เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 126 แม้จะเอาชนะพวกมันไม่ได้ แต่ก็ต้องทำให้พวกมันหวาดกลัวไปจนตาย
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 126 แม้จะเอาชนะพวกมันไม่ได้ แต่ก็ต้องทำให้พวกมันหวาดกลัวไปจนตาย
บทที่ 126 แม้จะเอาชนะพวกมันไม่ได้ แต่ก็ต้องทำให้พวกมันหวาดกลัวไปจนตาย
ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงที่กำลังจดจ่อกับการเช็ดผมให้เจียงหว่าน ก็สะดุ้งเฮือกเมื่อถูกนิ้วอ้วนมาจิ้มที่หน้าท้อง
เสียงแหบแห้งดุขึ้นมา
“อย่าเล่น ผมกำลังเช็ดผมให้คุณอยู่!”
เจียงหว่านได้สติกลับมาอีกครั้ง เธอเบะปากเล็กน้อย และเขินอายกับการกระทำของตัวเอง จึงดึงผ้าเช็ดตัวออกจากศีรษะแล้วโยนมันออกไป
“พอแล้ว ฉันง่วง!”
เฉียวเหลียนเฉิงไม่มีทางเลือกนอกจากคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกไป
ในที่สุดเจียงหว่านก็ได้นอนลงบนเตียงสมปรารถนาเสียที
แต่เธอกลับนอนไม่หลับ เพราะนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้
หลิวหูเป็นคนในตำบล แต่จ้าวเฟิงกับสองคนนั้นเป็นคนนอกตำบล
สองคนนั้นไม่เป็นไร แต่สำหรับจ้าวเฟิงและหลิวหูจะต้องถูกจัดการขั้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพวกนั้นจะมาก่อปัญหาให้เธออย่างนี้ร่ำไป
เจียงหว่านรู้ว่าตัวเธอไม่สามารถเอาชนะพวกเขาด้วยความแข็งแกร่งได้ ซึ่งเธอก็ไม่เคยคิดจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
เธอครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเคาะหน้าต่างเบา ๆ
เฉียวเหลียนเฉิงที่ยังไม่หลับ เอ่ยปากถามทันที
“มีอะไรเหรอ? คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า!”
เจียงหว่านพูดขึ้นว่า “นายพาผิงอันไปอยู่ที่บ้าน แล้วให้เขาไปกลับโรงเรียนกับตงเซิงได้หรือเปล่า!”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบไปสักครู่ “คุณกลัวคนพวกนั้นจะมาสร้างปัญหาเหรอ”
เจียงหว่านพึมพำ แต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่คนที่โผล่มากลางดึกวันนี้
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบสักครู่ก่อนจะตอบตกลง “อื้ม พรุ่งนี้เช้าน่าจะไม่ทันหรอก ไว้ตอนเย็นผมจะมารับเขาหลังเลิกงานแล้วกัน”
“แต่ว่าอีกไม่กี่วันจะถึงการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แล้ว คุณก็ควรจะไปอยู่ที่นั่นด้วย”
เจียงหว่านตอบรับ “อื้ม เดี๋ยวฉันจะไป”
เฉียวเหลียนเฉิงยังไม่คลายกังวล “ท้องคุณเป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นบ้างไหม? หรือจะให้ผมไปต้มน้ำร้อนให้”
เจียงหว่านรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย ฉันไม่ดื่มน้ำร้อน”
สิ่งที่คนอ้วนหวาดกลัวที่สุดคือความร้อน เพียงการดื่มน้ำร้อนเล็กน้อยยิ่งทำให้เหงื่อทะลักจนร่างกายเปียกชุ่ม!
เฉียวเหลียนเฉิงเองก็ไม่บังคับเธอ
วันรุ่งขึ้น เจียงหว่านตื่นไปซื้อเนื้อ หลังจากกลับมาแล้วเธอให้สะใภ้เฉินจัดการกับเนื้อ ส่วนตัวเธอไปที่สหกรณ์ในตำบลเพื่อหาซื้อมีดทำอาหาร
ในยุคนี้การหาซื้อมีดปอกผลไม้นั้นยากมาก เจียงหว่านจึงจำเป็นต้องซื้อมีดทำครัวมาแทน
เธอคิดไว้ว่าถ้าหากหลิวหูโผล่มาอีกครั้ง เธอจะใช้มีดทำครัวนี้สับเขาเป็นชิ้น ๆ
แต่จะสับได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถึงเวลานั้นค่อยคิดกันอีกที
ถ้าหากเธอไม่ทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวและยอมจบเรื่องนี้ ในอนาคตเธอคงจะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่
หลังจากไตร่ตรองแล้ว เธอก็ซื้อผ้าผืนหนึ่งมาพันรอบเอว ก่อนจะสอดมีดทำครัวไว้
เห็นวิธีการเก็บมีดของเธอทำให้สะใภ้เฉินตื่นตระหนก
“หว่านหว่าน เธอทำอะไรน่ะ?”
เจียงหว่านตอบกลับอย่างสบาย ๆ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ มีดทำครัวแค่อันเดียวไม่พอน่ะ เลยต้องซื้อมาเพิ่ม”
สะใภ้เฉินยังกังวลไม่หาย “คงมีแต่เธอที่ทำแบบนี้”
แม้เธออยากจะถามต่อ แต่ถ้าเจียงหว่านไม่ต้องการตอบ มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
สะใภ้เฉินปรุงเนื้อต่อไปด้วยความหวาดหวั่น ขณะเจียงหว่านออกไปพร้อมกับมีดทำครัวที่เอว
เธอมาหาอู่หยาง “คุณรู้ไหมว่าบ้านของหลิวหูอยู่ที่ไหน?”
อู่หยางเอ่ยปากถาม “คุณคิดทำอะไร?”
เจียงหว่านตอบกลับ “ฉันจะพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับการอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติเท่านั้นแหละ”
อู่หยางไม่เชื่อคำโกหกเหล่านั้น ส่ายศีรษะเบา ๆ
“ผมไม่รู้หรอก เมืองนี้มีคนตั้งมากมาย ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าบ้านของใครอยู่ที่ไหนบ้าง”
เจียงหว่านรู้ว่าอีกฝ่ายรู้แต่ไม่พูด แค่เธอไม่คิดบังคับและกลับออกมา
อู่หยางตะโกนขึ้นจากด้านหลัง “คุณจะทำอะไรเหรอ? คุณอุตส่าห์ได้เป็นคนหนุ่มสาวที่เปี่ยมคุณธรรมทั้งที อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามดีกว่านะ!”
เจียงหว่านโบกมือลาเขาโดยไม่คิดหันกลับมามอง “ลืมเรื่องนั้นไปซะ ฉันเป็นนักพนันไม่สามารถเป็นคนหนุ่มสาวที่เปี่ยมคุณธรรมได้หรอก! อย่าเอาคุณสมบัติอะไรมาตัดสินฉัน ยกตำแหน่งนั้นให้คนอื่นไปซะ!”
เธอไม่สนใจชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านั้น เพราะมันไม่ใช่เงินหรืออาหาร
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อได้รับชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านี้ เธอก็จะไม่สามารถจัดการกับคนอื่น ๆ ได้ตามใจเช่นเคย ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลยสักนิด!
……
อู่หยางเห็นว่าเธอกลับออกไป ก็เกาศีรษะของตัวเองแกรก ๆ อย่างจนปัญญา
เขาอยากจะตามไป แต่หลังจากพ้นประตูมาแค่ยิดเดียว มันกลับมีเสียงตะโกนขึ้นจากด้านหลัง
“อู่หยาง ผู้กำกับเรียกหาคุณน่ะ!”
อู่หยางเลยจำเป็นต้องกลับไปพบผู้กำกับอย่างไม่มีทางเลือก
ส่วนเจียงหว่านออกไปตามหาฮวาจือ
หากเธอหาหลิวหูไม่พบ การตามหาภรรยาน้อยของเขาก็เป็นทางเลือก
เมื่อเจียงหว่านมาถึงประตูหน้าบ้าน ฮวาจือก็ทำอะไรไม่ถูก
เธอเองก็ต้องการให้หลิวหูไปแก้แค้น เพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องฟักไข่อีก
แต่หลิวหูกลับไม่สามารถทำอะไรได้ เธอจึงรีบส่งตัวเองเข้าศูนย์กักตัวชั่วคราว
แม้จะไม่ถูกลงโทษอะไร แต่ฮวาจือก็ไม่หวังพึ่งพาหลิวหูอีกแล้ว
และตอนนี้เธอยังต้องฟักไก่ต่อไป
ฮวาจือหวาดกลัวเจียงหว่านมาก!
เมื่อเห็นเจียงหว่านมายืนอยู่หน้าประตู ร่างกายของเธอสั่นสะท้านก่อนจะปล่อยไข่ในมือร่วงหล่นจนแตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย!
ฮวาจือมองแอ่งน้ำเหนียวเหนอะบนพื้นพร้อมสบฟันแน่นด้วยความเกรี้ยวกราด
“ฮวาจือ บ้านของหลิวหูอยู่ที่ไหน?”
ฮวาจือโกรธมาก แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะตอบโต้กับเจียงหว่าน พยายามฝืนยิ้มอย่างกล้ำกลืน
“เขา เขาอยู่ทางตะวันตกของตำบล”
“หน้าประตูบ้านของเขามีผ้าสีแดงแขวนอยู่”
ธรรมเนียมของที่นี่คือถ้าหากบ้านหลังไหนมีทารกแรกเกิด ในบ้านจะแขวนผ้าสีแดงเอาไว้
เจียงหว่านประหลาดใจก่อนจะเอ่ยปากถาม “ในครอบครัวของหมอนั่น มีเด็กแรกเกิดด้วยเหรอ?”
ฮวาจือตะคอกกลับ “ภรรยาของเขาเพิ่งคลอดลูกเมื่อเดือนที่แล้ว!”
เจียงหว่านประหลาดใจ “เขามีภรรยาแล้ว แต่เธอก็ยังหลับนอนกับเขา”
ฮวาจือเย้ยหยัน “ทุกคนมีความใคร่กันทั้งนั้น ภรรยาของเขาน่าเกลียด และเขาเองก็ไม่ชอบหญิงจากชนบท”
เจียงหว่านตกตะลึง “โอ้ หมอนั่นยังเป็นมนุษย์ไหม? ตัวมันเองก็เป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ แต่กล้าดูถูกคนชนบทงั้นเหรอ?”
“ถึงภรรยาจะขี้เหร่ แต่มันหน้าตาดีหรือไง? ส่วนเธอเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก เหมาะสมกันจริง ๆ!”
ฮวาจือโกรธจัด “ทำไมเธอถึงพูดจาหยาบคายขนาดนี้! ตามหาหลิวหูอยู่ไม่ใช่หรือไง รีบไปเสียสิ!”
เจียงหว่านนึกถึงเรื่องนี้ก่อนจะหันหลังกลับ แต่เธอนึกบางอย่างได้ก่อนจะหันกลับมาหาฮวาจืออีกครั้ง
“นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้วนี่นา เธอฟักไข่ได้หรือยัง? ถ้ายังไม่ได้ เดือนหน้ามันจะเพิ่มเป็นสองเท่านะ!”
“แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ ถ้าพวกมันไม่ฟักออกมาในเดือนหน้า มันจะเพิ่มเป็นสองเท่า คือเธอต้องมีแม่ไก่ให้ฉันยี่สิบสี่ตัว!”
ฮวาจือแทบจะกระอักเลือด
เจียงหว่านเมินเฉยต่อท่าทางของอีกฝ่ายพร้อมเดินออกไป แต่ฮวาจือก็ร้องตะโกน
“ฉันไม่รู้วิธีจะฟักพวกมัน เธอควรสอนฉันสิ ไม่อย่างนั้นต่อให้เธอซื้อไข่ให้ฉันพันฟอง ฉันก็ไม่สามารถฟักมันได้หรอก หรือไม่อย่างนั้นก็ฆ่าฉันให้มันจบ ๆ ไปซะ!”
ฮวาจือรู้สึกเสียใจจริง ๆ เธอถูกทุบตีในศูนย์กักตัวชั่วคราว พอได้กลับออกมาแล้ว ยังวิ่งไปที่ประตูบ้านของอีกฝ่ายอีก
เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังไปทุบไข่เหล่านั้นด้วย!
เจียงหว่านได้ยินเสียงร่ำร้องของอีกฝ่าย ก็หันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ถ้าหากว่าไม่รู้ ก็ไปถามคนที่รู้สิ!”
ฮวาจือแทบจะคลั่ง
เจียงหว่านจากไปแล้ว ฮวาจือคิดอย่างจริงจัง และเพื่อกำจัดคำสาปร้ายนี้ เธอจำเป็นจะต้องหาคนที่รู้วิธีการฟักไข่ให้เร็วที่สุด
บ้านของหลิวหูอยู่ไม่ไกลจากบ้านของฮวาจือนัก จึงใช้เวลาไม่นาน
เมื่อเจียงหว่านมาถึง หลิวหูและครอบครัวก็นั่งอยู่ที่นั่นพร้อมหน้า เจียงหว่านยืนอยู่นอกลานและได้ยินว่าทั้งสี่คนกำลังนั่งดุด่าเธออย่างเผ็ดร้อน
คำพูดเหล่านั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ จ้าวเฟิงถึงกับวางแผนว่าจะจับเธอโยนลงหม้อเดือดแล้วทำสตูว์เสียให้จบสิ้น
ช่างเป็นวิธีการเลวร้ายและน่าขยะแขยง
ยิ่งเจียงหว่านได้ฟังมากเท่าไหร่ เธอยิ่งโกรธมากเท่านั้น เวลานี้เธออยากจะพุ่งตัวเข้าไปจนแล้วจนรอด แต่กลับได้ยินเสียงดังขึ้นว่า
“แต่วันนี้พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเลย เลิกพูดถึงการแก้แค้นดีกว่า เอาแค่วันนี้จะกินอะไรก่อน?”
หลิวหูรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องห่วง ผมจะไปสั่งอาหารที่ร้านอาหาร แล้วจะซื้อเหล้ามาแล้ว เดี๋ยวพวกพี่รออยู่ที่นี่แล้วดื่มกันหลังจากผมกลับมานะ!”
“อื้ม พวกเราจะอยู่ที่นี่แหละ แล้วหลังจากกินอาหารเสร็จ เราค่อยไปหานังอ้วนเพื่อชำระแค้น!” จ้าวเฟิงกล่าวตอบรับ
หลิวหูพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าในบ้านเพื่อไปหยิบเงิน และกล่องข้าว
เจียงหว่านที่ซ่อนตัวอยู่กำแพงบ้านด้านนอกเผยแววตาสดใส ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว