เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 123 กระโดดเข้าไปในคุกเองซะอย่างนั้น
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 123 กระโดดเข้าไปในคุกเองซะอย่างนั้น
บทที่ 123 กระโดดเข้าไปในคุกเองซะอย่างนั้น
จ้าวเฟิงหัวเราะเยาะ “ทหารอะไร ไร้สาระ! ฉันคนเดียวสู้กับสิบคนก็ยังไหว”
พูดจบเขาก็ยกแขนขึ้น
คนขายเนื้อที่โกรธมากเมื่อได้ยินคำดูถูก จึงหันไปหาบางอย่างมาเพื่อจะใช้ต่อสู้เหมือนกัน
ในฐานะคนขายเนื้อ เขาไม่เคยกลัวการต่อสู้ เขาจะแทงใครซักคนด้วยมีดแล่เนื้อก็ได้
แต่ในขณะนี้ มือหนึ่งที่อยู่ข้างหลังดึงคนขายเนื้อออกไป ก้าวไปข้างหน้าและถามอย่างเย็นชา
“ถ้าคนขายเนื้อสู้ไม่ได้ แล้วถ้าเป็นฉันล่ะ?”
คนที่ก้าวออกมาคืออู่หยาง
วันนี้อู่หยางไม่ได้สวมเครื่องแบบ แต่ไม่มีใครในเมืองไม่รู้จักเขา
เมื่อเห็นว่าเขาอยู่ที่นั่น หลิวหูก็หน้าซีดและพูดกระซิบ “พี่ชาย ผู้ชายคนนี้มาจากสถานีตำรวจในตำบล! เขามีฝีมืออยู่นะ!”
จ้าวเฟิงหัวเราะเยาะ “สถานีตำรวจก็ไม่ได้เรื่องทั้งนั้นแหละน่า ถึงพวกตำรวจจะมาที่นี่ทั้งหมด ฉันก็ไม่กลัว”
ขณะที่พูด เขาชี้ไปที่อู่หยางอย่างจองหอง “เจ้าหนู อย่าหาว่าฉันไม่เตือน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแก ออกไปให้พ้นทางของฉันซะ ไม่งั้นฉันจะจัดการแกด้วย!”
อู่หยางหัวเราะอย่างไม่สบอารมณ์ “โอ้โห เก่งจริง ๆ เลยนะ กล้าขู่ตำรวจถึงขนาดนี้ ฉันล่ะอยากเห็นจริง ๆ ว่าแกจะจัดการฉันยังไง!”
ขณะที่พูด อู่หยางก็ปลดกระดุมแขนเสื้อและตรงปรี่เข้าไปต่อสู้กับอีกฝ่าย!
เมื่อเห็นแบบนี้ เจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิงจึงถอยทัพไป
จ้าวเฟิงและน้องชายที่อยู่ข้าง ๆ ไม่สะทกสะท้านอะไร แม้ว่าอู่หยางจะมีฝีมือ แต่พวกเขาก็กันมีสองคน
ตำรวจก็แค่คนธรรมดา อาจมีฝีมือกว่าปกตินิดหน่อย แต่ความสามารถในการต่อสู้ของพวกตนสองคนต้องดีกว่าแน่!
“ลูกพี่ ผมจัดการเอง!” ลัวเสี่ยวหนิวอาสา และขยับข้อมือรีบวิ่งเข้าไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในห้อง
“ใครดูถูกตำรวจของเรา ฉันขอดูหน้าหน่อยสิ!”
ทันทีที่เขาพูดจบ เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนก็ออกมา
ทั้งหมดหน้าดำคร่ำเครียดรีบวิ่งเข้าไปในลานบ้าน แล้วเข้ามาล้อมทั้งสามคนไว้ภายในพริบตา
ทั้งสามคนเงียบกริบ
เมื่อตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเงียบงัน จ้าวเฟิงมองไปที่ชายแปดคนตรงหน้าราวกับเป็นวิญญาณชั่วร้าย กลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
“หลิวหู พวกนี้คือใคร?”
จ้าวเฟิงคงไม่กลัวหรอก ถ้ามีเพียงหนึ่งหรือสองคน แต่ที่ปรากฏตัวอยู่ตอนนี้มีตั้งแปดคน!
ยิ่งไปกว่านั้น คนพวกนี้ไม่ธรรมดา สถานีตำรวจในตำบลคลุกคลีกับประชาชนมาอย่างยาวนาน พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่อำนาจศาลของหมู่บ้านในแปดตำบล
เนื่องจากพวกเขาเป็นแนวหน้าที่ต้องติดต่อกับผู้คนมากหน้าหลายตา จึงมีความแข็งแกร่งและทักษะที่ดีมาก
ดังนั้น จ้าวเฟิงมองดูคนเหล่านี้และรู้ดีว่าไม่ง่ายเลยที่จะรับมือ
แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น จ้าวเฟิงที่มีมีทักษะมากกว่าแค่เล็กน้อยจะสู้กับตำรวจมากขนาดนี้ได้ยังไง
เจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิงไม่เคลื่อนไหวอะไร จากนั้นคนเหล่านี้ถูกควบคุมตัวไว้
เธอจึงเพียงมองดูคนที่ถูกจับกุม
“ฉันบอกให้นายมาชิมอาหารให้ฉันแท้ ๆ กลับต้องมาทำงานล่วงเวลาซะได้”
อู่หยางโบกมือ “ไม่เป็นไร ๆ เราให้บริการประชาชนโดยไม่คำนึงถึงเวลาหรือสถานที่อยู่แล้ว อาหารก็กินเสร็จแล้ว งั้นพวกเราขอกลับก่อนล่ะ”
เจียงหว่านรีบเดินไปส่งเขา
เมื่อเดินออกไป เจียงหว่านมองไปที่ประตูบ้าน พึมพำด้วยความหดหู่ใจ
“เฮ้อ พวกนั้นถูกนำตัวไปแล้ว แล้วใครจะซ่อมประตูให้ล่ะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดปลอบ “ไม่เป็นไร เรามาเปลี่ยนเป็นประตูเหล็กกันเถอะ”
เจียงหว่านถอนหายใจ “เชอะ เจ้าพวกนั้นโชคดีไปนะ!”
จ้าวเฟิงที่ยังเดินออกไปได้ไม่ไกล เมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาก็หัวเราะเยาะ “ใครโชคดีกันแน่? ถ้าไม่ใช่เพราะพวกฉันบังเอิญเจอตำรวจ เธอคิดว่าเธอจะยังโชคดีอยู่ไหม!”
……
อู่หยางยกมือขึ้นแล้วตบอีกฝ่าย
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ที่แกมาเจอพวกเรา เพราะควันที่มันลอยออกมาจากหลุมศพบรรพบุรุษของแก! ไม่อย่างนั้น คืนนี้อาจมีคนพิการก็ได้!”
”ไปเร็วเข้า!”
จ้าวเฟิงกลอกตาและเดินตามออกไปอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อทั้งสามถูกพาตัวไป เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกลาและจากไปด้วย
คนขายเนื้อเดินเข้า เขาพูดว่า “น้องสาว หลิวหูคนนี้ฉันได้ยินมาว่ามันสนิทกับผู้คนในทีมศิลปะการต่อสู้ เจ้าหัวโล้นนั่นเป็นพี่ใหญ่ของทีมศิลปะการต่อสู้”
“ส่วนหลิวหูเป็นแค่อันธพาล คิดทำการใหญ่ ๆ ไม่ได้หรอก”
“ฉันได้ยินมาว่า จ้าวเฟิงติดต่อกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่งมา”
คนขายเนื้อพูดเสียงเบาลง “คนพวกนั้นบอกว่าเป็นคนที่น่ากลัวสุด ๆ!”
เจียงหว่านเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึงและพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณนะพี่ชาย ฉันจะจำไว้และระวังตัว”
“พี่ก็ด้วย ฉันกลัวว่าเรื่องคราวนี้จะเกี่ยวข้องกับพี่ พี่ต้องระวังตัวด้วยนะ”
คนขายเนื้อพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็แค่คนขายเนื้อหมู ถ้าพวกมันทำให้ฉันโกรธ ฉันก็จะฆ่าพวกมันให้เหมือนหมู”
คนขายเนื้ออยู่ต่ออีกไม่นาน ก็จากไป
เฉียวเหลียนเฉิงเดินเข้ามาด้วยความกังวล “ช่วงนี้คุณระวังตังไว้หน่อยล่ะ”
“ส่วนคืนนี้ผมจะคอยดูให้”
“แต่ตอนกลางวันผมมาเฝ้าไม่ได้ แล้วตอนที่คุณออกไปที่แผงลอย คุณต้องระวังให้มากนะ”
เจียงหว่านเงียบและพูดต่อว่า “ฉันไม่กลัวหรอก นายดูแลผิงอันให้ปลอดภัยก็พอ”
เธอหยุดคิดไปพักหนึ่งแล้วพูดว่า “ยังไงก็ตาม สิ่งที่นายพูดก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล วิธีที่ดีที่สุดคือการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งเข้าไว้”
“ฉันลองคิด ๆ ดูแล้ว หรือว่าเราจะสอนกังฟูให้ผิงอันดีล่ะ อย่างน้อยเขาจะได้เก่งกว่าเด็กธรรมดา”
เฉียวเหลียนเฉิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วพูดว่า “ตกลง เริ่มพรุ่งนี้เลยไหม ผมจะพาผิงอันมาฝึกด้วย”
พ่อของผิงอันคือวีรบุรุษ และเฉียวเหลียนเฉิงไม่อาจปล่อยให้เขาทำให้ชื่อเสียงของพ่อเสื่อมเสียได้
หลังจากพูดถึงเรื่องผิงอันแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
เจียงหว่านมองดูอย่างไม่เข้าใจ “อะไรอีกล่ะ มีอะไรอีก?”
เฉียวเหลียนเฉิงฮัมเพลงอารมณ์ดี “อีกสองสามวันจะมีการแข่งขัน ถ้าผมเข้ารอบชิงชนะเลิศได้…”
“ไม่สิ ผมจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศแน่นอน ถ้าถึงตอนนั้น คุณช่วยมาดูผมแข่งหน่อยได้ไหม?”
เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของเจียงหว่าน เขาก็มองไปด้านข้างอย่างอึดอัดใจ
“ผมหมายถึงว่า ผมอยากให้ผิงอันมาดูผม แต่เขายังเด็ก อาจจะไม่สะดวกนัก มันคงจะดีกว่าถ้าคุณพาเขาไป”
เจียงหว่านหัวเราะเบา ๆ เฉียวเหลียนเฉิงต้องการชวนเธอไปชัด ๆ
ถ้าคิดว่าการที่เด็กไปเองจะไม่สะดวก ก็ยังให้คนอื่นดูแลแทนได้ อย่างเจียงเฉิงไง
อยากให้เธอไปแบบนี้ มันน่าอึดอัดนะ
เฉียวเหลียนเฉิงเห็นว่าเจียงหว่านเงียบ ก็คิดว่าเธอคงไม่เต็มใจที่จะไป
เขาถอนหายใจเบา ๆ “เฮ้อ คิดซะว่าผมไม่ได้พูดละกัน ถ้าคุณไม่อยากไปก็ช่างมันเถอะ”
เขาหันหลังกลับและไปที่หลังบ้านเพื่อฝึกซ้อมต่อ แต่ทันใดนั้นเจียงหว่านก็พูดขึ้นเบา ๆ
“ถ้าวันนั้นฉันไม่มีอะไรทำ ฉันจะไปดูอย่างไม่เต็มใจแล้วกัน”
เฉียวเหลียนเฉิงชะงักไป หันหลังให้เธอโดยไม่หันกลับมามอง
“นั่นล่ะ ไม่ต้องฝืนหรอก”
เจียงหว่านเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “จะว่าไม่เต็มใจก็ไม่เชิง แต่ถ้าฉันไปดูนายแข่ง ฉันคงไม่ได้ขายเนื้อ”
”เพราะงั้นนายต้องชดเชยในวันนั้น”
เฉียวเหลียนเฉิงเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้ม “ตกลง ผมจะชดเชยให้”
พูดจบเขาก็เดินตรงไปที่สวนหลังบ้าน
เธอตกลงไปแล้ว เพราะงั้นเขาต้องตั้งใจให้มาก
ตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น เจียงหว่านไปกินข้าวที่สถานีตำรวจ ทันทีที่เธอเข้าไป เธอก็เห็นอู่หยางแจกจ่ายกระดาษสองสามแผ่น