ “ฉัน ต้าหลู่ และเสียวหลู่ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีก แต่ถ้าเป็นลูกพี่จ้าวเฟิงก็พูดยาก เขาจะต้องมาจัดการเธอแน่นอน และฉันได้ยินเขาพูดเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าเขารู้จักคนที่โหดเหี้ยมมากคนนึงด้วย!”
“ว่ากันว่าหมอนั่นมือเปื้อนเลือดแล้ว ระวังตัวไว้ล่ะ!”
หลังจากบอก โดยไม่คิดรอคำตอบของเจียงหว่าน เขาก็รีบไปที่บ้านแม่เพื่อตามหาภรรยาทันที
เจียงหว่านครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของอีกฝ่าย ส่วนผิงอันที่อยู่ข้าง ๆ ก็ถามอย่างสมน้ำหน้า
“เป็นยังไงล่ะ คุณเริ่มกลัวหรือยัง!”
เจียงหว่านตอบกลับ “ถ้าฉันกลัวเส้นผม ฉันก็แค่ตัดมันทิ้งไป! เธอน่ะอยู่ห่าง ๆ จากเรื่องนี้ไว้เถอะ!”
ผิงอันแค่นหัวเราะ “ผมไม่ได้ใจร้ายใจดำขนาดนั้นสักหน่อย”
พูดจบเขาก็ตบหน้าอก แล้วพูดว่า “อย่ากลัวเลย มีผมอยู่ตรงนี้ เวลาที่พ่อไม่อยู่ ผมจะปกป้องคุณเอง!”
เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเด็กชาย เจียงหว่านก็หัวเราะออกมา
เธอเอื้อมมือไปบีบแก้มเล็ก ๆ ของเขา และเดินออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาอันไม่พอใจของผิงอันมองตามหลัง!
ผิงอันลูบใบหน้าเล็ก ๆ ของตนด้วยความโกรธ ก่อนจะหันกลับมาบ่นกับเฉียวเหลียนเฉิง
“พ่อครับ ทำไมพ่อไม่สนใจผู้หญิงของตัวเองเลย ให้เธอหยิกแก้มผมอยู่เรื่อย ทำไมเธอไม่หยิกพ่อบ้างเล่า!”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็พูดขึ้นว่า
“พ่อก็หวังว่าเธอจะหยิกพ่อเหมือนกัน ถ้างั้น คราวหน้าลูกก็ลองบอกเธอดูสิ”
เฉียวเหลียนเฉิงเริ่มแผนการที่จะทำให้เจียงหว่านใจอ่อน
จากนั้นเจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงก็ไปที่โรงพยาบาลของตำบลด้วยกัน อู่หยางยังคงอยู่ในห้องฉุกเฉิน ในเมื่อรู้ว่าเขาถูกแทง และอยู่ในอาการสาหัส ทั้งสองก็เพิกเฉยไม่ได้!
พอทั้งคู่มาถึงก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
ทุกคนจากสถานีตำรวจก็อยู่ที่นี่
เมื่อเห็นเฉียวเหลียนเฉิง เขาก็รีบมารวมตัวกัน เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์
“ผมแจ้งกองทัพไปแล้ว พวกเขาถามถึงสถานการณ์แต่ผมบอกไม่ได้เลย คุณไปพบเขาที่ไหน เหลยช่านสวมชุดอะไร?” เสี่ยวเฉินถามอย่างร้อนรน
เฉียวเหลียนเฉิงตอบทีละคน
จากนั้นเสี่ยวเฉินก็กล่าวว่า “อู่หยางกับผมกำลังจะไปหมู่บ้านหลี่เจียเพื่อสำรวจสำมะโนประชากรในบ่ายวันนี้ แต่ผมท้องเสีย เลยขอให้เขารอไปพรุ่งนี้”
“ตอนนั้นเขาพูดว่า เขาเคยไปที่นั่นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เขาไปคนเดียวก็ได้ไม่เป็นอะไร มันเป็นความผิดของผมเอง ถ้าผมตามไปด้วยคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้!”
เสี่ยวเฉินหน้าแดงด้วยความโกรธและรู้สึกผิด