เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 112 แม่เลี้ยงถังซิ่วอวิ๋นแยกเขี้ยว
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 112 แม่เลี้ยงถังซิ่วอวิ๋นแยกเขี้ยว
บทที่ 112 แม่เลี้ยงถังซิ่วอวิ๋นแยกเขี้ยว
ผิงอันตัวสั่นเทา ดวงตาของเขาที่แดงก่ำด้วยความโศกเศร้า
“น้าเจียงเสวี่ย ผม ผมไม่ได้ตั้งใจดูถูกน้า ผมไม่ได้…”
เด็กชายร้อนรน และเมื่อยิ่งร้อนรนมากก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก จนน้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตาแดงก่ำ
เจียงหว่านทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เธอเดินเข้ามาแล้วดึงผิงอันมากอดเขาไว้ในอ้อมแขน
“เจียงเสวี่ย พอได้แล้ว จะเอาอะไรกับเด็กคนหนึ่งล่ะ!”
“ผิงอันพยายามวาดรูปให้เธอมาทั้งวัน ถ้าไม่อยากได้ก็ลืม ๆ มันไปซะ ทำไมต้องมาทำร้ายจิตใจเขาแบบนี้!”
เจียงเสวี่ยจ้องไปที่เจียงหว่านด้วยความโกรธ “หุบปาก! ฉันดุผิงอันที่ทำเรื่องไร้สาระ อย่างเธอเพิ่งมาเป็นแม่เลี้ยงเขาได้ไม่เท่าไหร่ อย่ามาทำตัวอย่างกับเป็นแม่แท้ ๆ หน่อยเลย!”
“ฉันจะบอกให้นะ แม่เลี้ยงก็ยังเป็นแม่เลี้ยงอยู่วันยังค่ำ เธอไม่มีวันเอาชนะใจเขาได้หรอก”
จากคำพูดขาดสติของเจียงเสวี่ย ทำให้ทั้งเจียงหว่านกับถังซิ่วอวิ๋นมองข้ามไปไม่ได้
ด้านเจียงหว่านยังไม่เท่าไหร่ แต่ถังซิ่วอวิ๋นพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง
เธอกลอกตาอย่างผิดหวัง และรีบปรับสีหน้าให้กลับไปเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พลางเดินไปมองรูปภาพบนกระดาษ
“ผม ผม ฮือ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผม ผมไม่ได้…!” ผิงอันกลั้นไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เขาร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
นั่นทำให้เจียงหว่านยิ่งโกรธ เธอเข้าไปคว้าเจียงเสวี่ยแล้วตบหน้าหล่อนอย่างแรง
“ผิงอัน ไม่ต้องร้องไห้นะ วันนี้น้าอ้วนของเธอจะสอนบทเรียนอะไรให้อย่างนึงนะ ถ้าใครมาทำให้เธอไม่สบายใจ เธอก็ทำให้เขาไม่สบายใจได้ด้วยเหมือนกัน”
“ถ้าใครมาขว้างหัวใจเธอลงกับพื้น เธอก็โยนมันลงกับพื้นแล้วเหยียบย่ำลงไปแรง ๆ ได้เหมือนกัน”
“วางไว้ที่ใต้เท้าแล้วขยี้ลงไป!”
เธอพูดพร้อมกระชากเจียงเสวี่ยออกจากรถเข็น กดตัวหล่อนลงไปที่พื้นแล้วยกเท้าใหญ่ ๆ ขึ้นเหยียบ
ถังซิ่วอวิ๋นเองก็ไม่อยากจะสนใจนัก แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงเสวี่ยก็เป็นคนในครอบครัว หากเห็นเจียงเสวี่ยถูกทุบตีและยังเพิกเฉยไป เธอก็คงเป็นได้แค่แม่มดใจดำ
ดังนั้นเธอจึงรีบเข้าไปแยกเจียงหว่านออก
เมื่อเจียงหว่านเห็นว่าถังซิ่วอวิ๋นดึงเธอออก เธอก็รีบพูดว่า
“คุณไม่ได้ยินสิ่งที่ยัยนี่พูดเหรอ ยังไงคุณก็เป็นแม่เลี้ยงเหมือนกัน ไม่ว่าจะปกป้องแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วยัยนี่ก็จะปฏิบัติกับคุณเหมือนแม่มดเฒ่าคนนึง!”
ถังซิ่วอวิ๋นนิ่งไป
ในเมื่อเป็นถึงขนาดนี้ก็ยากที่จะห้ามปรามแล้วใช่ไหม?
ผู้หญิงตรงหน้าร้ายกาจมาก เพียงเผชิญหน้าด้วยไม่นาน เจียงเสวี่ยก็สูญเสียความสง่างามไป และเริ่มพูดจาไม่ไว้หน้าใคร
แม้แต่เธอเองก็อดไม่ได้ที่จะอยากสบถคำด่าออกมา
ถังซิ่วอวิ๋นสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามรักษาท่าทีสง่าสงบไว้ แล้วพูดว่า
“มีอะไรก็พูดกันดี ๆ ช่วงนี้อารมณ์ของเจียงเสวี่ยค่อนข้างขึ้น ๆ ลง ๆ หงุดหงิดง่ายน่ะ”
“เธออย่าลืมสิ เด็กคนนี้ทรยศลูกสาวฉัน เจียงเสวี่ยเคยดูแลผิงอันเหมือนเป็นลูกชาย การทรยศของผิงอันทำให้เจียงเสวี่ยเสียใจมาก”
เจียงหว่านแค่นหัวเราะ “ไม่เอาน่า คุณกำลังทำตัวเองให้มีความชอบธรรมอยู่งั้นเหรอ?”
“คุณบอกว่าเจียงเสวี่ยดูแลผิงอันเหมือนป็นลูกชายแท้ ๆ ฉันล่ะอยากจะถามจริง ๆ ว่ามีแม่คนไหนที่จะใช้ลูกชายของตัวเองมาเป็นเครื่องมือในการทำความผิด!”
“มีแม่ที่ไหนจะเกลี้ยกล่อมลูกชายตัวเองให้หลอกล่อคนมาฆ่ากัน?”
ถังซิ่วอวิ๋นนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะก่นด่าเจียงเสวี่ยในใจ แต่ท่าทีที่แสดงออกมายังคงเรียบเฉย
เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน ราวกับไม่ได้สนใจคำพูดของเจียงหว่านเลย
เจียงหว่านพูดต่อ “ผิงอันโทษตัวเองมาตลอด แต่เขาก็ยังอยากมาที่นี่ เพราะอะไรน่ะเหรอ?”
“เป็นเพราะเด็กคนนี้มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และไม่ต้องการให้เจียงเสวี่ยทำผิดอีกต่อไปไง!”
“เด็กอายุไม่กี่ขวบยังรู้ผิดรู้ถูก แต่คนที่อายุเท่าเธอกลับไม่รู้อะไรเลย น่าขำจริง ๆ!”
ถังซิ่วอวิ๋นมุมปากกระตุก ไม่สามารถรักษาท่าทีได้อีกต่อไป
ส่วนเจียงหว่านไม่ยอมจบง่าย ๆ เธอพูดต่อ
“แล้วอีกอย่าง ผิงอันยังพยายามมาทั้งวันทั้งคืนเพื่อเตรียมของขวัญให้เธอ วาดภาพทิ้งไปหลายแผ่น แล้วเลือกชิ้นที่ดีที่สุดมาให้เธอ!”
“แต่เธอก็ยังฉีกภาพวาดที่เด็กคนนี้วาดอย่างยากลำบากทิ้ง มันก็เหมือนกับเธอทิ้งหัวใจของเขาลงกับพื้น และเหยียบย่ำนั่นแหละ”
“ในเมื่อเธอเหยียบย่ำหัวใจของผิงอัน ฉันก็ขอเหยียบย่ำเธอบ้างไม่ได้เหรอ?”
ด้านหลังถังซิ่วอวิ๋น เจียงเสวี่ยพยายามคลานขึ้นมาและลูบหัวตัวเอง เธอแผดเสียงลั่น
“เหลวไหล! เขาวาดภาพให้ฉันเหรอ นี่มันดูถูกฉันชัด ๆ เอาฉันไปเปรียบเทียบกับลูกเจี๊ยบแบบนี้!”
“เขาว่าฉันเป็นลูกเจี๊ยบนะ!”
เจียงหว่านแค่นหัวเราะ “เธอต้องป่วยแน่ ๆ ฉันคิดว่ามีบางอย่างในสมองของเธอที่ผิดปกตินะ”
“เธอบอกว่าเด็กอายุไม่กี่ขวบดูถูกเธอเหรอ”
“เขาจะเข้าใจไหมล่ะ?”
“ผิงอัน บอกพวกเราหน่อยสิว่าลูกเจี๊ยบทำอะไรได้บ้าง?”
เจียงหว่านถามโดยไม่หันไปมอง
ผิงอันหยุดร้องไห้ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วพูดเสียงแผ่ว “ลูกเจี๊ยบจะโตเป็นแม่ไก่ สามารถวางไข่ได้ และยังเอามาปรุงเป็นอาหารได้อีกด้วย”
เด็กชายหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ซุปไก่ยังมีประโยชน์มาก ๆ ผมได้ยินมาว่ามันช่วยบำรุงน้ำนมแม่ได้”
เจียงหว่านแค่นเสียงและพูดว่า “เข้าใจหรือยัง? ในสายตาของเด็ก ลูกเจี๊ยบเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดีมาก แล้วลูกเจี๊ยบตัวเล็ก ๆ นี่ก็ควรได้รับการปกป้อง เพราะมันมีค่ามาก”
“เขาถือว่าเธอเป็นสมบัติอันล้ำค่า นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาอยากเก็บลูกเจี๊ยบไว้และดูแลมันอย่างดี เหมือนที่เธอดูแลเขามา!”
“แต่เธอดันดูถูกความคิดของเด็กที่เลี้ยงมากับมือ!”
เจียงเสวี่ยตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ส่วนเจียงหว่านดึงผิงอันมายืนข้างหน้าเจียงเสวี่ย
”เปิดตาให้กว้าง ๆ และมองให้ดี ๆ มองดูสิว่าดวงตาคู่นี้ มีความดูถูกดูแคลนอะไรเธออยู่ไหม”
“ดวงตาที่ไร้เดียงสาแบบนี้ เธอโยงเขาเข้ากับความคิดสกปรกพวกนั้นได้ยังไง!”
เจียงหว่านปิดท้ายด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ดูเหมือนว่าจะจริงสินะ ที่ว่าพอจิตใจสกปรก มองอะไรก็จะเห็นว่าสกปรกไปหมด!”
พูดจบ เจียงหว่านก็ถ่มน้ำลายใส่เจียงเสวี่ย “เหอะ! น่าขยะแขยง!”
”ผิงอัน ไปกันเถอะ!”
เจียงหว่านจับมือของผิงอันแล้วพาเดินจากไป
หลังจากทั้งสองจากไป เจียงเสวี่ยก็ยังคงตัวแข็งทื่อ ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดง
ถังซิ่วอวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา แล้วดึงเก้าอี้มานั่งลงอย่างเงียบ ๆ
เจียงเสวี่ยยังคงนั่งอยู่บนพื้น เมื่อไม่มีใครสนใจ เธอก็ทำได้เพียงลุกขึ้นด้วยตัวเอง
ขาของเธอดีขึ้นมากแล้ว การใช้รถเข็นติดเป็นนิสัยจากความขี้เกียจเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าเธอนั่งลงเรียบร้อย ถังซิวอวิ๋นก็กล่าวว่า
“ฉันผิดหวังในตัวเธอมาก”
เจียงเสวี่ยสะดุ้ง เงยหน้าขึ้น จ้องมองอย่างไม่พอใจ “คุณพูดได้ยังไงว่าคุณผิดหวัง คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร!”
ถังซิ่วอวิ๋นหัวเราะเยาะ “ใช่ เธอพูดถูก ฉันก็เป็นแค่แม่เลี้ยงของเธอ ไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะไปสั่งสอนเธอได้หรอก”
“แต่ว่าพฤติกรรมของเธอมันแย่เกินเยียวยา เธอไม่มีดีอะไรเลยด้วยซ้ำ รู้ไหมว่าแบบนี้เรียกว่าอะไร”
“เรียกว่าโง่!”
“แม้ว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้จะดูโง่กว่า แต่จริง ๆ แล้วเธอคนนั้นฉลาดมาก เธอรู้วิธีรับมือสิ่งต่าง ๆ ได้ดี”
“การกระทำของเธอในวันนี้ เธอผลักผิงอันไปให้คนอื่นแล้ว ความผูกพันที่เธอสั่งสมมาตลอดสองปีหายไปในเวลาเพียงไม่กี่นาที!”
”คนแบบเธอนับว่าโชคดีแล้วที่ได้เป็นคนในครอบครัวนี้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะถูกกลืนกินไปจนไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก!”
เจียงเสวี่ยโกรธมากจนตัวสั่นเทา แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ได้ยินได้
ถังซิ่วอวิ๋นดูเหมือนจะหมดความอดทน เธอพูดต่ออย่างเฉยเมย “ฉันจะให้โอกาสเธอ ฉันจะช่วยเธอจัดการเรื่องนี้ ช่วยกำจัดความวุ่นวายของหลี่ซิ่วหลัน และจะช่วยลบประวัติอาชญากรรมทั้งหมด!”
เจียงเสวี่ยตกตะลึง และก่อนที่ความสุขในดวงตาจะหายไป ถังซิ่วอวิ๋นก็พูดต่อ
“แต่ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”