เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 109 เฉียวเหลียนเฉิงมอบของขวัญให้เจียงหว่าน
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 109 เฉียวเหลียนเฉิงมอบของขวัญให้เจียงหว่าน
บทที่ 109 เฉียวเหลียนเฉิงมอบของขวัญให้เจียงหว่าน
เจียงหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไว้ฉันจะลองคิดดูอีกทีก็แล้วกัน”
“แต่ถ้าอยากจะซื้อ ฉันก็จะซื้อเอง นายไม่ต้องมายุ่งหรอก”
เจียงหว่านไม่มีที่ดินหรือบ้านเป็นชื่อของตัวเองอีกแล้ว แม้จะหย่ากับเฉียวเหลียนเฉิง แต่ก็ยังไม่มีที่จะไปอยู่ดี จะอยู่ในตัวตำบลต่อไปก็คงยาก
ตอนนี้ธุรกิจของเธอกำลังเริ่มเติบโต เธอยังไม่ต้องการที่จะย้ายออกไป
แต่จะว่าก็ว่า ลานนี้มันเล็กไปสักหน่อย ไม่ค่อยสะดวกสบายนัก
วันรุ่งขึ้น เจียงหว่านไปหาคนขายเนื้อ “พี่ช่วยถามเจ้าของบ้านรอบ ๆ บ้านที่ฉันเช่าอยู่ให้หน่อยได้ไหมว่าพวกเขาอยากขายหรือเปล่า ฉันอยากจะซื้อน่ะ”
เจียงหว่านมีเงินเก็บอยู่บ้าง แม้ว่าจะต้องจ่ายเงินจำนวนมาก แต่ก็ใช่ว่าเธอจะทำไม่ได้
และหากมีลานบ้านกว้างขึ้น อะไร ๆ ก็จะสะดวกสบายขึ้นเช่นกัน
แม้มันจะเป็นเรื่องแปลกของคนในสมัยนี้ที่ผู้คนมักจะไม่มีความคิดที่จะขายที่อยู่อาศัยของตัวเอง
แต่ในลานเหล่านั้นไม่มีใครอาศัยอยู่แล้ว
การสร้างบ้าน หรือการบำรุงรักษา ล้วนต้องใช้เวลามาก เจ้าของบ้านก็ย้ายเข้าไปทำงานในเมืองกันหมดแล้ว จึงไม่ได้สนใจอีก
ในเมื่อนี่เป็นเพียงลานว่าง ๆ การขายมันคงเป็นทางออกที่ดีกว่า
คนขายเนื้อรับปากทันที
และคนขายเนื้อก็มีข่าวดีจะบอกกับเจียงหว่าน ข่าวดีนั้นก็คือ กล่องขายเนื้อที่เจียงหว่านสั่งทำเสร็จแล้ว
คนขายเนื้อมองดูกล่องขนาดใหญ่พร้อมครุ่นคิด “น้องสาว เธอจะเอาเตาใหญ่ขนาดนี้กลับไปยังไงเนี่ย?”
เจียงหว่านเองก็เกาศีรษะคิดไม่ตกเช่นกัน “เดี๋ยวฉันไปเอารถเข็นมาดีกว่า”
ตอนนี้เตานี่ยังใช้งานไม่ได้ มันยังเป็นแค่กล่องขนาดใหญ่เท่านั้น ต้องหาอุปกรณ์อื่นมาเสริมก่อน
นอกจากนี้ยังต้องมีเตาที่สามารถวางไว้บนกล่องเหล็กนี้ได้ด้วย ซึ่งจะต้องเป็นเตาที่สั่งทำแบบพิเศษ
ดูท่าเธอยังมีอีกหลายอย่างให้จัดการ
หลังจากขายเนื้อในช่วงเที่ยงเสร็จแล้ว เจียงหว่านก็ขอให้อู่หยางไปเอากระดาษขาวแผ่นใหญ่มาให้ และใช้มันเพื่อเขียนข้อความโฆษณา
จากนั้นไปแถว ๆ โรงเรียนพร้อมกับซื้อดินสอสีกล่องหนึ่ง
ผิงอันที่เห็นเจียงหว่านกลับมาพร้อมกับของในมือเธอก็ตื่นเต้นมาก
เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกกับเจียงหว่านในช่วงบ่าย แต่กำลังนั่งวาดภาพ ในภาพเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่มีดอกไม้รายล้อม ด้านหลังคืออาคาร ซึ่งก็คือบ้านพักของครอบครัวทหาร
เมื่อเห็นภาพนี้ เจียงหว่านก็นึกไปถึงเจียงเสวี่ยทันที
ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเลวร้ายแค่ไหน แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้หล่อนก็ดูแลผิงอันเป็นอย่างดีจริง ๆ…
หลังจากขายเนื้อในช่วงเย็นเสร็จแล้ว ขณะกำลังจะกลับ สายตาของเจียงหว่านพลันเหลือบไปเห็นเฉียวเหลียนเฉิง
“นายมาทำอะไรที่นี่?” เจียงหว่านเอ่ยถามอย่างเย็นชา
“ผมทำอาหารเย็นเตรียมไว้ แต่เห็นคุณยังไม่กลับ เลยมาช่วยปิดร้านแล้วก็มารับคุณน่ะ”
“นายไม่ต้องไปทำงานเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับ “ผมเลิกงานแล้ว”
แต่พอเห็นความสับสนบนใบหน้าของเจียงหว่าน เขาเลยอธิบายต่อว่า
“ผมเลิกงานตอนห้าโมงเย็น และกลับไปที่บ้าน ล้างหม้อ ทำอาหารภายในหนึ่งชั่วโมงนั่นแหละ”
“แถมผมก็รอคุณมาตั้งครึ่งชั่วโมง…”
เจียงหว่านหัวเราะลั่น “ถึงนายจะทำแบบนี้ มันก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอกนะ”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “ผมไม่ได้อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรนี่ ผมแค่เห็นว่าคุณตื่นเช้า ทำงานหนักทุกวัน และคิดว่าคุณคงจะเหนื่อยมากแค่นั้นเอง”
“ผมก็แค่อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระคุณ”
เจียงหว่านเม้มปากแน่น และหันหน้าหนี เธอไม่ได้ซาบซึ้งในความดีของเขาเลย
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มก็เรียกเจียงหว่านเอาไว้ “เอ่อ ผมเตรียมของขวัญไว้ให้คุณด้วยนะ ผมอยากให้คุณประหลาดใจน่ะ”
เจียงหว่านหันมองเขาด้วยความสงสัย
จากนั้นเฉียวเหลียนเฉิงก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา “ปิดตาได้ไหม จะได้ตื่นเต้น ๆ ไง”
เจียงหว่านตะคอกกลับ “นายคิดว่าฉันเป็นเด็กหรือไง”
เฉียวเหลียนเฉิงเพิกเฉยต่อคำเหล่านั้น เขาก้าวไปด้านหน้า และใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดตาเธอ
แต่เพราะเจียงหว่านอ้วน ศีรษะของเธอก็ค่อนข้างใหญ่ ผ้าเช็ดหน้าจึงไม่สามารถปิดรอบศีรษะของเธอได้
เจียงหว่านหัวเราะ “ฮ่า ๆๆ ดูเหมือนว่ามันไม่เป็นไปตามที่นายคิดเลยนะ”
“ทำไมถึงต้องทำให้มันวุ่นวายด้วยเนี่ย? ของขวัญอะไรนั่น ฉันไม่สนใจหรอก”
เฉียวเหลียนเฉิงยัดผ้าเช็ดหน้ากลับใส่กระเป๋า ก่อนจะยกมือขึ้นปิดตาเธอโดยตรง
ความอบอุ่นแผ่ซ่านออกจากมือหนา กลิ่นกายของเขากระทบโสตประสาทของเธออย่างรุนแรง จนเจียงหว่านขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“ฉันหลับตาก็ได้ ไม่เห็นต้องปิดตาแบบนี้เลย” แม้จะกล่าวออกไปอย่างนั้น แต่ในใจของเธอกลับสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก และเพราะสัญชาตญาณที่ควบคุมได้ยากนี้ ทำให้เธอไม่พอใจตัวเอง
“ผมไม่ได้กลัวว่าคุณจะเห็นนี่ ผมกลัวว่าคุณจะมองไม่เห็นทางต่างหาก เอาล่ะ ผมจะช่วยคุณเอง ไปกันเถอะ!” เฉียวเหลียนเฉิงพาเธอเดินไปข้างหน้า
เขาไม่สนใจคำพูดเบื่อหน่ายของเจียงหว่านเลย
เจียงหว่านก้าวไปได้สองสามก้าว เธอก็เหยียบเข้ากับบางอย่าง จนเท้าลื่น ทำให้เกือบจะล้ม
เพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ล้มลง เจียงหว่านคว้าแขนของเฉียวเหลียนเฉิงทันทีตามสัญชาตญาณ จนร่างกายของเธอโน้มเข้าหาเฉียวเหลียนเฉิงอย่างช่วยไม่ได้
เพราะถูกปิดตาเอาไว้ เจียงหว่านจึงสัมผัสถึงความร้อนผ่านเสื้อผ้าได้อย่างชัดเจน
ใจของเธอเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง
“พอได้แล้ว ฉันไม่อยากได้มันแล้ว” เธอผลักเฉียวเหลียนเฉิงออกอย่างแรง
เธอรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก จนรู้สึกรังเกียจความรู้สึกนี้
มันคล้ายกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างในร่างกายกำลังจะทรยศต่อตัวตนของเจียงหว่าน
แต่สิ่งที่หญิงสาวไม่คาดคิดคือ ทันทีที่ผลักเฉียวเหลียนเฉิงออกไป ร่างกายของเธอก็เสียหลัก และกำลังจะล้มลง
เฉียวเหลียนเฉิงที่เห็นแบบนั้นรีบปล่อยมือที่ปิดตาเธอ พร้อมกับใช้อ้อมแขนของตัวเองพยุงเธอเอาไว้
เจียงหว่านรู้สึกว่าโลกทั้งใบหมุนคว้างและเธอกำลังจะล้มลง แต่เมื่อร่างกายของเธอกลับมายืนได้อย่างมั่นคง ดวงตาของเธอก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง
และสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าไม่ใช่เฉียวเหลียนเฉิง แต่เป็นจักรยานขนาดยี่สิบแปดนิ้ว
ดวงตาของเจียงหว่านเปล่งประกาย “จักรยาน? นายไปยืมมันมาเหรอ?”
ทันทีที่โพล่งออกไป เธอก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นี่ไม่ใช่จักรยานมือสองที่ถูกยืมมาแน่ แต่มันคือจักรยานใหม่!
แม้แต่พลาสติกก็ยังไม่ถูกแกะออกเลย
“ผมซื้อมาให้คุณ”
เฉียวเหลียนเฉิงปล่อยมือที่โอบเอวเจียงหว่านเอาไว้ แล้วคว้ามืออ้วน ๆ ของเธอเดินไปที่จักรยาน
เจียงหว่านเพียงจับจ้องไปที่จักรยาน ไม่สนใจว่าตัวเองกำลังถูกแต๊ะอั๋งอยู่
เฉียวเหลียนเฉิงเดินเข้าไปที่จักรยานก่อนจะปล่อยมือเธอ
“คุณคงจำเป็นต้องใช้มัน ผมประเมินจากความสูงของคุณ ขนาด ยี่สิบแปดนิ้วคงจะพอดี เลยซื้อคันนี้มา คุณคงจะไม่รังเกียจหรอกใช่ไหม?”
ดวงตาของเจียงหว่านเต็มไปด้วยความยินดี แต่ก็ยังกล่าวตอบกลับไปอย่างเย็นชา “ยี่สิบแปดนิ้วถือว่าดี แต่นี่นายซื้อมาเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายเงินให้”
จักรยานนั้นเป็นของทั่วไปในชาติที่แล้ว อีกทั้งที่ที่เธอจากมายังมีจักรยานไฟฟ้าที่ดูดีกว่านี้หลายร้อยเท่า
เวลานั้นเจียงหว่านเองก็มีรถยนต์ไฟฟ้าคันเล็กไว้ใช้สอยด้วยเหมือนกัน แต่เธอให้มันกับคนอื่นไปหลังจากใช้งานได้หนึ่งเดือน
ตอนนั้นเธอซื้อมันมาโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก และไม่ได้รู้สึกแย่อะไรกับการยกมันให้คนอื่น
ทว่าในตอนนี้แค่ได้รับจักรยานธรรมดาขนาดยี่สิบแปดนิ้ว เธอกลับรู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าโลกทั้งใบสดใสขึ้นทันตา
อย่างที่คิด ความสุขเป็นสิ่งที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ มันจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์และความรู้สึก
เฉียวเหลียนเฉิงเพียงยิ้ม ไม่ได้ตอบจำนวนเงิน “ลองขี่ดูสิ ถ้ามันไม่พอดี เดี๋ยวผมจะได้ปรับให้”
เจียงหว่านก้าวไปด้านหน้าก่อนจะจับจักรยานเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ขึ้นคร่อมจักรยาน มือกระชับแฮนด์จับ ลองกดกระดิ่งอย่างสนุกสนาน เสียงไพเราะและกังวานของมันทำให้เธออารมณ์ดีมาก
ครั้งก่อนเจียงหว่านได้จักรยานพัง ๆ มาจากคนขายเนื้อ เธอแยกชิ้นส่วนมันไว้ เตรียมเอามาดัดแปลงเป็นรถเข็นสามล้อ
แต่เพราะยางของจักรยานเก่ามากและผุหมดแล้ว ขอบล้อเหล็กก็เสียรูป หากจะเอาไปทำรถสามล้อจริง ๆ ก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนอุปกรณ์มากมาย
และเมื่อเธอได้จักรยานคันนี้ เธอก็มีความคิดใหม่ในทันที
เจียงหว่านลงจากจักรยาน และหยิบกระดาษออกมาร่างภาพ
เฉียวเหลียนเฉิงยื่นหน้าเข้ามาดูอย่างสงสัย “คุณจะทำอะไร? นี่จะดัดแปลงจักรยานเหรอ”
เจียงหว่านตอบกลับโดยไม่เงยหน้ามอง “ไม่ต้องห่วง จักรยานคันนี้ราคาเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้!”
เฉียวเหลียนเฉิงไม่ตอบ ก่อนจะมองภาพตรงหน้าให้ดี “คุณจะดัดแปลงให้มันเป็นรถสามล้อเหรอ?”
เห็นว่าเจียงหว่านยังไม่ตอบ เขาก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณบอกผมมาเลยว่าคุณอยากได้อะไร ผมจะได้ช่วย แล้วคุณก็ไม่ต้องให้เงินผมหรอก ถือว่านี่คือค่าอาหารของผมกับผิงอัน”
พอได้ยินคำนี้ เจียงหว่านก็เงยหน้ามองเขา
เฉียวเหลียนเฉิงกล่าวต่อ “เราตกลงจะหย่ากันหลังจากแต่งงานครบหนึ่งปีไม่ใช่เหรอ? นี่ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปีนะ”
“ช่วงนี้ ค่าอาหารของผมกับผิงอันจ่ายเป็นจักรยานคันนี้ก็แล้วกัน แต่ถ้าคุณจะดัดแปลงมันให้เป็นรถสามล้อก็คงเป็นเรื่องยาก ถือว่าผมยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้คุณนะ”
เจียงหว่านครุ่นคิดสักครู่ เพราะเธอเองก็ไม่เก่งงานช่างสักเท่าไหร่ พวกผู้ชายคงทำได้ดีกว่าแน่นอน
“อื้ม ตกลง!” หลังจากไตร่ตรองดีแล้ว เธอก็ตอบตกลง
เจียงหว่านใช้เวลาทั้งคืนเพื่อคิดว่าจะดัดแปลงจักรยานนี้ยังไง เธอออกแบบให้ด้านหน้าสุดมีหนึ่งล้อ และด้านหลังเป็นสองล้อ
เธอจะได้ปั่นจักรยานสามล้อแบบนี้ไปขายเนื้อ
หรือถ้าวันไหนไม่ได้ขายเนื้อ ก็ยังสามารถถอดจักรยานแยกออกมาใช้งานแบบปกติได้ สุดยอดไหมล่ะ!
เฉียวเหลียนเฉิงเองก็ช่วยคิดด้วยเช่นกัน ทั้งคู่กำลังช่วยกัน
ขณะที่กำลังออกแบบร่วมกันอยู่นั้น ก็รู้สึกเหมือนโดนจ้องมอง พวกเขาหันกลับมา และเห็นว่าผิงอันกำลังมองและยิ้มอยู่