เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 131 เฉียวหลียนเฉิงเผชิญหน้ากับเหลยช่าน
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 131 เฉียวหลียนเฉิงเผชิญหน้ากับเหลยช่าน
บทที่ 131 เฉียวหลียนเฉิงเผชิญหน้ากับเหลยช่าน
พวกเขาทุบตีกันเองและสาปแช่งกันไปมา แต่เมื่อเปิดปาก ของเสียพวกนั้นก็เข้าไปในปากด้วย ช่างน่าขยะแขยงจริง ๆ
หลายคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นภาพนี้
อีกสองคนที่เหลือรีบหามจ้าวเฟิงกับหลิวหูออกมาอย่างรวดเร็ว ทุลักทุเลจนแทบจะคลานออกจากห้องน้ำมา โดยไม่สนใจกลิ่นเหม็นบนร่างกาย
ตอนนี้พวกเขาทั้งสี่ไม่สนใจใครหน้าไหนและ ในหัวมีแค่ความคิดเดียวเท่านั้นคือ ล้างตัว และหนีไปจากที่นี่
หนีไปให้ไกล ยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ก่อนออกไป จ้าวเฟิงหันไปจ้องมองเจียงหว่านอย่างโกรธแค้น แต่ก็จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ!
เจียงหว่านขมวดคิ้วฉงน สามคนนั้นไม่น่าห่วงหรอก แต่คนที่ชื่อจ้าวเฟิงนี่สิ!
แต่ตอนนี้มีคนอยู่มากเกินไป จึงยากที่เธอจะจัดการเขา!
ถ้าทหารมาเราต้องใช้แม่ทัพต้าน ถ้าน้ำมาเราก็ต้องใช้ดินกลบ!
ในเวลาเดียวกัน เฉียวเหลียนเฉิงมุ่งหน้ามาหาเจียงหว่าน ตอนนี้เขามาได้ครึ่งทาง
เขาออกมาจากค่ายทหาร เร่งรีบจะไปหาเจียงหว่าน เพราะกลัวว่า ถ้าไปถึงที่นั่นสายเกินไป เจียงหว่านคงจะแทงใครบางคนเข้าจริง ๆ
ดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า และรีบออกมาทั้ง ๆ ที่ยังสวมเสื้อกั๊ก และกางเกงสีเขียวลายพรางทหารอยู่
เพื่อที่จะไปถึงตัวตำบลให้เร็วที่สุด เขาปั่นจักรยาน จนจักรยานราวกับมีประกายไฟ และคันเหยียบก็แทบจะหลุดออกมา
เมื่อกำลังจะไปถึง เขากลับเห็นคนสองคนต่อสู้กัน
ไม่ มันไม่ใช่การต่อสู้ มันเป็นการโดนทุบตีอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า
โดยปกติแล้วเฉียวเหลียนเฉิงไม่ค่อยสนใจเวลาเห็นคนสู้กันเท่าไหร่
แต่เมื่อขี่จักรยานผ่านทั้งสองคน เขาดันได้ยินเสียงที่ดื้อรั้น และไม่เต็มใจของผู้ถูกทุบตี
“เหลยช่าน ฉัน อู่หยาง ต่อให้ตายไปเป็นผีฉันก็จะไม่ปล่อยแกไป!”
เหลยช่าน อู่หยาง ทั้งสองชื่อนี้โจมตีเฉียวเหลียนเฉิงอย่างจังราวกับค้อนหนัก
หากนี่คือการต่อสู้ระหว่างคนธรรมดาสองคน เฉียวเหลียนเฉิงจะไม่สนใจเลย
เพราะเมียเขากำลังจะใช้มีดฟันใครก็ไม่รู้อยู่แล้ว เขาจะมามัวสนใจคนอื่นได้ยังไง?
ถ้าเธอเสียท่า เธอก็จะตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าชนะ เธอจะต้องเข้าคุก ทั้งสองอย่างนี้เขาไม่ยินดีทั้งสิ้น!
แต่สองคนที่กำลังชุลมุนอยู่นั่น หนึ่งคืออู่หยางที่เป็นตำรวจ และอีกคนเป็นฝ่ายทุบตีอยู่คือเหลยช่าน
ถ้าเขาคือเหลยช่ายในประกาศจับ ถ้าเขาคือฆาตรกรนั่น เหตุตรงหน้าของเฉียวเหลียนเฉิงจะไม่ใช่การตีกัน แต่เป็นการฆ่าฟัน
ทุกวันนี้ชื่อของเหลยช่านได้รับความสนใจมาก ว่ากันว่าเขาคนนี้โกรธแค้นตำรวจ เมื่อไหร่ที่เจอตำรวจก็จะลงมือก่อเหตุ ซึ่งไม่ใช่แค่การฆ่าธรรมดา ๆ แต่เป็นการฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
หมอนี่จะทุบตีเหยื่อจนตาย!
เหมือนอย่างตอนนี้!
เฉียวเหลียนเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เจียงหว่านเองก็กำลังจะฆ่าใครสักคน ตามความสามารถของเธอ เธอสามารถรังแกคนอื่นได้จริง ๆ ด้วย แต่ถ้าตอนนี้เขาไม่ช่วยอู่หยาง
อู่หยางต้องตายแน่!
จักรยานยังคงพุ่งฉิวไปข้างหน้า เฉียวเหลียนเฉิงใช้เท้าข้างเดียวแตะพื้น หมุนกลับจักรยาน 180 องศา จนเกิดเสียงล้อครูกเสียดกับถนน เฉียวเหลียนเฉิงพุ่งเข้าไปหาอู่หยางราวกับสายฟ้า
ขณะนี้ อู่หยางรู็สึกเหมือนกำลังจะตาย ดวงตาของเขาพร่ามัว และสติพร่าเลือนไปหมด คิดหาวิธีต่อสู้นับไม่ถ้วน แต่หัวตื้อจนคิดอะไรไม่ออกเลย
เหลยช่านแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนเขาสู้ไม่ได้เลยจริง ๆ
นี่เขากำลังจะตายแล้วเหรอ?
นอกจากความโกรธและความสิ้นหวังอย่างสุดขีดแล้ว อู่หยางยังรู้สึกเสียใจในบางอย่าง
เขายังไม่ได้แต่งงาน และยังไม่มีลูกเลยนะ!
ครอบครัวเขาสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าตระกูลอู่กำลังจะล่มสลายลงแล้ว!
ขอแค่มีใครสักคนเข้ามาช่วย…
ความคิดนี้วิ่งเข้ามาในใจ และตามมาด้วยความสิ้นหวังที่มากขึ้น
ตอนนั้นเอง เสียงบางอย่างก็กันก็ดังขึ้น เหมือนจะมาจากบางสิ่งที่เสียดกับพื้น
และแล้วก็…
ปึ้ง!
อู่หยางไม่เต็มใจที่จะตายเช่นนี้ เขาจ้องมองไปที่เหลยช่านด้วยดวงตาเบิกกว้าง แม้ว่าเขาจะตาย เขาก็จะจดจำใบหน้าที่อยู่ตรงหน้านี้ให้ได้
เขาจ้องมองเขม็ง ฉับพลันจักรยานคันหนึ่งก็พุ่งเข้าชนเหลยช่านอย่างจัง
จักรยานกระเด็นออกไปพร้อมกับเหลยช่าน
และใครคนหนึ่งก็ลงมายืนอยู่ตรงหน้าเขา ราวกับเทพที่ลงมาจากสวรรค์
”อู่หยาง!”
เสียงสวรรค์ดังขึ้น ผู้ช่วยชีวิตมาถึงแล้ว!
ดวงตาของอู่หยางเบิกกว้าง และเมื่อเขาเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเฉียวเหลียนเฉิง เขาก็หมดสติไปด้วยความโล่งใจ!
เหลยช่านเองสับสนมาก เขากำลังเพลิดเพลินกับการทุบตีเจ้าตำรวจนั่น จู่ ๆ ก็มีจักรยานพุ่งมากระแทกเขาออก นี่มันเรื่องอะไรกัน!
เหลยช่านถูกกระแทกจนล้มลงกับพื้น หลังจากลุกขึ้นมาได้ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะ พอยื่นมือไปแตะหน้าผาก ไม่รู้ว่าจักรยานไปโดนหน้าผากตรงจุดไหนยังไง จึงทำให้มีแผล และมีเลือดไหลออกมา!
เหลยช่านหันไปจ้องมองเฉียวเหลียนเฉิงอย่างโกรธเกรี้ยว
เช็ดเลือดจากหน้าผากแล้วเดินเข้าไปอย่างไม่คิดใส่ใจ
”สำนักถังหลาง เหลยช่าน!”
ขณะที่พูด เขาก็ยกมือขึ้นมาประสานหมัดคารวะ!
เฉียวเหลียนเฉิงเองก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “เฉียวเหลียงเฉิง!”
เขาไม่ได้ประสานหมัดคารวะ แต่ถอดสิ่งถ่วงรั้งออกออก นั่นคือที่ถ่วงน้ำหนักข้อมือ และที่ถ่วงน้ำหนักขา
หลังจากถอดทั้งหมดแล้ว ก็เหลือแค่จัดการเหลยช่านซะ!
ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องมองกัน พลันก็พุ่งหน้าเข้าหากัน
พวกเขาแลกหมัดกันเจ็ดหรือแปดครั้งได้ ในเวลาเพียงสิบวินาที
สิ่งนี้ทำให้เหลยช่านประหลาดใจมาก
จากความเสื่อมถอยของโลกทุกวันนี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยเรียนรู้กังฟู แต่เนื่องจากสงคราม และความวุ่นวายในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา มรดกทางวัฒนธรรมอย่างกังฟู ที่เป็นกังฟูอย่างแท้จริงได้สูญหายไปแล้ว
แม้แต่สำนักถังหลางในปัจจุบัน ก็เป็นแค่เพียงเทคนิคการชกมวยดาษ ๆ ทั่วไป แก่นแท้ของกังฟูมันได้สูญหายไปนานแล้วตามกาลเวลา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยังมีคนที่สามารถเอาชนะเขาได้อีกเหรอ!
ในไม่ช้า เหลยช่านก็ค้นพบว่าทักษะการต่อสู้ของเฉียวเหลียนเฉิงนั้นอยู่แค่ในระดับปานกลาง แต่ความเร็วและความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นยอดเยี่ยมมาก
เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ หากได้พบกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกัน มักจะรู้สึกตื้นเต้นเป็นพิเศษ
เมื่อกำลังใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อสู้กับอีกฝ่ายนั้น
สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเฉียวเหลียนเฉิงใช้กลอุบายสกปรก
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เฉียวเหลียนเฉิงกำดินขึ้นมา และเขาขว้างดินใส่หน้าเหลยช่านทันที
ในการดวลกันระหว่างยอดฝีมือ ความผิดพลาดใด ๆ ก็ตามอาจทำให้ถึงแก่ชีวิต เมื่อดินถูกเขวี้ยงมา เหลยช่านรู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะ
ทันใดนั้นเหลยช่านยกมือกุมตาตัวเอง เฉียวเหลียนเฉิงจึงใช้โอกาสนี้เตะไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย
และยังเตะแบบต่อเนื่อง
เฉียวเหลียนเฉิงเตะไม่กี่ครั้ง เหลยช่านก็กระเด็นออกไป เขาล้มลงไปกองอยู่กับพื้น และอ้าปากพ่นเลือดออกมาเต็มคำ ดวงตาล่องลอย ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด!
เฉียวเหลียนเฉิงเห็นว่าอีกฝ่ายหมดสติไปแล้ว จึงจะเข้าไปจับกุม และเห็นว่าอู่หยางที่หมดสติอยู่มีเลือดโชกไปทั้งตัว
ชายหนุ่มรีบเข้าไปดูอาการ และพบว่าอู่หยางถูกแทงที่หลังถึงสองแผล
ตอนนี้เขามีเลือดออกมาก
เฉียวเหลียนเฉิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจัดการกับบาดแผลไปก่อนชั่วคราว เขาถอดเสื้อกั๊กออก แล้วใช้เสื้อกั๊กมัดห้ามเลือดบริเวณแผลที่เอวของอีกฝ่าย
พอมัดห้ามเลือดเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงมาจากข้างหลัง
เขาหันกลับมา และพบว่าเหลยช่านซึ่งควรจะหมดสติอยู่ ลุกขึ้น แล้วคว้าจักรยานที่ตนโยนทิ้งไว้ ปั่นหนีไปอย่างเร่งรีบ
เฉียวเหลียนเฉิงอยากจะสบถสาปแช่ง แต่เมื่อมองไปที่อู่หยาง เขาก็เลิกสนใจเรื่องนั้น
ชายหนุ่มรีบอุ้มอู่หยางขึ้นมา แล้ววิ่งไปที่โรงพยาบาลในตำบล
โชคดีที่เขาได้พบกับเฉินเซวียน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจ ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวเฉิน ทำให้อู่หยางถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงจึงรีบออกไป
“คุณคอยดูแลอยู่ที่นี่เถอะ ผมมีอย่างอื่นต้องไปทำ เหลยช่านขี่จักรยานหลบหนีเข้าไปที่ค่ายทหารน่ะ”
“คุณช่วยโทรหากองทัพ และขอให้พวกเขาช่วยกันค้นหาที เราอาจจะจับกุมหมอนั่นเจอ มันบาดเจ็บหนักคงยังไปไหนได้ไม่ไกล!”
หลังจากที่เฉียวเหลียนเฉิงพูดจบ เขาก็รีบวิ่งออกไปทันที