เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 124 ฆาตกรที่โดนหมายหัว
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 124 ฆาตกรที่โดนหมายหัว
บทที่ 124 ฆาตกรที่โดนหมายหัว
สถานีตำรวจมีเจ้าหน้าที่ไม่มากนัก สำนักงานก็ค่อนข้างว่างเปล่า พอพวกเขากลับมา ก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น เพียงรีบเข้าไปดูเอกสารทันที
เดิมทีเจียงหว่านไม่ใส่ใจเรื่องนี้ แม้ว่าเธอจะมากินข้าวที่นี่บ่อย ๆ เธอก็ไม่ได้สนใจเอกสารของพวกตำรวจเลย
เธอยังมีมารยาทอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม วันนี้เมื่อเธอเดินผ่านโต๊ะ และเห็นตราประทับสีแดงบนเอกสาร ซึ่งมันดึงดูดสายตาเธอทีเดียว
บนนั้นเขียนว่า ‘หมายจับ’
เจียงหว่านหยุดชะงัก เธอชี้ไปที่หมายจับบนกระดาษแล้วถามอู่หยาง
”ฉันดูอันนี้ได้ไหม?”
อู่หยางเหลือบมอง “ได้สิ แต่คุณดูที่ผมคัดลอกดีกว่า”
“คุณดูไว้ก็ดี จะได้หลีกเลี่ยงถ้าไปเจอเจ้าพวกนี้โดยบังเอิญ”
เขายื่นกระดาษให้เจียงหว่าน
บนกระดาษมีภาพคนโดนหมายจับอยู่หลายคน และยังมีรูปถ่ายขาวดำด้วย
แม้ว่าจะมองไม่เห็นว่าเป็นที่ไหน แต่ก็สามารถมองเห็นรูปพรรณสัณฐานได้คร่าว ๆ
แต่มีข้อมูลของคนหนึ่งดึงดูดความสนใจของเจียงหว่าน
ชื่อ : เหลยช่าน
อายุ : 28 ปี
ศิษย์สำนักถังหลาง สังหารภรรยาและชู้เมื่อหกเดือนก่อน ทุ่มลูกชายวัยสามขวบของตัวเองกับพื้นจนเสียชีวิต และสังหารคนอีกแปดคนระหว่างหลบหนี ขณะนี้กำลังหลบหนี
ในภาพขาวดำ ชายคนนี้มีรอยแผลเป็นที่ดวงตาข้างหนึ่ง และมีไฝอยู่ที่ใต้แผลเป็น
ไฝขนาดเท่าเม็ดบ๊วย สังเกตเห็นได้ชัดเจน
“พี่สาวอ้วน คนคนนี้น่าจะจำง่ายหน่อย ถ้าเกิดเจอก็อย่าไปสู้เขาล่ะ ให้รีบหนีไปเลยนะ”
อู่หยางชี้ไปที่รูปเหลยช่านโดยเฉพาะ
เจียงหว่านพยักหน้า “อื้อ ฉันรู้ตัวเองดีน่า สู้กับพวกอันธพาลน่ะยังพอไหว แต่ถ้าเจอกับฆาตกรแบบนี้ ฉันจะวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย”
อู่หยางยิ้มและพูดว่า “แหม ไม่จำเป็นต้องพูดถึงขนาดนั้นหรอก จะว่าไปคนคนนี้ก็หลบหนีไปมณฑลอื่นแล้ว เขาคงไม่มาที่ตำบลเราหรอก”
“ว่ากันว่า ในบรรดาแปดคนที่เขาฆ่าตอนกำลังหลบหนี หกคนในนั้นเป็นตำรวจด้วยนะ”
เจียงหว่านรู้สึกประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่จะมองดูภาพนี้อีกสักพัก
แล้วอู่หยางก็กล่าวขึ้นว่า “หลิวหูกับอีกสามคนถูกตักเตือนและอบรม จะถูกปล่อยตัวอีกไม่นานนี้ เพราะยังไม่ได้กระทำความผิดจริง ๆ เพราะแบบนั้นพวกเขาอาจจะไปหาคุณอีก”
เจียงหว่านรู้สึกผิดหวัง “พวกคุณคุมตัวพวกนั้นแค่สองสามวัน คิดเหรอว่าพวกนั้นจะเปลี่ยนสันดานได้ แค่สอบปากคำเแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้นเนี่ยนะ!”
อู่หยางยักไหล่ “แต่เราเป็นสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ ไม่ใช่รังของพวกอันธพาล เราต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่สามารถกักขังพวกเขาได้!”
เจียงหว่านเสียใจที่ได้ยินแบบนั้น “ถ้ารู้แบบนี้ ฉันจัดการเองซะดีกว่า”
เจียงหว่านบ่นพึมพำ เธอจริงจังกับเรื่องนี้จริง ๆ
ไม่กี่วันมานี้ เพื่อที่จะถ่ายทอดวิชาให้พี่สะใภ้เฉิน เจียงหว่านเตรียมเนื้อ และปล่อนให้พี่สะใภ้เฉินไปขายมันด้วยตัวเอง
ช่วงเวลาเที่ยงและเย็นคนจะเยอะมาก เธอจึงไปทำเจียนปิ่ง
และแน่นอน มันขายไม่ง่ายในตอนแรก แต่หลังจากขายได้ชุดสองชุด ก็เริ่มได้รับความสนใจ และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในที่สุด
ตอนเที่ยง คนจากหน่วยงานของรัฐออกมาซื้อเจียนปิ่งเป็นจำนวนมาก
บางคนกินอันหนึ่ง และยังซื้อกลับไปอีกหลายอัน
แต่ตอนกลางคืนแย่หน่อย มีคนซื้อเจียนปิ่งลดลงพอสมควร
เจียงหว่านขายในราคาชุดละครึ่งหยวน เนื่องจากมีไข่และผัก ครึ่งหยวนก็เป็นราคาที่สมเหตุสมผล
แน่นอนว่าคนธรรมดาคงไม่เต็มใจที่จะซื้ออย่างแน่นอน
เจียงหว่านจึงเปลี่ยนไปขายเจียนปิ่งแค่ในตอนเที่ยง ส่วนหมูตุ๋นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสะใภ้เฉิน
หลังจากขายเจียนปิ่งแล้ว เธอก็กลับไปที่บ้าน และเริ่มฝึกฝนด้วยอุปกรณ์ของเฉียวเหลียนเฉิง
เธอไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ แต่เธอก็รู้วิธีฝึกฝน เช่นเดียวกับที่เธอสอนเฉียวเหลียนเฉิง เธอไม่ได้ฝึกทักษะอะไร แค่ฝึกฝนความเร็วและการหลบหลีกเท่านั้น
วิธีนี้ใช้ออกกำลังกายได้ และใช้ลดน้ำหนักได้อีกด้วย
……
ภายในเวลาห้าวัน เจียงหว่านรู้สึกว่าน้ำหนักของเธอลดลงไปมาก
วันนี้เธอรู้สึกตัวเบาเป็นพิเศษ เมื่อมาถึงร้านขายเนื้อ เธอก็ขึ้นไปยืนบนตาชั่ง
109 กิโลกรัม!
เจียงหว่านแทบจะกรี๊ดออกมา
เธอก้มศีรษะมองดูว่าตัวเองที่เริ่มมีเอวขึ้นมาบ้างแล้ว ร่างกายเบาขึ้นจริง ๆ ด้วย
เพราะน้ำหนักลดลง เจียงหว่านจึงอารมณ์ดีมากในวันนี้
แต่เธอลดน้ำหนักได้เร็วเกินไป ผิวหนังจึงเหี่ยวยาน
มีทางเดียวที่สามารถแก้ได้คือต้องเติมโปรตีนสักหน่อย
แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องการคือขาหมู
เมื่อถึงเวลาไปรับสินค้า เจียงหว่านก็สั่งขาหมูเพิ่มเป็นพิเศษ และจะตุ๋นมันไว้สำหรับกินเองเพื่อเติมโปรตีนและคอลลาเจนให้ผิวหนังสักหน่อย
เฉียวเหลียนเฉิงกลับมาแล้ว พร้อมกับผ้าหนึ่งผืน และกล่องใบเล็ก
ขณะที่เขาเดินผ่านประตูเข้ามา ก็เห็นเจียงหว่านกำลังเคี้ยวขาหมูอยู่
เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าเจียงหว่านกินเนื้อที่ตัวเองทำ
หลังจากวางข้าวของทั้งหมดลง เฉียวเหลียนเฉิงก็หันมองเธออย่างฉงน
“มองอะไร? ไม่เคยเห็นคนกินขาหมูหรือไง?” เจียงหว่านถามพลางขมวดคิ้วแน่น แต่ปากก็ยังคงไม่หยุดเคี้ยวตุ้ย ๆ
เฉียวเหลียนเฉิงรีบหลบตาทันที “นี่ผ้าที่ผมฝากเพื่อนซื้อมาจากในเมือง มันดีมากเลยนะ ผมว่าจะเอาไปตัดเสื้อผ้าให้คุณ”
“อีกอย่างเจียงเฉิงเอากล่องประทัดมาให้ ผิงอันคงอยากเล่น แต่คุณต้องเก็บมันไว้ก่อนนะ อย่าให้เขาแอบเอาออกไป”
“ผมจะเก็บไว้ให้เขาเล่นช่วงปีใหม่น่ะ”
เจียงหว่านประหลาดใจ “นี่มันไม่ใช่ช่วงเทศกาลสักหน่อยทำไมถึงมีประทัดเยอะขนาดนี้ล่ะ? อีกอย่างทำไมต้องมาตัดเสื้อผ้าให้ฉันด้วย ฉันยังมีใส่อยู่นะ”
เฉียวเหลียนเฉิงมองเธอ “ช่วงไม่กี่วันที่คุณอยู่ในคุก เจียงเฉิงบอกว่าในนั้นทั้งหนาวและมืด ผมเลยอยากจะหาเสื้อผ้าดี ๆ ให้คุณใส่ พยายามหาอยู่นาน แต่เจอแค่สองสามชุดเท่านั้นเอง”
“อีกอย่างตอนนี้คุณยังใส่เสื้อผ้าฤดูร้อนอยู่เลย นี่เริ่มจะหนาวแล้ว คุณมีชุดแล้วเหรอ?”
เจียงหว่านตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ “อ่า จริงด้วย เริ่มหนาวแล้วนี่นา แต่นายมาทำเสื้อผ้าดี ๆ ให้ฉันใส่ แล้วนายมีใส่ไหมเนี่ย?”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบไป อืม…เขาลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท!
สมองหมูชัด ๆ!
“ยังไงผมก็ซื้อมันมาแล้ว คุณเก็บไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวผมหาผ้าที่หนากว่านี้มาให้อีก”
เจียงหว่านไม่โต้แย้งอะไรอีก
“ฉันว่าจะหาคนมาเย็บเสื้อผ้าสักหน่อย แต่ทำไมในเมืองถึงไม่มีคนตัดเย็บเสื้อผ้าเลยล่ะ?”
เฉียวเหลียนเฉิงได้ยินอย่างนั้น จึงบอกว่า “ภรรยาของหัวหน้ากองพันที่สามตัดเย็บเสื้อผ้าเก่งอยู่นะ คุณลองเอาเรื่องนี้ไปถามเธอดู”
เจียงหว่านอุทานออกมา “ภรรยาของหัวหน้ากองพันที่สามงั้นเหรอ หลินชิงโหรวใช่ไหม! เธอดูบอบบางและอ่อนแอขนาดนั้น ตัดเย็บเสื้อผ้าได้ด้วยเหรอเนี่ย”
ในยุคนี้ผ้าราคาถูก แต่การตัดเย็บแพงมาก
เฉียวเหลียนเฉิงเองก็ไม่รู้อะไรนัก “ผมก็ไม่รู้อะไรมากหรอก ไม่เคยจ้างเธอทำเสื้อผ้าให้ด้วย แต่เธอเคยตัดชุดให้ผิงอันก่อนหน้านี้ แถมไม่ได้เก็บเงิน แค่ซื้อของไปฝากเธอก็น่าจะพอนะ”
เจียงหว่านลูบคางพร้อมพึมพำ กำลังคิดว่าจะตัดเสื้อผ้าแบบไหนดี
เธอไม่รู้ว่าฝีมือของหลินชิงโหรวยอดเยี่ยมแค่ไหน
ถ้าหากว่าหล่อนเก่งจริง เธอก็อยากจะตัดเย็บชุดแบบที่ค่อนข้างแปลกใหม่สักหน่อย เพราะทรงตามนิยมทุกวันนี้น่าเกลียดมาก ไม่เหมาะสมกับคนอ้วนเลย
เจียงหว่านหลับไปจนกระทั่งเที่ยงคืน เธอรู้สึกปวดท้องจนต้องลุกขึ้นมา ไม่รู้ว่าเพราะกินอะไรผิดสำแดงเข้าไปหรือเปล่า
เวลานี้ท้องเธอร้องโครกครากเสียงดัง ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว จนไม่สามารถนอนต่อได้ จำต้องลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึก
ทันทีที่เธอเดินออกมา เฉียวเหลียนเฉิงก็ตื่น “เกิดอะไรขึ้น?”
เจียงหว่านตอบกลับอย่างเขินอาย “ฉันปวดท้องน่ะ อย่าสนใจเลย”
กล่าวจบเธอก็เดินไปที่ห้องน้ำ
เฉียวเหลียนเฉิงเองก็อยากจะตามไป แต่เขารู้สึกว่ามันคงไม่ค่อยเหมาะสมนักที่จะตามคนที่จะเข้าห้องน้ำไป แล้วในเวลานี้ก็คงไม่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้นอนต่อ และกำลังเขานั่งรอเจียงหว่าน
เจียงหว่านมาถึงห้องน้ำพร้อมกับท้องไส้ที่ปั่นป่วนเต็มที เธอรีบนั่งยองคร่อมหลุม แล้วรวบรวมสมาธิ