เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 113 เจียงหว่านขุดหลุมฝังพวกเขาสำเร็จ
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 113 เจียงหว่านขุดหลุมฝังพวกเขาสำเร็จ
บทที่ 113 เจียงหว่านขุดหลุมฝังพวกเขาสำเร็จ
เจียงเสวี่ยยิ้มค้าง
ส่วนถังซิ่วอวิ๋นยังพูดอย่างเย็นชา “ฉันต้องการให้เธอแต่งงานกับผู้ชายที่ฉันเลือกให้ แล้วจากนี้ไปเธอก็ต้องฟังฉัน และควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้”
“แม้จะเป็นทหารไม่ได้ แต่เธอยังทำมาค้าขายได้ จากนี้ไปแค่มาทำงานกับฉันก็พอแล้ว”
เจียงเสวี่ยหน้าแดงก่ำ “ไม่ ฉันไม่ทำ ฉันจะไม่แต่งงานกับคนอื่น…”
ถังซิ่วอวิ๋นตะคอกลั่น “งั้นเธอจะแต่งงานกับเฉียวเหลียนเฉิงหรือไง? เธอดูสิว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น เขาจะยังต้องการเธออยู่เหรอ?!”
“อย่าประมาทเจียงหว่าน ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีดีกว่าเธอแค่อย่างสองอย่างหรอกนะ”
”เธออาจจะไม่อยากฟังนัก แต่ขอบอกไว้เลย ถ้าเทียบกับเจียงหว่านแล้ว เธอเทียบไม่ติดเลยแม้แต่น้อย!”
เจียงเสวี่ยนิ่งอึ้ง ราวกับถูกฟ้าผ่า
ประโยคนี้ทำเธอเจ็บปวดยิ่งกว่าการถูกตบหน้าหลาย ๆ ครั้งเสียอีก
ราวกับโดนแช่แข็งอยู่กับที่ และโดนดูดวิญญาณออกไป
เมื่อเห็นแบบนี้ ถังซิ่วอวิ๋นก็พูดต่อ “นี่ไม่ใช่การขู่ แต่ถ้าเธอไม่ทำ ประวัติอาชญากรรมของเธอก็จะยังอยู่แบบนั้น”
“เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้พ่อเธอหรือฉันจะพยายามให้เธอเข้าทำงาน แต่แฟ้มประวัติของเธอก็สกปรกอยู่ดี!”
“แล้วตอนนั้น เธอคิดว่าจะมีคนในแวดวงไหนที่จะต้องการเธออยู่ไหม?”
“คิดดูให้ดี ๆ ซะ!”
ใช่ ถังซิ่วอวิ๋นมาที่นี่เพื่อพาเจียงเสวี่ยกลับ แต่ที่เธออยากพาเจียงเสวี่ยกลับ ก็เพื่อการคลุมถุงชน!
แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยปิดบังความคิดของตัวเอง และก็ไม่ได้คาดหวังให้แม่เลี้ยงอย่างเธอดูคนดีในสายตาใคร
ตราบเท่าที่มีผลประโยชน์เพียงพอ เธอก็จะทำทุกอย่าง
เดิมทีเธอคิดว่าเรื่องนี้คงเป็นปัญหาใหญ่ แต่อยู่ ๆ เจียงหว่านก็ช่วยเธอไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ
เยี่ยมจริง ๆ!
อีกด้าน เจียงหว่านออกมาพร้อมกับผิงอัน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเฉียวเหลียนเฉิงกับเจียงเฉิงที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” เฉียวเหลียนเฉิงถามอย่างประหลาดใจ
เจียงหว่านขมวดคิ้ว และมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ฉันควรจะถามนายมากกว่า นายไม่ได้ทำงานเหรอ แล้วมาทำอะไรที่นี่?”
เฉียวเหลียนเฉิงกำลังจะตอบ แต่เจียงเฉิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบโพล่งออกมาเสียก่อน
“อ้อ! หัวหน้าเฉียวบอกว่าปวดหลังนิดหน่อย ผมกำลังกลับพอดี เลยพาหมอนี่มาพักผ่อนด้วย เขาน่าจะเป็นหวัดเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอน่ะ”
เฉียวเหลียนเฉิงพึมพำกับตัวเอง ‘ฉันปวดหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย?’
แต่เจียงเฉิงหันมาขยิบตาให้เขา หลังจากขยิบตาอยู่นาน เฉียวเหลียนเฉิงก็เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายจะสื่อ
เขาจึงรีบพูดเสริม “อา! ใช่! ผมคงเป็นหวัดเพราะนอนไม่ค่อยหลับ แถมปวดหลังด้วย เลยว่าจะกลับมานอนสักพัก”
“นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ผมว่าจะไปงีบสักหน่อยแล้วค่อยกลับไปทำงานน่ะ”
เจียงหว่านพูดออกมาเสียงดัง “นอนไม่หลับ ปวดหลัง?”
“ฉันจำได้ว่าบ้านพักของท่านหัวหน้ากองพันอยู่ทางขวาแต่นี่มันด้านซ้าย แถมห่างกันประมาณสิบเมตรได้เลยนะ”
“หรือว่านายจะมานอนที่บ้านตระกูลเจียง?”
“นี่เฉียวเหลียนเฉิง ถึงฉันจะตกลงเรื่องหย่าร้าง แต่ขั้นตอนมันก็ยังไม่เสร็จสิ้น นายจะไปนอนบ้านตระกูลเจียงตอนนี้ไม่รีบเกินไปหน่อยเหรอ”
เฉียวเหลียนเฉิงหน้าเปลี่ยนสี เขาหันไปมองเจียงเฉิงอย่างไม่พอใจ และถลึงตามอง
‘ดูสิ่งที่นายทำสิ!’
เจียงเฉิงรีบแก้ไขสภานการณ์ “ไม่ใช่นะเจียงหว่าน เจียงเสวี่ยกำลังจะกลับแล้ว”
“น้องสาวของผมกำลังจะไปจากที่นี่ ผมแค่อยากให้เขามาบอกลาเธอ”
เจียงหว่านเลิกคิ้วฉงน และถอนหายใจออกมา
“อ๋อ กล่าวลานี่เอง!”
เธอยิ้มเย็นพลางลากเสียงยาว แล้วพยักหน้าช้า ๆ
“ได้ ไปบอกลาเลย! ฉันจะไม่รบกวนเวลาอันมีค่าของนายแล้ว!”
พูดจบเธอก็พาผิงอันเดินจากไป!
เฉียวเหลียนเฉิงตัวแข็งทื่อ มองดูแผ่นหลังของเจียงหว่านแล้วอ้าปากพะงาบเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดไม่ออก
เจียงหว่านปล่อยให้เขาไปบอกลาเจียงเสวี่ยแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติล่ะ!
ชายหนุ่มเกาหัวแกรก ๆ และมองเจียงเฉิงด้วยความหงุดหงิด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
เจียงเฉิงผู้มีความฉลาดทางอารมณ์มากกว่า เขาเข้าใจว่าเจียงหว่านหมายความว่ายังไง
เพียงแต่เขาไม่กล้าพูดออกมา
“เอ่อ…ก็นั่นล่ะ เธอบอกให้นายไปบอกลา ไปเถอะ ๆ”
จากนั้นเขาก็ดึงเฉียวเหลียนเฉิงให้ตามไปโดยไม่อธิบายใด ๆ
เฉียวเหลียนเฉิงถูกเจียงเฉิงลากให้ตามมาก็จริง
แต่เขาไม่ได้จะไปบอกลาเจียงเสวี่ย!
เป็นเพราะเรื่องหลี่ซิ่วหลันที่จะมาเจรจาที่นี่ต่างหาก เจียงเฉิงจึงต้องการให้เฉียวเหลียนเฉิงช่วยพูดกับเธอให้สักหน่อย
เฉียวเหลียนเฉิงมีบทบาทสำคัญมากในหมู่ภรรยาทหาร โดยเฉพาะหลี่ซิ่วหลัน ผู้หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่หัวหน้ากองพันเฉียวต้องการ
ตอนที่เจียงหว่านถาม เดิมทีเฉียวเหลียนเฉิงก็ต้องการจะบอกไปตรง ๆ ไม่คิดว่าจะปิดบังเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเจียงเฉิงขัดขึ้นมา
ส่วนเจียงเฉิง ก่อนหน้านี้เขาถามเฉียวเหลียนเฉิงว่าตอนนี้เขากับภรรยาเป็นยังไงบ้าง และเฉียวเหลียนเฉิงก็ตอบอย่างหดหู่
“เมียฉันยังไม่ยกโทษให้ ตอนนี้ฉันยังต้องนอนบนพื้นอยู่เลย!”
เพราะแบบนั้นพอได้เจอเจียงหว่าน เจียงเฉิงจึงจงใจพูดว่าเฉียวเหลียนเฉิงปวดหลังและเป็นหวัด
เขาเพียงต้องการเรียกคะแนนสงสารให้เพื่อน เผื่อจะได้มีโอกาสปีนขึ้นไปนอนบนเตียงบ้างก็เท่านั้น
เฉียวเหลียนเฉิงที่สับสนในตอนแรก ไม่นานก็เข้าใจสิ่งที่สหายทำ
เขาจึงยอมไหลไปตามแผน!
จะว่าก็ว่า ในเมื่อมีภรรยาทั้งที ใครจะมีความสุขที่ได้ลงไปนอนบนพื้นทั้ง ๆ ที่มีเตียงกันล่ะ
เมื่อก่อนตอนเจียงหว่านสนใจเขา เขาเลือกนอนบนพื้น เพราะไม่อยากอยู่ใกล้เจียงหว่าน แต่ตอนนี้ที่เขาอยากจะปีนขึ้นไปนอนบนเตียง เจียงหว่านดันไม่ได้สนใจเขานี่สิ
ชายหนุ่มทั้งสองไม่คิดว่าความคิดของผู้หญิงจะซับซ้อนและเข้าใจยากขนาดนี้
แม้การเป็นหวัดและอาการปวดหลังจะเป็นประเด็นหลัก แต่เจียงหว่านกลับตีความไปผิดประเด็น และตอนนี้พวกเขาก็โดนเธอขุดหลุมฝังแล้ว
ส่วนเจียงเฉิงที่เข้าใจไม่กล้าพูดออกไปตรง ๆ เพราะกลัวว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะโกรธ และไม่ช่วยตน!
ที่บ้านมีหมูตุ๋นอยู่หม้อใหญ่ เจียงหว่านที่มาลานบ้านพักทหารพร้อมกับผิงอันจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยู่ต่อ
ก่อนจะไป เธอยังแวะไปหาสะใภ้เฉินด้วย
สะใภ้เฉินเห็นเจียงหว่านกลับมาก็เอ่ยถามถึงกิจการของเธอ
“เธอขายได้วันล่ะเท่าไหร่เหรอ!” หล่อนถามอย่างเกรงใจ
เจียงหว่านก็ตอบอย่างไม่ปิดบัง “ประมาณสิบหยวนค่ะ เฮ้อ เงินนี่หาได้ยากลำบากจริง ๆ!”
สะใภ้เฉินดวงตาเป็นประกาย เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายหาเงินได้สิบหยวน
“โอ้โห! ทำไมได้เยอะจังล่ะ!”
หลังจากพูดคุยกันสักพัก เจียงหว่านก็จากไป
สะใภ้เฉินเฝ้ามองประตูเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่ารู้สึกลังเลใจ หรือกำลังคิดใคร่ครวญอะไรอยู่
และทันทีที่เจียงหว่านจากไป คนของหลี่ซิ่วหลันก็มาถึง
ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงบ่าย ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มเจรจากัน
การเจรจากินเวลาถึงสามชั่วโมง ในที่สุดก็บรรลุข้อตกลงกันได้
และสิ่งที่ทำให้เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกประทับใจ คือ การที่มันเป็นอย่างที่เจียงหว่านพูดจริง ๆ
ตระกูลเจียงเสนอจะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของหลี่ซิ่วหลัน รวมทั้งช่วยหางานให้เธอที่โรงงานผลิตกล่องกระดาษ
ถังซิ่วอวิ๋นกล่าว “เธอทำอะไรนอกจากนี้ไม่ได้แล้ว ต่อให้ฉันส่งเธอไปโรงงานอื่น ก็ไม่มีที่ไหนยอมรับนักหรอก”
“แล้วอีกอย่าง ถ้าไปอยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ ที่มีร่างกายสมบูรณ์ ในขณะที่เธอพิการแบบนี้ พวกเขาก็จะดูถูกเธอ”
“ไม่มีอะไรดีไปกว่าโรงงานกล่องกระดาษแล้วล่ะ คนที่นั่นล้วนแล้วแต่พิการกันหมด ไม่มีใครดูถูกใครทั้งนั้น”
“การพับกล่องกระดาษจะได้รับหนึ่งสตางค์ต่อหนึ่งกล่อง หากเธอทำได้ไว เธอก็สร้างรายได้ห้าสิบหรือหกสิบหยวนต่อเดือนได้เลย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจียงเสวี่ย เจียงเฉิง และเฉียวเหลียนเฉิง ก็จ้องมองไปที่ถังซิ่วอวิ๋น
ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถในการโน้มน้าวคนอื่นจริง ๆ
เดือนละห้าสิบหกสิบ ถ้าพูดแบบนี้ก็ตีไปเป็นห้าสิบได้เลย
เธอต้องพับกล่องกระดาษห้าพันกล่อง ถึงจะมีรายได้ห้าสิบหยวน ในหนึ่งเดือนต้องทำงานยี่สิบห้าวัน เท่ากับว่าคุณต้องทำให้ได้สองร้อยกล่องในหนึ่งวัน
ต่อให้เร็วแค่ไหน ต่อให้ใช้ทั้งมือและเท้าทำก็ยังไม่พอเลย!
ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก พวกเขาทั้งสามเข้าใจเรื่องนี้ แต่หลี่ซิวหลันคงไม่เข้าใจ
หญิงสาวสองคนและแม่ ทั้งสามคนล้วนไม่ได้มีการศึกษาอะไร ลำพังแค่พวกเขาเขียนชื่อของตัวเองได้ก็ดีแล้ว
อย่างเรื่องคิดคำนวณเลข สมองของพวกเธอก็ไม่ได้ไวขนาดนั้น
พอพวกเธอได้ยินคำว่าห้าสิบหรือหกสิบก็ตอบตกลงไปโดยไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด
จากนั้นหัวข้อของการเจรจาก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องการแต่งงาน!