เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 117 การลอบโจมตีกลางดึก
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 117 การลอบโจมตีกลางดึก
บทที่ 117 การลอบโจมตีกลางดึก
เฉียวเหลียนเฉิงพูดอย่างเดือดกาล “ไม่ตอบใช่ไหม ได้! งั้นพวกแกมัดตัวเองเดี๋ยวนี้ แล้วไปที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้เลย!”
พี่หูรีบส่ายหัว “ไม่ ฉันไม่ไป!”
จากนั้นเขาชี้ไปที่ฮวาจือ “ผู้หญิงคนนั้นขอให้ฉันมาที่นี่ เธอเป็นคนรักของฉัน ฉันเห็นเธอต้องถือไข่กล่องนึงไว้ตลอดทั้งวันทั้งคืน เลยถามเธอว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่”
“เธอบอกว่าต้องฟักไข่ ถ้าไม่ทำจะถูกซ้อม พอได้ยินแบบนั้นฉันก็กังวล ก็เลย…”
เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ฮวาจือก็รีบอธิบายบ้าง “ฉัน ฉันไม่ได้บอกว่าจะมา ฉันแค่บอกว่า ฉันต้องฟักไข่ให้พี่สาวอ้วน แต่พี่หูก็ต้มไข่พวกนั้นกินหมดเลย”
“เราฟักไข่ให้ไม่ได้ตามเวลาที่เธอกำหนด เราเลยจะให้พี่หูมาคุยกับพี่อ้วนเท่านั้นเอง!”
สิ่งที่พวกเขาพูดเป็นความจริงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด จริง ๆ แล้วฮวาจือจงใจถือไข่เดินไปมาให้พี่หูเห็น เพื่อจะหลอกให้พี่หูมาหาเรื่องเจียงหว่านเท่านั้น
ส่วนไข่พวกนั้น พี่หูเอาไปต้มกินในคืนที่ฮวาจือนอนกับเขา เพราะเธอเอาไข่ไปนอนกกด้วย
ไข่หลายใบกำลังจะเป็นตัวแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ
เฉียวเหลียนเฉิงฟังสิ่งที่พวกเขาพูด เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันจำได้นะว่าภรรยาของฉันบอกว่า ถ้าไข่ไม่ฟักเป็นตัวภายในระยะเวลาที่กำหนด ก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า”
ฮวาจือใจเต้นรัว และใบหน้าก็เริ่มซีด
“พี่หูกินไข่พวกนั้นไปหมดแล้ว ฉันจะเอาอะไรมาฟักล่ะ”
เฉียวเหลียนเฉิงเลิกคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อใหม่ ราคาไข่ตอนนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น หึ ใครบอกให้คนรักของเธอกินมันล่ะ”
ฮวาจือร้องไห้อย่างน่าสงสาร “แต่มันผ่านมาเจ็ดแปดวันแล้วนะ เริ่มใหม่ตอนนี้มันจะไปทันอะไร”
เฉียวเหลียนเฉิงตะคอกกลับ “ถ้าถึงกำหนดแล้วเธอฟักมันออกมาไม่ได้ ก็ต้องยอมรับการลงโทษ มีคนช่วยเธอมากขนาดนี้ จะกลัวอะไรอีก”
ฮวาจือกัดริมฝีปาก และนิ่งเงียบไป ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้
ส่วนพี่หูสับสน หมอนี่พูดอะไรออกมา บ้าหรือเปล่า!
ไม่นานสิ่งที่พี่หูได้ยินก็ทำให้เขาแทบทรุด เพราะเขาต้องเข้าร่วมขบวนการนักฟักไข่ด้วย แค่คิดถึงภาพฮวาจือถือไข่ไปมาอยู่ทุกวัน และคิดว่าตนเองก็ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน มันก็ทำให้หัวใจของเขาแทบตกลงไปกองอยู่กับพื้น!
และที่สำคัญคือเขาทำอะไรผู้ชายตรงหน้าไม่ได้เลย!
เฉียวเหลียนเฉิงไม่สนใจว่าคนพวกนี้จะพยายามเจรจาแบบไหน เพราะถึงอย่างไร เขาก็จะไล่ทุกคนออกไปอยู่ดี
หลังจากปิดประตูลาน เฉียวเหลียนเฉิงก็มองเข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงอะไร เขาก็กลับไปเอนตัวนอนต่อ
ด้านในห้องนอน เจียงหว่านได้ยินทุกอย่างชัดเจน และรู้ว่าเฉียวเหลียนเฉิงกลับมาแล้ว หัวใจของเธอจึงสงบลง
พลันก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว ‘ผู้ชายคนนี้ก็ไม่เลวนี่ ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง’
คิดอยู่แบบนั้น แล้วเธอก็เผลอหลับไปอีกครั้ง
วันที่สองของวันหยุด เฉียวเหลียนเฉิงตื่นแต่เช้าไปที่ร้านขายเนื้อ
เมื่อเจียงหว่านตื่นขึ้นมา เฉียวเหลียนเฉิงก็กลับมาพร้อมกับกระสอบเนื้อแล้ว
“ทำไมวันนี้เอามาเยอะจังล่ะ” ปกติแค่ครึ่งถุงก็เพียงพอแล้ว วันนี้มาซะเต็มถุงเลย
เฉียวเหลียนเฉิงเหลือบมองเธอ เขาฮัมเพลงเบา ๆ วางเนื้อลงแล้วไปเผาฟืน
จากนั้นก็รีบทำซุปแป้งใส่ผัก
อาหารเช้าเสร็จแล้ว แต่เจียงหว่านยังคงทำความสะอาดหัวหมูอยู่
ก่อนที่เจียงหว่านจะพูดอะไร เฉียวเหลียนเฉิงก็คว้าหัวหมูไปจากมือของเธอแล้วยื่นซุปให้
เจียงหว่านจึงคิดได้ว่า เฉียวเหลียนเฉิงต้องโกรธเธอแน่ ๆ
แต่ความโกรธนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน
ในอดีต เฉียวเหลียนเฉิงเกลียดเจียงหว่าน และเย็นชาต่อเธออยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม เขากลับจัดเตรียมทุก ๆ อย่างได้อย่างดี แต่เขาไม่พูดกับเธอ
ไม่ว่าเจียงหว่านจะคุยด้วย เขาก็จะเพิกเฉย และมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
แต่ตอนนี้ต่างออกไป เจียงหว่านรู้ว่าเฉียวเหลียนเฉิงกำลังงอน ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังแอบมองเธออยู่เช่นกัน
เขาทำเหมือนมองแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่จริง ๆ แล้วตั้งใจมองมาก
เจียงหว่านรับชามมา กินอาหารไปสองสามคำ แล้วถามเขาว่า
“นายไม่กินข้าวเช้าเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบ ไม่ยอมตอบอะไร
เจียงหว่านจึงเอาชามมาวางตรงหน้าเขา “กินข้าวก่อน แล้วค่อยไปจัดการที่เหลือทีหลัง”
เฉียวเหลียนเฉิงเงยหน้าขึ้นมองเธอ จากนั้นก็หยิบชามซุปมากิน
แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกไปเหมือนเดิม
หลังกินอาหารเช้าแล้ว เจียงหว่านกำลังจะลุกขึ้นหยิบชามไปล้าง แต่เฉียวเหลียนเฉิงก็ตัดหน้าไปเสียก่อน
เจียงหว่านเห็นอย่างนั้นก็ไม่อยากใส่ใจเขาเช่นกัน เธอเลยไปทำความสะอาดหัวหมูต่อ
เช้านี้ทั้งสองได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างร่วมกัน แต่ถึงจะพูดแบบนั้น จริง ๆ ก็เป็นเฉียวเหลียนเฉิงมากกว่าที่ทำทั้งหมด
ตอนเจียงหว่านร้อนจนเหงื่อไหล เฉียวเหลียนเฉิงก็ยื่นผ้าเช็ดตัวที่ซักแล้วให้
ตอนเจียงหว่านกระหายน้ำ เฉียวเหลียนเฉิงก็นำน้ำมาให้เธอ
เขาเอาใจใส่เธอตลอดเวลา แต่กลับไม่แม้แต่จะมองเธอเลย
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เจียงหว่านอึดอัด
หลังจากที่เคี่ยวเนื้อทั้งหมดในหม้อ เธอก็หันไปมองเฉียวเหลียนเฉิง
“ทำไมวันนี้นายทำอะไรตั้งมากมายขนาดนี้”
เฉียวเหลียนเฉิงเหลือบมองเธอ แต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรเหมือนเดิม
จนเจียงหว่านหงุดหงิด “เป็นอะไรฮะ นายจะทำสงครามเย็นกับฉันเหรอ? ถ้าไม่พูดอะไรก็ออกไปจากที่นี่ซะ”
พอโดนโมโหใส่เฉียวเหลียนเฉิงถึงได้ยอมเปิดปากตอบ “พี่ชายขายเนื้อบอกว่าวันนี้เขาฆ่าหมูสองตัว และวันนี้ผมก็ว่าง เลยว่าจะช่วยคุณ”
“อีกอย่าง ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นบ้างแล้ว ตอนกลางคืนอากาศก็กำลังพอดี ถ้าทำทีละเยอะ ๆ พรุ่งนี้คุณจะได้นอนพักผ่อนอีกหน่อย ไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้า”
คิ้วของเจียงหว่านขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจ แล้วก็คิดได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ทำไมเสียงนายฟังดูอู้อี้ ๆ? เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เฉียวเหลียนเฉิงทำหน้าเศ้รา “ไม่มีอะไร ผมแค่ปวดฟัน”
เจียงหว่านเดินเข้ามาใกล้ และขอให้เขาอ้าปาก พอดูแล้วก็เห็นว่าเหงือกข้างในบวม
“นายไม่พูดเพราะนายปวดฟันเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า ก่อนจะส่ายหัวแรง ๆ “ผมมันโง่ ถ้าผมทำอะไรผิดไป คุณก็จะโกรธ”
“ผมไม่รู้ว่าจะทำให้ผู้หญิงพอใจยังไง ผมรู้แค่วิธีดูแลคุณ”
เจียงหว่านรู้สึกสะเทือนใจ เธอมองเขาอย่างหวั่นไหว จากนั้นก็หันหลังกลับ แล้วเดินเข้าไปในบ้านเพื่อนำยาแก้อักเสบมาให้เขากิน
เฉียวเหลียนเฉิงรับยามา และกลืนลงไปโดยไม่มองเธอเลย
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่โกรธนิดหน่อยเท่านั้นเอง ทุกครั้งก็โกรธแบบนี้ตลอดนี่”
เมื่อเห็นสิ่งที่เขาทำ เจียงหว่านก็อดไม่ได้ที่จะพูดติดตลก “นายกินมันโดยไม่ได้มองเลยนะ นายไม่กลัวว่าฉันจะให้ยาพิษนายกินเหรอ”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบอย่างหนักแน่น “คุณไม่ทำหรอก”
จากนั้นเขาก็ทำงานต่อ
วันนี้เขาว่าง และไม่รู้ว่าไปได้กองฟืนมาจากที่ไหน จึงใช้เวลาทั้งเช้านี้เพื่อสับฟืน แล้วตอนเที่ยงก็ไปขายเนื้อด้วยกันกับเจียงหว่าน
เขาไม่ได้พูดหรือตะโกน ทำหน้าที่แค่เก็บเงิน
เจียงหว่านรู้สึกอบอุ่นใจ เมื่อได้เห็นการกระทำที่แข็งทื่อแต่คล่องแคล่วของเฉียวเหลียนเฉิง
พอเธอตระหนักบางอย่างได้ก็รีบส่ายหัว พลางคิดในใจ ‘ไม่ได้ ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันจะถูกขโมยหัวใจไปแน่ ๆ’
จะต้องคิดหาวิธีทำให้เฉียวเหลียนเฉิงยอมแพ้!
ในเวลาเดียวกัน ณ อีกฟากของเมือง
ฮวาจือยืนอยู่หน้าพี่หู เธอก้มศีรษะลง จับมุมเสื้อของเขา แล้วร้องไห้
“พี่หู ฉันขอโทษที่ทำให้พี่เดือดร้อนไปด้วย”
หลิวหูส่ายหัว “พูดอะไรน่ะ? มันเป็นเพราะฉันไม่เก่งพอต่างหาก”
ฮวาจือกัดริมฝีปาก แล้วกระซิบ “ฉันควรทำยังไงกับไข่ใบนี้ดีล่ะ?”
หลิวหูรู้สึกหดหู่ใจ ไม่ใช่ว่าเขาฟักไข่ไม่ได้ แต่แม้ว่าเขาจะทำได้ มันก็ควรจะเป็นงานของผู้หญิงนี่
ถ้าหลิวหูฟักลูกเจี๊ยบออกมา แล้วคนอื่นมารู้เข้า เขาต้องเสียหน้ามากแน่
“ซื้อแบบเป็นตัวไม่ได้เหรอ?”