เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 110 ลูกเจี๊ยบที่รอดชีวิต
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 110 ลูกเจี๊ยบที่รอดชีวิต
บทที่ 110 ลูกเจี๊ยบที่รอดชีวิต
“ยิ้มอะไรน่ะผิงอัน?” เจียงหว่านถาม
ผิงอันหยิบภาพวาดขึ้นมาแล้วยกให้เจียงหว่านดู
ในภาพมีเตียงธรรมดา ๆ กับคนสองคนที่นั่งหัวชนกันอยู่บนเตียง แม้จะไม่เห็นใบหน้าคนชัดเจน แต่ก็เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศอันอบอุ่น
เจียงหว่านถึงกับหัวเราะออกมา “เธอวาดภาพเก่งนี่ สวยเลยทีเดียว แต่คราวหน้าอย่าเอาพวกเราไปเป็นต้นแบบสิ”
ผิงอันก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด เฉียวเหลียนเฉิงหันมองด้วยความสงสัย และเห็นว่าความยินดีในแววตาของเด็กชายจางหายไป
“ลูกอยากจะวาดอะไรก็วาดไปเถอะ อย่าลืมทำการบ้านก็พอ”
พอผิงอันได้ยินว่าพ่อไม่คัดค้านการวาดภาพของเขา ศีรษะน้อย ๆ ก็พยักหน้ารับราวกับลูกเจี๊ยบจิกเปลือกข้าว
เจียงหว่านมองภาพวาด และรู้สึกว่าภาพนั้นมันค่อนข้างจะอบอุ่นไปสักหน่อย จึงจงใจขยับตัวออกห่างจากเฉียวเหลียนเฉิง
ทันใดมีเสียงร้องเบา ๆ ก็ดึงดูดความสนใจของพวกเขา
เจียงหว่านเงยหน้ามองด้วยความสับสน
“เสียงอะไรน่ะ”
เฉียวเหลียนเฉิงบอกว่า “เมื่อคืนผมก็ได้ยิน แต่มันดังสั้น ๆ แค่สองสามครั้ง”
ผิงอันเบิกตากว้าง ก่อนจะตะโกนลั่น “ลูกเจี๊ยบ!”
ทั้งสามกระโดดโหยง และเริ่มค้นหารอบ ๆ ก่อนจะพบลูกเจี๊ยบที่ใกล้ตายอยู่หว่างเตียง
“มันเป็นตัวที่ฟักออกมาก่อนตอนนั้น ลูกเจี๊ยบของฉัน ติดอยู่ตรงนี้มาสองวันแล้วเหรอเนี่ย! ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม!”
เจียงหว่านกล่าวออกมาด้วยความขุ่นเคือง “อาจเพราะมันติดอยู่ในช่องนี้เลยรอดตาย ไม่อย่างนั้นเจ้าพวกบ้านั่นคงเหยียบมันตายไปแล้ว”
ส่วนผิงอันทำหน้าโศกเศร้า “พ่อครับ มันจะรอดไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัว “น่าจะยาก”
ผิงอันยิ่งเศร้ามากขึ้น ในดวงตาของเด็กชายแดงก่ำ
เจียงหว่านคว้าลูกเจี๊ยบน้อยขึ้นมา “จะเสียใจไปทำไม มันยังไม่ตายสักหน่อย ถึงจะมีความหวังแค่น้อยนิด เราก็ต้องสู้!”
ขณะพูด เธอก็วางลูกเจี๊ยบไว้บนผ้าเช็ดตัวด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะพันผ้ารอบตัวมันเพื่อให้อบอุ่น
“เฉียวเหลียนเฉิง ไปอุ่นน้ำร้อนมา แต่อย่าร้อนมากนะ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นลูกเจี๊ยบต้ม”
“ผิงอัน ไปเอาซาลาเปาชิ้นเล็ก ๆ ที่เรากินตอนเย็นมาอุ่นหน่อย”
ทั้งสองออกไปจัดการหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทันทีโดยไม่พูดอะไรมาก
เวลาเหลือไม่มาก และน้ำร้อนพร้อมแล้ว เจียงหว่านจึงทำรังเล็ก ๆ ขึ้นมาจากผ้าห่ม และเธอใช้ผ้าเช็ดตัวพันรอบขวดน้ำอุ่น ๆ วางไว้ในรัง
จากนั้นเอาลูกเจี๊ยบวางลงไปในนั้น
ซาลาเปาของผิงอันถูกนำมาบดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าของลูกเจี๊ยบ
ลูกเจี๊ยบที่กำลังจะตายส่งเสียงร้องครวญครางเบา ๆ เป็นครั้งคราว
แม้จะมีน้ำและอาหารวางอยู่ตรงหน้า แต่มันก็ไม่คิดจะกิน
หัวใจของทั้งสามพลันห่อเหี่ยว
“พ่อครับ มันกำลังจะตายใช่ไหม!”
เฉียวเหลียนเฉิงถอนหายใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะลูกชาย
“เกิดและตายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต้องเสียใจหรอก”
ผิงอันพึมพำก่อนจะก้มหน้าลงเงียบ ๆ
เจียงหว่านหงุดหงิดเมื่อเห็นท่าทีโศกเศร้าของสองพ่อและลูกตรงหน้า
“มันยังไม่ตายสักหน่อย เราต้องพยายามให้มากกว่านี้!”
พูดจบ เธอก็จับลูกเจี๊ยบออกมา แล้วหยดน้ำลงไปในปากของมันทีละหยด
บางทีอาจเป็นเพราะว่ามันไม่ได้กินอาหารมานานกว่าสองวัน พอได้รับน้ำ เจ้าลูกเจี๊ยบก็รีบกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว
“ดื่มแล้ว ดื่มเยอะ ๆ นะ” ผิงอันตะโกนอย่างตื่นเต้น
เจียงหว่านหันมองเขา ก็จะบอกเสียงเบา “เบาเสียงหน่อย เดี๋ยวมันตกใจ”
เธอครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะแช่ซาลาเปาลงในน้ำ แล้วบีบน้ำขุ่นหยดใส่ปากของลูกเจี๊ยบ
ความจริงแล้วเธอไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย เพียงแค่งมงู ๆ ปลา ๆ ทำไปเท่านั้น
หลังจากดันทุรังมาสักพัก ก็เห็นว่าลูกเจี๊ยบหยุดกินแล้ว และดูเหมือนกำลังจะตายเข้าไปทุกที เธอรู้สึกหมดหวังจึงวางมันกลับลงไปในรังอย่างเศร้าใจ
“คงทำอะไรไม่ได้แล้วแหละ ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของโชคชะตา”
ผิงอันเม้มปากแน่น สายตาของเด็กชายยังคงจ้องมองลูกเจี๊ยบตัวน้อยตรงหน้าด้วยความสงสาร
เฉียวเหลียนเฉิงจึงเข้าไปปลอบใจลูกชาย
เขาเห็นชีวิตและความตายมามากแล้ว จึงค่อนข้างเข้าใจอารมณ์ของผิงอัน
แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี
คืนนี้ทั้งสามเหมือนจะตกอยู่ในความโศกเศร้า แต่ว่าวันถัดมาพวกเขาก็จะจัดการความรู้สึกได้
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหว่านได้ยินเสียงจิ๊บ ๆ ดังขึ้นเป็นระยะจนเธอต้องตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ
เธอใช้เวลาอยู่นานกว่าจะตระหนักได้ว่านี่คือเสียงของลูกเจี๊ยบ
ลูกเจี๊ยบ!
ความแจ่มชัดเกิดขึ้นในใจ เธอกระโดดพุ่งตัวไปหากล่องที่หัวเตียงอย่างกังวล
ลูกเจี๊ยบที่กำลังจะตายเมื่อคืนนี้กำลังยืนอย่างมั่นคง ท่าทางที่ร่าเริงของมันทำให้เจียงหว่านดีใจจนน้ำตาแทบจะไหล
“มันยังมีชีวิตอยู่!”
ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น แม้แต่ผิงอันและเฉียวเหลียนเฉิงเองก็ลุกขึ้นมาแย้มยิ้มให้กับชีวิตน้อย ๆ ที่รอดพ้นจากความตายมาได้
เจ้าลูกเจี๊ยบรอดชีวิต!
มันไม่เพียงแต่รอดชีวิตเท่านั้น แต่ยังกินเศษอาหารที่เจียงหว่านใส่ไว้เมื่อคืนจนหมดแล้วด้วย
เฉียวเหลียนเฉิงที่หมดกังวลออกไปทำงาน และเจียงหว่านก็ออกไปซื้อเนื้อ เมื่อกลับมา เธอเห็นว่าผิงอันกำลังอุ้มลูกเจี๊ยบไว้ในมือทั้งสองข้าง นั่งอยู่บนบันได และกำลังพูดคุยกับมัน
“ทำอะไรน่ะผิงอัน?” เจียงหว่านวางหัวหมูลงก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
ผิงอันตอบกลับพร้อมยกยิ้ม “ผมตั้งชื่อมันว่าเสี่ยวเสวี่ย”
เจียงหว่านชะงักไป “ทำไมถึงชื่อเสี่ยวเสวี่ยล่ะ?”
ผิงอันตอบอย่างมีความสุข “เพราะผมเป็นคนดูแลมันตั้งแต่เกิด และเก็บมันมาฟูมฟัก ผมอยากจะเลี้ยงมันจนโตเลย”
“เหมือนกับน้าเจียงเสวี่ยที่ดูแลผมมาจนโต”
“เพราะอย่างนี้ผมเลยจะเรียกมันว่าเสี่ยวเสวี่ย”
“เจียงเสวี่ย เสี่ยวเสวี่ย!”
“…” เจียงหว่านตกอยู่ในความเงียบงัน
ฟังจากสิ่งที่ผิงอันพูด เจียงเสวี่ย = เสี่ยวเสวี่ย = ลูกเจี๊ยบ!
อ่า ฟังดูดีจังนะ!
เธอกลั้นเสียงหัวเราะไว้ และหันหลังกลับไปจัดการกับหัวหมู
หลังจากทำความสะอาดหัวหมูเสร็จแล้ว เธอก็เอาใส่หม้อใบใหญ่ เติมน้ำ ใส่ฟืน เคี่ยวด้วยไฟอ่อน
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เธอทำอยู่ทุกวัน เธอรู้ปริมาณน้ำที่ต้องใช้ ปริมาณฟืน ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ในสายเลือดหมดแล้ว
“ผิงอัน กลับไปที่ลานบ้านเพื่อไปหาน้าเจียงเสวี่ยของเธอกันเถอะ” เจียงหว่านตะโกนจากด้านนอก
“โอ้!” ผิงอันอุทานออกมาจากห้องด้านใน
เขาเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็ก ๆ
นี่เป็นกระเป๋านักเรียนสีเขียวใบเล็กที่เจียงเสวี่ยมอบให้เขา มันใช้สะพายพาดไหล่ และมีรูปดาวห้าแฉกสีแดงสดปักไว้ด้วย
ผิงอันชอบมันมาก เขาอยากจะสะพายมันจนแทบทนไม่ไหว!
ยิ่งเมื่อหยิบมันขึ้นมาสะพานบนหลัง เด็กชายก็ยิ่งรู้สึกความสุข
เจียงหว่านไม่ได้ถามว่าเขาหยิบอะไรใส่กระเป๋าไปบ้าง และพาเขากลับไปที่ค่ายทหาร
ระหว่างทาง เจียงหว่านได้ยินเสียงเล็ก ๆ ร้องเป็นระยะ
ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองหูฟาด แต่เมื่อไปถึงประตูทางเข้า เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ผิงอัน หยุดก่อน”
เจียงหว่านเรียกเด็กน้อยไว้ แล้วถามเขาด้วยสายตาจริงจัง “เสี่ยวเสวี่ยอยู่ในกระเป๋าเหรอ?”
ผิงอันพยักหน้ารับ “ผมกลัวว่าถ้าปล่อยให้เสี่ยวเสวี่ยอยู่ที่บ้านคนเดียว จะมีคนเข้ามาทำร้ายมันจนตายน่ะ”
เจียงหว่านคิดตามก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างมีเหตุผล แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน
“อย่าบอกน้าเจียงเสวี่ยเรื่องเสี่ยวเสวี่ยนะ เข้าใจไหม”
ผิงอันสับสน “ทำไมบอกไม่ได้ล่ะ?”
เจียงหว่านตอบ “เพราะว่า…”
เธออยากจะอธิบาย แต่เมื่อเห็นแววตาที่ไร้เดียงสาของผิงอัน เธอกลับพูดมันออกมาไม่ได้
มันก็แค่การทะเลาะกันของพวกผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็ก ลูกเจี๊ยบก็คือลูกเจี๊ยบ
เธอไม่อยากจะให้จิตใจที่บริสุทธิ์ของเด็กคนนี้ต้องแปดเปื้อน!