เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 121 ใครกล้าทำภรรยาของฉันไม่พอใจ
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 121 ใครกล้าทำภรรยาของฉันไม่พอใจ
บทที่ 121 ใครกล้าทำภรรยาของฉันไม่พอใจ?
เมื่อมาถึงด้านล่างอาคารสำนักงาน เธอพูดกับยามที่ประตูว่า
“ฉันอยากเจอเฉียวเหลียนเฉิง รบกวนคุณช่วยตามเขาให้ฉันหน่อยได้ไหม”
ทหารยามเดินเข้าไปหาใครสักคน ส่วนเจียงหว่านยืนรออยู่ที่ประตู
ในเวลานี้ มีเจ้าหน้าที่สองคนเดินมาจากถนนที่อยู่ใกล้ ๆ
หนึ่งในนั้นมีผิวสีเข้มและดวงตาเฉียบคม ทำให้ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
ชายที่อยู่ข้าง ๆ เขาพูดว่า “หลิวจวิน ครั้งนี้ใบขอเลื่อนตำแหน่งของนายถูกปฏิเสธอีกแล้วแฮะ”
หลิวจวินถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “จะมีวิธีไหนบ้างนะ ทุกวันนี้เงื่อนไขในการเลื่อนตำแหน่งเริ่มเข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่ง่ายเหมือนเมื่อสองสามปีก่อนเลย”
คนที่อยู่ข้าง ๆ พูดว่า “ใช่ ถ้ารู้แบบนี้ ฉันคงจะยื่นให้นายเมื่อไม่กี่ปีก่อนไปแล้ว แต่ตอนนั้นผลงานความดียังไม่เพียงพอ การเขียนใบคำร้องก็คงไม่ง่าย”
“แต่ว่านะ คงไม่มีใครโชคดีเท่าเฉียวเหลียนเฉิงหรอก!”
หลิวจวินตะคอกอย่างเย็นชา “เฉียวเหลียนเฉิงนี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้โอกาสบุกเข้าไปในรังศัตรูเพียงลำพังตอนนั้น”
เพื่อของเขาพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม “แต่ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน หมอนั่นก็ยังเอาชนะนายไม่ได้อยู่ดี อีกไม่กี่วัน การแข่งขันระดับเขตจะเริ่มขึ้นแล้ว คราวนี้นายต้องได้ที่หนึ่งอีกแน่!”
หลิวจวินยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง “ก็เป็นเรื่องปกติหรือเปล่า ฉันก็ไม่ได้คุยโวนะ พวกทหารจากกองทัพในเขตนี้สู้ฉันไม่ได้สักคน เฉียวเหลียนเฉิงก็เหมือนกัน”
“ถึงทักษะของหมอนั่นจะดี แต่การฝึกฝนก็อยู่ในระดับปานกลาง ไม่มีอะไรต้องกลัวอยู่แล้ว”
“ถ้าฉันเป็นคนบุกเข้าไปในรังศัตรู ฉันคงทำได้ดีกว่านี้”
ชายที่อยู่ข้าง ๆ พูดต่อว่า “ลองคิดดูสิ นายเอาชนะเฉียวเหลียนเฉิงมาสามปีติดต่อกัน ถ้าฉันเป็นเขา ฉันคงจะขายขี้หน้าแย่ เป็นอันดับสองไปอีกหมื่นปี”
หลิวจวินหัวเราะเสียงดัง “ไม่หรอกน่า กำแพงที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ ฉันรู้สึกสิ้นหวังแทนเขาเลยแฮะ”
ทั้งสองเดินจากไป ดูว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะถูกพูดถึงไปอีกสองสามครั้ง จากนั้นพวกเขาพูดอะไรอีกบ้างก็ไม่รู้
เจียงหว่านที่ยืนอยู่ตรงนั้น มีความโกรธปะทุขึ้นในใจของเธอเล็ก ๆ
ความสำเร็จของเฉียวเหลียนเฉิงได้มาจากความสามารถ ความกล้าหาญ และการทำงานหนักของเขา เป็นประจักษ์ต่อทุกคน เขาคู่ควรกับชื่อเสียงอย่างแท้จริง
ทำไมหลิวจวินถึงหัวเราะเยาะเขาแบบนี้?
เพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฉียวเหลียนเฉิงออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“หว่านหว่าน มีอะไรหรือเปล่า?” เขามีความสุขมากที่เจียงหว่านมาหา แต่รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ใจ เพราะเห็นเจียงหว่านดูไม่สบอารมณ์แบบนี้
เจียงหว่านเหลือบมองเขาด้วยสายตาน่าขนลุก และพูดอย่างเย็นชา
”ฉันมาเอาใบรับรองทะเบียนบ้าน จะเอาไปซื้อลานเล็ก ๆ แล้วย้ายไปอยู่ที่นั่น”
เฉียวเหลียนเฉิงรู้ว่าเธอต้องการซื้อบ้านหลันนั้น จึงตอบรับ “ได้ ๆ ผมจะเอามันมาให้”
“แต่เพราะเราไม่ได้หย่ากัน คุณไม่สามารถย้ายทะเบียนบ้านไปได้นะ ทำได้แค่ไปจดทะเบียนในตัวเมืองเท่านั้น”
เจียงหว่านขมวดคิ้วงุงงง
แต่เฉียวเหลียนเฉิงอธิบายต่อว่า “กองทัพมีกฎระเบียบ ถ้าผมไม่หย่าร้างหรือถูกย้าย ก็ไม่สามารถย้ายทะเบียนบ้านได้”
เจียงหว่านตะคอก “ก็ได้!”
ขณะที่เฉียวเหลียนเฉิงกำลังจะกลับเข้าไปเอา เจียงหว่านก็พูดต่อ “คืนนี้นายเอากลับมาให้ฉันดีกว่า พอดีฉันมีธุระต่อ”
เฉียวเหลียนเฉิงส่งเสียง ‘โอ้’ ออกมา แล้วก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้ จึงถามอย่างอารมณ์ดี
“จะให้ผมไปหาคุณตอนกลางคืนเหรอ?”
เจียงหว่านตะคอกใส่เขาทันที “ใช่! ทำไม หรือนายไม่อยากกลับ?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัวอย่างร้อนรน “ไม่ ๆ ผมจะไม่เต็มใจได้ยังไง ผมเต็มใจมากต่างหาก”
เจียงหว่านเชิดคางพูดอย่างเย่อหยิ่ง
“ฉันขอถามนายหน่อย ไอ้การแข่งขันระดับเขต อันดับหนึ่งปีก่อนคือคนที่ชื่อหลิวจวินใช่ไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า “ใช่ คุณรู้ได้ยังไง?”
เจียงหว่านเหลือบมองเขา “ไม่ต้องถามมาก แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เลิกงานแล้วนายก็มาหาฉัน แล้วฉันจะแนะนำเรื่องการฝึกซ้อมให้ แต่ถ้าไม่อยากได้อันดับหนึ่ง ก็ไม่ต้องมา!”
เฉียวเหลียนเฉิงถึงกับประหลาดใจ แต่เธอไม่รอให้เขาตอบอะไร หันหลังกลับและเดินจากไปทันที
เขารู้สึกสับสน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเหตุการณ์ถึงพลิกไปเป็นแบบนี้?
ใครจะไปรู้ จู่ ๆ เจียงหว่านกลับตกลงชี้แนะให้เขา คงต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากหลิวจวินแล้วแหละ
ตอนเย็น เฉียวเหลียนเฉิงกลับมาหลังจากเลิกงาน และเห็นเจียงหว่านไม่ได้ออกไปขายเนื้อ
“ทำไมคุณไม่ขายเนื้อล่ะ? วันนี้ไม่ขายเหรอ?” เฉียวเหลียนเฉิงงุนงง
เจียงหว่านโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “วันนี้มีคนเยอะมาก จนขายหมดไปแล้ว เอาล่ะ มาพูดถึงการฝึกกันดีกว่า”
“ฉันไม่รู้ศิลปะการต่อสู้อะไรทำนองนั้น และไม่รู้ว่าทักษะการต่อสู้ของนายเป็นยังไง แต่ถ้านายอยากฝึก ฉันจะให้แนวคิดดี ๆ กับนาย”
เฉียวเหลียนเฉิงตั้งตารอมันด้วยความตื่นเต้น!
เจียงหว่านนึกไปถึงฉากการต่อสู้ในนิยาย เธอจึงวาดภาพให้เขา และวางบล็อกเหล็กขนาดใหญ่สองสามอัน
”เก่งมาจากไหน ก็แพ้ความว่องไว”
“อยากชนะ ก็ต้องเร็วกว่า วิธีฝึกฝนให้เร็วขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและความว่องไวของนาย”
“นี่คือบล็อคเหล็กที่ฉันเตรียมมาเป็นพิเศษ ผูกมันไว้ที่ขากับแขน มันจะช่วยถ่วงน้ำหนักนายได้”
”ถ้าร่างกายเคยชินกับน้ำหนักนี้แล้ว เวลาที่ถอดออก นายจะเร็วขึ้นมาก”
เจียงหว่านชี้ไปที่ตรงหน้า จะบอกว่ามันเป็นป่ากระสอบทรายก็ไม่ผิด
”นี่สามารถฝึกความเร็วในการหลบหลีกของนายได้”
“นายฝึกฝนกังฟูมานานขนาดนี้ การเคลื่อนไหวของนายคงสามารถเอาชนะได้ได้ แต่มันจะมีประโยชน์มากเมื่อเอามาปรับปรุงความเร็ว และความสามารถในการโต้ตอบ”
เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกประหลาดใจ ทั้งที่เขามาหาเจียงหว่านเพื่อใช้โอกาสนี้อยู่กับเธอ
ไม่ได้คาดหวังเลยว่าเธอจะให้คำแนะนำที่ดีขนาดนี้
หลังจากฟังคำพูดของหญิงสาวแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงก็ตระหนักขึ้นมาได้ทันที
“เข้าใจแล้ว แต่พวกนี้ไม่เหมาะที่จะทำในกองทัพ ผมทำที่สวนหลังบ้านได้ไหม”
“ผมจะฝึกที่นี่ หลังจากฝึกผมก็จะไปนอนที่สวนหลังบ้าน ไม่รบกวนคุณแน่นอน”
เจียงหว่านมองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยคาดหวังของอีกฝ่าย แล้วพยักหน้า
“ตกลง อย่ารบกวนฉันล่ะ ไม่งั้นก็อย่าหาว่าฉันหยาบคาย”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบตกลงอย่างมีความสุข ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเจียงหว่านจึงยอมเห็นด้วย
วันต่อมา พี่สะใภ้เฉินมาหา
เธอเดินเข้ามาพร้อมเหงื่อโชก
เจียงหว่านต้อนรับอย่างยินดี และปล่อยให้หล่อนพักสักหน่อย จึงเริ่มทำงาน
พอรู้ว่าพี่สะใภ้เฉินมาในวันนี้ เจียงหว่านก็ทำหัวหมูเพิ่ม ทั้งสองคนก็ช่วยกันทำอย่างขะมักเขม้น
พี่สะใภ้เฉินคล่องแคล่วมาก เธอทำงานได้รวดเร็วและสะอาดหมดจด
ตอนเที่ยงทั้งสองก็ไปขายเนื้อด้วยกัน
เจียงหว่านพอใจกับการทำงานของพี่สะใภ้เฉินตลอดทั้งวัน
ในตอนเย็น สะใภ้เฉินเตรียมตัวกลับก่อนที่ประตูค่ายจะปิด และก่อนออกไปเจียงหว่านก็ให้เงินหล่อนสองหยวน
“ทำไมให้ฉันเยอะขนาดนี้ล่ะ”
“นี่ค่าจ้างของพี่สำหรับวันนี้ค่ะ แล้วพรุ่งนี้พี่จะมาอีกไหม?”
สะใภ้เฉินรับไปอย่างยินดี “มาสิ ๆ ต้องมาอยู่แล้ว ก็ให้เยอะขนาดนี้ หว่านหว่านเธอนี่เก่งจริง ๆ เลย!”
ดวงตาของหล่อนแดงก่ำและกำลังจะร้องไห้ เจียงหว่านจึงรีบโบกมือ “มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่พี่ทำต่างหาก พี่ก็ทำได้ตราบเท่าที่พี่เต็มใจ เงินเดือนสองหยวนต่อวัน ถ้าทำงานไม่ดีก็จะถูกหักเหมือนกัน”
สะใภ้เฉินพยักหน้าอย่างมีความสุข เธอพอใจมาก แม้ว่าจะไม่เคยทำงานให้ใคร แต่ก็พอจะรู้ว่าคนงานในโรงงานมีได้เงินเดือนเพียงสี่สิบสองหยวนต่อเดือนเท่านั้น
ทั้งที่พวกนี้เป็นพนักงานแนวหน้าแล้วนะ ถ้าเป็นพนักงานธรรมดา ก็จะได้แค่ประมาณยี่สิบสี่-ยี่สิบห้าหยวนต่อเดือนเท่านั้น
เธอจึงค่อนข้างพอใจกับรายได้ขนาดนี้
“หว่านหว่าน เมื่อก่อนเหล่าเฉินเป็นเสาหลักของบ้าน ฉันเองก็ไม่ได้ทำงาน หาเงินสักแดงก็ยังไม่ได้”
“ฉันรู้ว่าเหล่าเฉินเองก็ลำบากใจเวลาฉันขอเงิน มันทำให้ฉันรู้สึกผิดและเสียใจ”
“แต่ไม่เอาแล้วล่ะ ฉันจะเรียนรู้จากเธอ และเรียนรู้ที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง ต่อจากนี้ ฉันจะไม่พึ่งพาเขาอีกต่อไป!”
เจียงหว่านพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ค่ะ เราต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเอง ไม่ว่าจะมีผู้ชายหรือไม่มี เราก็สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องมีพวกเขา”
“พรุ่งนี้ฉันจะรอพี่นะ”