เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 105 ฟักไข่ให้ฉัน
บทที่ 105 ฟักไข่ให้ฉัน
ฮวาจือรู้อยู่แล้วว่ามีเด็กชายเฝ้าอยู่ที่หน้าต่าง แต่เธอไม่สนใจเลยสักนิด
และไม่คิดมาก่อนว่าทันทีที่เธอกระโดดออกมาจากหน้าต่าง ในขณะที่ยังยืนไม่มั่นคง มันกลับมีก้อนอิฐพุ่งเข้ามาหาเธออย่างแรง
เวลานี้ฮวาจือยังทรงตัวไม่ได้ แต่เธอสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่บอยเข้ามา
เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ปั่ก!
แล้วก็โดนก้อนอิฐปะทะเข้าเต็มหน้า
จมูกและใบหน้าชุ่มด้วยเลือด
เธอทรุดตัวลงก่อนชี้หน้าหมายจะด่าผิงอัน แต่ดวงตากลับเลื่อนลอย เป็นลมไปโดยไม่ได้เอ่ยปากแม้แต่คำเดียว!
เจียงหว่านที่เห็นฮวาจือหนีไป ก็คิดว่าถึงผิงอันคงจะหยุดหล่อนไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็คงได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
ค่อยตามไปทีหลังก็คงได้ สนามหญ้าด้านนอกก็ไม่ใช่เล็ก ๆ!
แต่สิ่งที่เธอไม่คิดก็คือ ผิงอันได้สร้างผลงานชิ้นโบว์แดงไว้เสียแล้ว เด็กชายจัดการอีกฝ่ายอย่างอยู่หมัด
หลังจากเธอจัดการกับชายผมยาวประบ่าเสร็จแล้ว ก็ออกมาดู แต่ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าฮวาจือนอนฟุบอยู่พร้อมเลือดอาบใบหน้า
“เธอทำได้ยังไง?” เจียงหว่านถาม
ผิงอันยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะทุบหน้าเธอนะ แต่เธอเงยหน้าขึ้นมาเอง สมน้ำหน้า!”
“ไม่เป็นไร ค่อยล้างมันทีหลังก็ได้”
เจียงหว่านเอาเชือกมันทั้งสามคนไว้ด้วยกัน
จากนั้นเธอเอาน้ำเย็นราดพวกเขา คนที่ถูกทุบตีจนหมดสติก็ฟื้นขึ้นมา
“อ๊าก ใคร ใครน่ะ!” ฮวาจือที่ตื่นขึ้นเพราะถูกน้ำสาด กรีดร้องออกมาตามสัญชาตญาณ!
เจียงหว่านจึงเดินเข้าไปตบเธอหนึ่งฉาด
ฮวาจือเงียบลงทันที
เธอชี้ไปที่ซากของลูกเจี๊ยบหลายตัวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น
“นี่เป็นความคิดของใคร?”
ผู้ชายทั้งสองคนหันมองฮวาจืออย่างพร้อมเพรียง
เจียงหว่านเย้ยหยัน “พวกแกก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอก ฉันเห็นนะว่าพวกแกเหยียบลูกเจี๊ยบจนตาย! แค่เหยียบไม่พอ ยังกระโดดกระทืบมันด้วย!”
“ร่างกายของพวกมันยังไม่สมบูรณ์ด้วยซ้ำ พวกแกมันบ้าไปแล้ว!”
ชายผมยาวเอ่ยปาก “มันก็แค่ลูกเจี๊ยบไม่ใช่เหรอ?”
เจียงหว่านตบหน้าเขาฉาดใหญ่ “ไอเจ้าบ้า! แค่ลูกลูกเจี๊ยบงั้นเหรอ? พูดออกมาได้!”
ทั้งสามหันมองเจียงหว่านด้วยความสับสน
เจียงหว่านกล่าวอย่างเจ็บปวด “นี่คือลูกของฉัน ลูกที่ฉันพยายามเลี้ยงดูฟูมฟักมันมานานกว่าสิบวัน!”
ทั้งสามที่ได้ยินยิ่งสับสน มีแต่เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเต็มหัว!
“แล้วเธอต้องการอะไร? เธออยากจะให้พวกฉัน…”
ชายที่ไม่ได้สวมเสื้อมองดูซากลูกเจี๊ยบ กลืนน้ำลายแล้วถามต่อว่า
“ให้ฉันชดใช้ชีวิตของลูก ๆ เธอด้วยชีวิตงั้นเหรอ?”
อาเฉวียนและฮวาจือหวาดกลัวขึ้นมา พวกเขาส่ายศีรษะทันที
ฮวาจือตะโกน “มันก็แค่ลูกเจี๊ยบ เอาชีวิจฉันไปชดใช้มันไม่คุ้มหรอกนะ!”
เจียงหว่านเพียงยกยิ้ม “พวกแกพูดอะไรกัน?”
ทั้งสามคนรู้สึกสับสน พวกเขาคิดจะชดเชยด้วยการจ่ายเงินสำหรับลูกเจี๊ยบพวกนี้ แต่ทำไมมันถึงกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับเธอล่ะ!
ฮวาจือหันมองชายอีกสองคน เธอกลืนน้ำลายก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณ
“ได้ พวกเราจะชดเชยให้!”
อีกคนสองพยักหน้าเช่นกัน!
เจียงหว่านยกยิ้มสดใส “เอาล่ะ แค่พูดอย่างนั้นก็จบแล้ว”
“ยังไงซะ ลูกเจี๊ยบนี่ก็หาไม่ได้ง่าย ๆ พวกแกต้องฟักมันออกมาเอง”
“อะไรนะ? อยากจะให้พวกเราฟักไข่งั้นเหรอ?”
เจียงหว่านเลิกคิ้ว “ใช่น่ะสิ พวกแกต้องฟักมันด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นลูกเจี๊ยบพวกนี้จะมีจิตวิญญาณได้ยังไง? ถ้ามันไม่มีจิตวิญญาณการเป็นลูกเจี๊ยบ พวกมันก็จะไม่สามารถวางไข่แสนอร่อยได้สิ”
ฮวาจือเผยสีหน้าสิ้นหวัง “แล้วฉันจะฟักไข่ยังไง ฉันทำไม่เป็น!”
เจียงหว่านตะโกนลั่น “ฉันไม่สน แกมีหน้าที่ฟักไข่ให้ฉัน และแกต้องให้ฉันเห็นว่าพวกมันฟักออกมา ไม่อย่างนั้นพวกแกก็จะต้องอยู่ที่นี่และกลายเป็นลูกเจี๊ยบของฉันตลอดไป”
อาเฉวียนกล่าวด้วยความหวาดกลัว “แล้วพวกเราจะเป็นลูกเจี๊ยบได้ยังไง”
เจียงหว่านเย้ยหยัน “มันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่แกทำ พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าพวกแกฟักลูกลูกเจี๊ยบให้ฉันไม่ได้ หรือไม่สามารถวางไข่ได้วันละสามฟอง ถ้าไม่มีอย่างใดอย่างหนึ่งในสองข้อนี้ ฉันจะซ้อมพวกแก”
พวกเขาทั้งสามหน้าซีดเซียว
ฮวาจือกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ “สิ่งที่เธอกำลังทำคือการกักขังหน่วงเหนี่ยวนะ มันผิดกฏหมาย”
เจียงหว่านเย้ยหยัน “ถ้าแกฟักลูกเจี๊ยบได้ ฉันจะให้อิสระกับแก แต่ถ้าฟักไม่ได้แสดงว่าแกไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นลูกเจี๊ยบ”
“และการจับลูกเจี๊ยบไม่ใช่เรื่องผิดกฏหมาย”
“เดี๋ยวฉันไปคุยกับคนในครอบครัวของแกเอง”
ทั้งสามสับสน! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
หลังจากโต้เถียงกันนานหลายชั่วโมง แผนของเจียงหว่านก็ต้องหยุดชะงัก และเธอยังไม่ได้ไปโรงเรียนอนุบาลด้วยซ้ำ
เวลาบ่ายสามโมงครึ่ง เจียงหว่านกำลังเตรียมตัวจะออกไปตั้งแผง
ผิงอันมองทั้งสามคนที่นั่งอยู่ในลาน “แล้วพวกนี้ล่ะ?”
เจียงหว่านตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พาพวกมันไป!”
ก่อนออกเดินทาง เธอหยิบกระดาษและปากกามาเขียนอักษรขนาดใหญ่
‘พวกเราเป็นลูกเจี๊ยบ กำลังฟักไข่ โปรดอย่ารบกวน!’
กระดาษสามแผ่น มีสามประโยค!
หลังเขียนเสร็จแล้ว เธอติดมันไว้บนเสื้อผ้าของอีกฝ่าย
จากนั้นตรงไปซื้อไข่ที่กำลังจะฟักจากร้านขายเนื้อในช่วงบ่าย
เพราะเพิ่งจะวางไข่ ตัวอ่อนจึงยังไม่ค่อยพัฒนานัก ต้องให้ความอบอุ่นให้มากหน่อย
ทั้งสามคนได้ไข่ไปหกสิบฟอง หลังจากนั้นไม่กี่วัน ไข่ที่ไม่ดีจะถูกคัดออก
ทั้งสามถือกล่องไข่คนละยี่สิบฟองเดินตามเจียงหว่านไปขายของ
เจียงหว่านขายเนื้ออยู่ด้านหน้า ส่วนอีกสามคนก็ยืนเรียงแถวด้านหลังโดยถือกล่องไข่ไว้ชิดกับร่างกายเพื่อฟักไข่ให้ความอบอุ่น
ไม่รู้เลยว่าเจียงหว่านไปเอาขนลูกเจี๊ยบมาจากไหนมาวางใต้ไข่ และแปะไว้ที่ตัวของทั้งสาม
เธอบอกว่าไม่ว่าจะที่แขนหรือหน้าอก ก็จำเป็นต้องรักษาอุณหภูมิไว้ให้ดี
นี่เป็นช่วงต้นของฤดูใบไม้ร่วง กลางคืนค่อนข้างหนาว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก!
ประมาณหกโมงเย็น เจียงหว่านเหลือเนื้ออีกสองกิโลกรัมที่ยังขายไม่ออก
ขณะที่รอขายของ เธอเห็นเฉียวเหลียนเฉิงวิ่งเข้ามา
“หว่านหว่าน ผิงอัน!”
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ยังสบายดี เฉียวเหลียนเฉิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ดีจริง ๆ ผมไปที่บ้าน เห็นว่าทุทุกเละไปหมด มีเลือดอยู่บนพื้น ผมเลยกลัวแทบแย่”
“ดีจังที่พวกคุณปลอดภัย”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นที่บ้านเหรอ”
เจียงหว่านชี้ไปด้านหลัง เฉียวเหลียนเฉิงก็หันไปมองและเห็นคนสามคนพร้อมกระดาษแผ่นใหญ่ติดอยู่บนร่างกายของพวกเขา
เวลานี้เขาตกอยู่ในความเงียบงัน
“แล้วตอนกลางคืนจะทำยังไง? เราจะให้พวกเขาติดตามกลับไปด้วยเหรอ?”
เจียงหว่านเกาหัวแกรก ๆ นั่นสิ นี่เป็นปัญหาที่เธอยังคิดไม่ออก
เฉียวเหลียนเฉิงแนะนำขึ้น “ปล่อยให้พวกเขาเอามันกลับไปฟักเถอะ ผมรู้ว่าคุณอยากสั่งสอนพวกเขา”
“แต่เราจะจัดการยากนะ”
“ถ้าพาพวกเขากลับไปด้วย เราก็ต้องหาอาหารให้”
เจียงหว่านขมวดคิ้ว “แล้วถ้าปล่อยไป แล้วพวกมันวิ่งหนีไปล่ะ?”
เฉียวเหลียนเฉิงครุ่นคิดสักครู่ “ไม่เป็นไร คนพวกนี้เป็นคนในพื้นที่ ต่อให้หนีไปก็หนีไปไม่ไกลจากบ้านของตัวเองหรอก”
“ถ้าพวกนี้ไม่ฟักไข่ให้เรา เราก็แค่ไปหาที่บ้าน แล้วให้พ่อแม่พี่น้องของพวกนี้ฟักไข่ให้แทน!”
เจียงหว่านคิดสักครู่ก่อนจะพูดว่า “งั้นก็ได้ พวกแกเอาไข่กลับไปที่บ้านด้วยละกัน พวกแกฆ่าลูกเจี๊ยบของฉันทั้งหมดยี่สิบตัว งั้นพวกแกเอาไปคนละแปดฟอง”
“ถ้าภายในหนึ่งเดือน พวกแกสามารถฟักไข่ให้ฉันได้แปดตัว ถือว่าเราจบกัน”
“แค่ครึ่งหนึ่งในนั้นต้องเป็นแม่ไก่!”
ทั้งสามสับสน อาเฉวียนถึงกับทรุดตัวลง “แล้วใครจะไปรู้ว่าลูกเจี๊ยบที่ฟักออกมาจะเป็นแม่ไก่? อีกอย่างเธอจะแน่ใจได้ยังไงว่าลูกเจี๊ยบครึ่งหนึ่งที่พวกเราเหยียบตายไปเป็นแม่ไก่น่ะฮะ?”
เจียงหว่านตะคอก “ฉันรู้!”
อาเฉวียนตะคอกกลับ “พิสูจน์สิ! เอาหลักฐานออกมา!”
“งั้นก็ได้ แกเอาซากลูกเจี๊ยบของฉันมาสิ แล้วฉันจะพิสูจน์ให้ดูว่าครึ่งหนึ่งในนั้นเป็นตัวเมีย!”
อาเฉวียนอยากจะโต้แย้ง แต่ฮวาจือกลับดึงเขาไว้ก่อน