เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 122 ความงามที่กำลังเบ่งบานของเจียงหว่าน ทำให้เฉียวเหลียนเฉิงไม่สบายใจ
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 122 ความงามที่กำลังเบ่งบานของเจียงหว่าน ทำให้เฉียวเหลียนเฉิงไม่สบายใจ
บทที่ 122 ความงามที่กำลังเบ่งบานของเจียงหว่าน ทำให้เฉียวเหลียนเฉิงไม่สบายใจ
วันรุ่งขึ้น สะใภ้เฉินมาแต่เช้า “ที่บ้านไม่มีอะไรทำ แล้วบังเอิญลูกชายจะไปโรงเรียน ฉันก็เลยมากับเขาด้วยน่ะ”
ความจริงจังของเธอ ทำให้เจียงหว่านพอใจเป็นอย่างมาก
เธอพาสะใภ้เฉินไปที่ร้านขายเนื้อเพื่อรับของ และบอกวิธีจัดการเนื้อ รวมถึงการปรุง
เมื่อเธออธิบายขั้นตอนโดยละเอียด สะใภ้เฉินก็ตกใจมาก
“หว่านหว่าน นี่เป็นสูตรลับ เธอเอามาบอกฉันได้ยังไง!”
“โถ่ พี่คะ พี่ซื่อสัตย์เกินไปแล้ว”
เจียงหว่านยิ้มและพูดว่า “พี่จะทำงานเพื่อคนอื่นตลอดชีวิตของพี่เลยเหรอ?”
พี่สะใภ้เฉินรู้สึกประหลาดใจ
เจียงหว่านกล่าวต่อ “พี่เต็มใจที่จะออกมาทำงาน ไม่ว่าจะขาดแคลนเงินหรืออะไร อย่างน้อยฉันก็เห็นความกล้าและความมุ่งมั่นของพี่”
“ตอนนี้ผู้หญิงครองโลกมาครึ่งหนึ่ง ทำไมเราถึงมีอาชีพเป็นของตัวเองไม่ได้ล่ะ”
“ไม่มีสักวันเลยหรอ ที่พี่อยากหาเงินและเป็นนายของตัวเอง?”
สะใภ้เฉินรีบอธิบาย “แน่นอนว่าฉันก็อยากทำแบบนั้น แต่ฉันทำไม่ได้”
เจียงหว่านยิ้มและกุมมือของเธอไว้ ” เราทำได้ พี่แค่ต้องเรียนรู้ให้จริงจังและทำมันให้ดี จากนั้นเรามาทำเงินด้วยกันและรวยไปด้วยกันเถอะ”
สะใภ้เฉินมองดูเธออย่างว่างเปล่า เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสและคิ้วที่โก่งขึ้นนั้น หัวใจของเธอเหมือนถูกเปิดประตูถึงสองบานขึ้นมาในทันที
“ตกลง ฉันจะเรียนรู้จากเธอ”
พี่สะใภ้เฉินเป็นคนตงเป่ยที่มีอารมณ์ร้อน เธอทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
เจียงหว่านต้องสอนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเธอก็ทำได้อย่างคล่องแคล่ว
บางทีอาจเป็นเพราะเจียงหว่านต้องการฝึกเธออย่างจริงจัง ไม่กี่วันต่อมา เจียงหว่านจึงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเป็นแม่ค้าไปแล้ว
ด้านเฉียวเหลียนเฉิง เขาฝึกฝนอย่างหนักทุกวัน แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ
นอกจากทำอาหารแล้ว ก็ยังต้องทำรถสามล้อและเตาของเจียงหว่านด้วย
ไม่รู้ว่าเขาเอาถ่านฟืนพวกนี้มาจากไหน ตอนนี้มันมีหลายพันก้อนกองกันอยู่ที่สนามหญ้า
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหว่านค่อนข้างอารมณ์ดี เธอชวนคนขายเนื้อ อู่หยาง และคนอื่น ๆ มารวมกัน
”วันนี้ฉันอยากจะให้ทุกคนได้ลิ้มลองอาหารใหม่ของฉัน เจียนปิ่ง[1]*!”
เจียนปิ่ง?
ทุกคนดูสับสนเพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย
ว่าแล้วก็เห็นเจียงหว่านเข็นรถออกไป ถือชามแป้ง และใช้ช้อนตักแป้งเทลงบนแผ่นเหล็ก
จากนั้นก็เทแป้งเป็นวงกลมเล็ก ๆ เกลี่ยให้เรียบ ตามด้วยตอกไข่ใส่ เหยาะซอส และใส่หัวหอมสับ
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เจียนปิ่งสีน้ำตาลสวยงามก็พร้อมรับประทาน
เจียงหว่านหยิบมันขึ้นมาก่อนแล้วส่งให้คนขายเนื้อ “พี่ชาย พี่โตที่สุด ฉันให้พี่ได้ชิมก่อน”
คนขายเนื้อเหลือบมองที่อู่หยางอย่างเขินอายเล็กน้อย และอู่หยางก็พยักหน้า
“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสที่สุดกินก่อน”
จากนั้นตามด้วยอู่หยาง พี่สะใภ้เฉิน และเฉียวเหลียนเฉิง
พวกเขากัดกันไปคนละคำ และทุกคำที่กัดก็เต็มไปด้วยรสชาติของซอส
“อร่อยมาก!” สะใภ้เฉินอุทานด้วยความตกใจ
เจียงหว่านยกยิ้มมุมปาก แล้วหัวเราะเบา ๆ “ทุกคนให้คำแนะนำกับฉันได้เลย ถ้าผ่าน ฉันจะเริ่มขายอย่างเป็นทางการทันที!”
เฉียวเหลียนเฉิงถามด้วยความประหลาดใจ “คุณจะขายอันนี้เหรอ? ต้องทำไว้ล่วงหน้าแล้ววางไว้ข้าง ๆ หม้อใช่ไหม”
เจียงหว่านส่ายหัว “ไม่ ไม่ใช่ อันนี้ต้องทำขายใหม่ทีละอัน ๆ ฉันจะทอดมันฝรั่งหั่นฝอยแล้วม้วนลงไปในนั้น เราขายเนื้อด้วยนี่นา หั่นมันแล้วม้วนเข้าไปด้วยก็ได้”
“ถึงเวลา ก็ต้องดูว่าลูกค้าต้องการอะไร”
พวกเขาต่างตกใจ
“น้องสาว เธอกินอะไรเป็นอาหารถึงคิดได้แบบนี้ นี่มันอร่อยมากเลย!” คนขายเนื้อชื่นชมขณะกินไม่หยุด
พอได้ยินใบหน้าของเจียงหว่านเปลี่ยนเป็นสีแดง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอประดิษฐ์ขึ้นมาสักหน่อย เธอแค่นำมันออกมาก่อนเท่านั้นเอง
ในท้ายที่สุด ทุกคนมีมติเป็นเอกฉันท์ และจะเริ่มทำขายในวันพรุ่งนี้
……
ทุกคนกำลังพูดคุยอย่างรื่นเริง แต่เฉียวเหลียนเฉิงไม่ได้พูดอะไรมากเพราะเขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่
แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของเจียงหว่านที่กำลังพูดคุยกับอู่หยาง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
เจียงหวานที่เป็นแบบนี้ แม้แต่ต่อหน้าเขาเอง เขาก็ไม่เคยเห็น
เธอดูอ่อนโยนและงดงามราวกับดวงอาทิตย์ อบอุ่นแต่ไม่แผดเผา แถมยังทำให้รู้สึกสบายใจ
เฉียวเหลียนเฉิงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และยกยิ้มอ่อนโยน
ทว่าขณะผู้คนกำลังสนุกสนานกันทั้งในและนอกบ้าน ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงเย็นชา ด้วยความโกรธดังขึ้นที่นอกประตู
“นังอ้วนนั่นอยู่ไหน ออกมานี่เดี๋ยวนี้!”
เสียงหัวเราะหยุดลงกะทันหัน ทุกคนมองหน้ากัน
ดูเหมือนว่าเจียงหว่านจะเดาอะไรบางอย่างได้ จึงส่งสัญญาณให้ทุกคนใจเย็น เดินไปที่ประตูแล้วเอ่ยถามเสียงดัง
“ใครกันที่ตามหาฉันอยู่!”
ทันทีที่พูดจบ ประตูลานบ้านก็ถูกเตะเปิดออกด้วยเสียงดังปัง
เจียงหว่านมองไปที่ประตูลานบ้านอย่างเศร้าใจ และถามเฉียวเหลียนเฉิง
“หรือบ้านเราไม่ควรมีประตูนี้กันนะ? ถ้าไม่ คราวหน้าเราเปลี่ยนเป็นประตูเหล็กเถอะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้าให้ความร่วมมือ “อื้อ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนเป็นประตูเหล็กเท่านั้น แต่เรายังต้องตอกตะปูเหล็กเป็นแถวด้านนอกด้วย ถ้าใครกล้าเตะอีก ก็ให้ตะปูแทงเท้ามันไปเลย!”
เจียงหว่านหัวเราะ “ไม่เลว ถ้าอย่างนั้นก็ทำแบบนั้นดีกว่า”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ชายสามคนก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
ชายที่เดินนำมามีส่วนสูงราว ๆ 175 เซนติเมตร กล้ามแน่นไปทั้งตัว ดูอายุประมาณสามสิบต้น ๆ
เขาโกนศีรษะ และใบหน้าถมึงทึง สวมชุดฝึกกังฟู มีข็มขัดสีดำผูกไว้
ถัดจากเขา มีชายร่างผอมคนหนึ่ง ดูคล้ายกับเสาไม้ค้ำ สวมชุดฝึกหลวม ๆ
ส่วนข้างหลังพวกเขาคือหลิวหู
“พวกนายจะทำอะไร? บุกเข้ามาในบ้านเพื่อยั่วยุใครกัน?” เจียงหว่านถาม
หลิวหูเย้ยหยัน “แล้วยังไงล่ะ! ยัยอ้วน ฉันยอมรับว่าเอาชนะพวกแกไม่ได้ ฉันมันขี้ขลาด!”
“แต่วันนี้ฉันตั้งใจพาพี่ชายสองคนมาที่นี่ ให้มาจัดการพวกแกยังไงล่ะ!”
“ฉันเตือนไว้ก่อน ถ้าแกคุกเข่าขอร้องตอนนี้ เลียรองเท้าฉัน ให้คนของแกมาคลานอยู่ใต้หว่างขาฉัน เรียกฉันว่าพ่อ เรื่องนี้ก็จะจบ!”
“ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้แกร้องขอชีวิตแน่!”
เจียงหว่านเกือบจะหัวเราะออกมา เธอแสร้งทำเป็นโกรธและคำรามลั่น “แกจะทำแบบนี้สินะ ไม่คิดเกรงกลัวกฎหมายเลยหรือยังไง?”
คนหัวหน้าได้ยินก็หัวเราะ “กฎหมายงั้นเหรอ เหอะ! ไร้สาระ!”
“ฉัน เจ้าพ่อจ้าวเฟิง อันดับหนึ่งในทีมศิลปะการต่อสู้ของเมือง ไม่มีใครหน้าไหนในเมืองหลินเฉิงกล้ามาลองดีกับฉัน”
“เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจเห็นก็ต้องหลบ ถ้าฉันไม่พอใจ มีดในมือนี่ได้ไปอยู่ในอกพวกแกแน่ ๆ!”
“แกสองคน กล้าดียังไงจะมาแทงฉัน รนหาที่ตายชัด ๆ!”
หลังจากที่จ้าวเฟิงพูดจบ เขาก็พบว่าคนที่ตรงหน้าไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังมองเขาเหมือนเขาเป็นคนงี่เง่า
จ้าวเฟิงขมวดคิ้วและหันไปมองหลิวหู “นี่แกโง่หรือไง!”
หลิวหูยังสับสน และตะคอกหลับมา “ลูกพี่เลิกพูดไร้สาระกับพวกมันดีกว่า รีบ ๆ จัดการมันเลย”
“ยัยอ้วนนี่ที่รังแกน้องชายของพี่ ผู้ชายข้าง ๆ คือสามีของมัน เป็นทหาร ทั้งยังเป็นคนที่ทุบตีผมเมื่อครั้งที่แล้ว!”
“ส่วนที่อยู่ข้าง ๆ พวกมันก็คือคนเชือดหมู มันตาขาวไม่ต้องสนใจมันหรอก!”
[1] แพนเค้กของจีน