เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 100 ป้าถังไม่ธรรมดา!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 100 ป้าถังไม่ธรรมดา!
บทที่ 100 ป้าถังไม่ธรรมดา!
“ป้าถัง!” เจียงเฉิงเดินเข้าไปทักทาย แม้จะดูสุภาพแต่ก็ห่างเหิน
ผู้หญิงคนนั้นหยุดฝีเท้าลง หันมองเจียงเฉิง แล้วเผยรอยยิ้มออกมา
“เฉิงเฉิง ไม่ได้เจอกันสองสามปี หล่อขึ้นเยอะเลยนะ”
เจียงเฉิงยิ้มรับ “ป้าถังขึ้นรถเถอะครับ”
ถังซิ่วอวิ๋นยิ้มก่อนจะก้าวขึ้นรถ
ผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความสง่างาม แม้แต่ท่วงท่าการก้าวขึ้นรถก็ยังดึงดูดสายตาของผู้คนได้
ภายในรถ ถังซิ่วอวิ๋นถามถึงเจียงเสวี่ย
“ขาของเด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
เจียงเฉิงตอบว่า “ดีขึ้นแล้วครับ เริ่มเดินได้แล้ว แต่ยังไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ ผมกลัวว่าถ้าเธอล้มจะเจ็บซ้ำอีก เลยยังให้เธอนั่งรถเข็นอยู่”
“หมอบอกว่าต้องใช้เวลาอีกสักเดือนกว่าจะหายดี”
ถังซิ่วอวิ๋นพยักหน้า “ดีแล้วล่ะ งั้นก็เตรียมตัวได้เลย ฉันจะพาเธอกลับบ้านในสองสามวันข้างหน้านี้แหละ”
เจียงเฉิงส่ายศีรษะ “คงจะไม่ได้แล้วล่ะครับ เธอไม่สามารถออกไปไหนได้ในช่วงนี้”
ถังซิ่วอวิ๋นอุทาน “อ้าว ทำไมล่ะ?”
เจียงเฉิงตอบกลับ “เพราะว่ายัยนั่นก่อเรื่องเอาไว้ครับ”
เจียงเฉิงรู้ดีว่าเขาไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้ได้ จึงเล่าสถานการณ์ทั้งหมดออกไปตรง ๆ
ถังซิ่วอวิ๋นขมวดคิ้วฉงน “เจียงเสวี่ยเป็นคนเลื่อยราวบันไดไว้จริงเหรอ?”
เจียงเฉิงกล่าวพึมพำ
“ผมถามเจียงเสวี่ยแล้ว เธอบอกว่าผมคาดเดาไปเอง ถ้าหากไม่มีหลักฐานเธอจะไม่ยอมรับ เธอถึงกับตะคอกใส่ผมเลยด้วย”
“เธอบอกว่าผมไม่มีหลักฐาน แต่ผมสังเกตได้จากแววตาของเธอ เธอแค่พยายามจะหลบเลี่ยงเท่านั้น และเธอคือคนทำมันจริง ๆ”
ถังซิ่วอวิ๋นเม้มปากแน่น แต่ไม่ได้พูดอะไร
เจียงเฉิงหันศีรษะกลับมามองถังซิ่วอวิ๋น “ป้าถังครับ คุณแต่งงานกับพ่อของผม และมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของพวกเรา ผมอยากให้คุณช่วยเกลี้ยกล่อมเสวี่ยเอ๋อร์สักหน่อย”
เจียงเฉิงไม่ไว้ใจน้องสาวตัวเองเลย เขากลัวว่าเธอจะก่อเรื่องอีก
แต่เขารู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้านี้เก่งกาจมากเพียงใด
ถึงอย่างนั้นหากป้าถังคนนี้พาน้องสาวของเขาไปด้วย หรือแค่สองคนนี้ได้เจอกันสักพัก เจียงเฉิงก็ไม่อยากจินตนาการถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเลย
แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
ถังซิ่วอวิ๋นเอ่ยปากตอบ “เฉิงเฉิง อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ฉันจะคุยกับน้องสาวเธอเอง”
เจียงเฉิงกลับไม่รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังกังวลอีกด้วย
เวลานี้เขานึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง
ถ้าเจียงเสวี่ยพบกับถังซิ่วอวิ๋น เขาไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนจะสร้างปัญหาแบบไหนให้เขาแก้อีก
แม้จะไม่สบายใจนัก แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง
เมื่อกลับมาถึงบ้านพักครอบครัวทหาร เจียงเฉิงก็พาเธอเดินเข้าไปด้านใน
ไม่ทันไรก็มีเสียงของเหล่าหลัวดังขึ้น
“ครูฝึกเจียง!”
เจียงเฉิงส่งถังซิ่วอวิ๋นเข้าไปด้านในก่อน จากนั้นหันกลับมาหาเหล่าหลัว
“เหล่าหลัว คดีมีความคืบหน้าไหมครับ” เจียงเฉิงถามอย่างเป็นกังวล
เหล่าหลัวตอบกลับ “อืม เมื่อเช้านี้หลี่ซิ่วหลันส่งคนมาบอกฉันว่าเธอไม่เอาความเจียงหว่านแล้ว”
เจียงเฉิงตกตะลึง
ไม่คิดว่าหลี่ซิ่วหลันจะเปลี่ยนใจกะทันหันอย่างนี้
เหล่าหลัวเล่าต่อว่า “เธอบอกว่าเจียงหว่านไม่ได้ผลักเธอ เธอเล่าว่าทั้งสองทะเลาะกันนิดหน่อย และเผลอไปพิงราวบันได ไม่คิดว่าราวบันไดจะพังจนเธอพลัดตกลงไป”
เจียงเฉิงถึงกับหัวเราะออกมาทันที
ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหน่าย “เธอกำลังโยนความผิดทั้งหมดให้น้องสาวของผมสินะ”
เหล่าหลัวพยักหน้า และชื่นชมอยู่ในใจ “อื้ม หลี่ซิ่วหลันเปลี่ยนคำให้การแล้ว อาจจะมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังของเธอ”
“เจียงหว่านเป็นหญิงสาวจากชนบท ที่บ้านยากจนและไม่มีเงินมากมายอะไร เฉียวเหลียนเฉิงเองก็ยากจนเช่นกัน แต่ตระกูลเจียงของนายแตกต่างจากพวกเขา”
“ฉันปรึกษาเรื่องนี้กับผู้บังคับบัญชาแล้วล่ะ ตอนนี้คดีจบลงแล้ว เจียงหว่านจะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ และเราจะปล่อยตัวเธอ”
“ฉันแค่มาที่นี่เพื่อให้นายเตรียมใจสักหน่อยน่ะ”
คดีจบลงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกแล้ว
เจียงเฉิงยืนนิ่งใช้ความคิดก่อนจะถามว่า “แล้วผลการทดสอบใบเลื่อยล่ะครับ”
เหล่าหลัวตอบกลับ “ออกมาแล้วล่ะ มีรอยนิ้วมือของเจียงเสวี่ยจริง ๆ”
เจียงเฉิงตกใจมาก “ไหนบอกว่าต้องรอถึงหนึ่งสัปดาห์ ทำไมเร็วขนาดนี้ล่ะครับ”
เหล่าหลัวกล่าวต่อ “เพราะหลักฐานไม่ได้ถูกส่งไปที่สำนักงานใหญ่น่ะสิ กองทัพของเราร่วมมือกับตำรวจในพื้นที่ ตอนนี้สำนักงานตำรวจในเมืองมีอุปกรณ์ใหม่แล้ว พวกเขาเลยใช้เวลาแค่สองสามชั่วโมงในการดึงลายนิ้วมือ”
“สำนักงานใหญ่ได้รับความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย แต่เราก็ยังไม่ต้องการให้ตำรวจท้องถิ่นได้ผลงานของกองทัพไป จึงยังต้องส่งหลักฐานไปที่สำนักงานในเมือง แล้วผลลัพธ์ก็ออกมาเมื่อคืนนี้”
“มีลายนิ้วมือของเจียงเสวี่ยบนใบเลื่อย และไม่ใช่เพียงหนึ่งรอย แต่มีจำนวนมาก ซึ่งหมายความว่าเธอถือมันไว้มากกว่าหนึ่งครั้ง”
“นอกจากนี้ฝุ่นบนใบเลื่อยและราวบันไดก็ตรงกันด้วย”
เจียงเฉิงเข้าใจทันที นี่คือหลักฐานมัดตัวน้องสาวของเขา หลักฐานชัดเจนว่าเจียงเสวี่ยเลื่อยราวบันไดจริง ๆ
เขาหลับตาลงเพื่อทำใจ
“ครับ ขอบคุณครับเหล่าหลัว”
เหล่าหลัวส่ายศีรษะ พลางบอกว่าไม่เป็นไร
หลังจากเหล่าหลัวออกไป เจียงเฉิงก็หันมองไปชั้นบน
เมื่อเขามาถึง เขาเห็นถังซิ่วอวิ๋นนั่งอยู่บนเก้าอี้ ถือหนังสือเล่มเล็กไว้ในมืออย่างสบาย ๆ
เจียงเฉิงรู้ดีว่านี่คือสมุดบันทึกของเธอ มันเขียนทุกสิ่งที่เธอต้องทำเอาไว้
เมื่อเห็นว่าเขาเข้ามาแล้ว เจียงเสวี่ยหันมองเขาก่อนจะพูดว่า “พี่คะ ทำไมพี่ถึงเพิ่งมา? แล้วผู้หญิงคนนี้จะมาอยู่กับเราเหรอคะ?”
“ห้องข้าง ๆ ยังว่าง ทำไมถึงไม่ให้เธอไปอยู่ที่นั่นล่ะ!”
เจียงเฉิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะหันไปหาเจียงเสวี่ย “เธอคิดว่าครอบครัวของเราควบคุมกองทัพไว้รึไง?”
เจียงเสวี่ยเสียใจและไม่กล้าพูดอะไรอีก เมื่อเห็นว่าพี่ชายกำลังโกรธ
ตอนนี้ถังซิ่วอวิ๋นวางสมุดบันทึกในมือลงก่อนจะหันมองเจียงเฉิง “มีความคืบหน้ายังไงบ้าง?”
เจียงเฉิงพยักหน้าก่อนจะบอกเล่าสิ่งที่เหล่าหลัวพูด
เจียงเสวี่ยตกใจหลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น “อะไรกัน เมื่อวานเหล่าหลัวมาขอให้ฉันประทับลายนิ้วมือ นี่เขาต้องการเอาลายนิ้วมือของฉันไปตรวจสอบจริง ๆ งั้นเหรอ?”
“ทำไมถึงไม่บอกฉันก่อน?”
เจียงเฉิงตะคอกกลับด้วยความโกรธ “แล้วก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกไปแล้วเหรอ? ฉันให้ทางเลือกเธอแล้วว่าจะอยู่หรือตาย หรือเธอคิดจะเผามือของตัวเองเพื่อกำจัดร่องรอย!”
เจียงเสวี่ยเงียบ
เจียงเฉิงกล่าวต่อ “ตอนนี้หลี่ซิ่วหลันยุติการกล่าวหาเจียงหว่านแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจับกุมเธอ เจียงเสวี่ย คิดให้ดีละกัน!”
พูดจบ เขายืนขึ้นก่อนจะพยักหน้าให้ถังซิ่วอวิ๋นก่อนจะจากไป
เจียงเสวี่ยยิ่งหดหู่ใจ
เวลานี้ถังซิ่วอวิ๋นเหลือบมองหญิงสาวก่อนจะเลิกสนใจ แล้วก้มศีรษะลง พลิกสมุดเล่มเล็กในมือต่อไป
แต่ทว่าบนริมฝีปากงดงามนั้นกลับมีรอยยิ้มสนุกสนานปรากฏขึ้น
ภายในห้องคุมขังชั่วคราว หม่าต้านกังวลเมื่อได้ยินข่าวว่าจะมีการปล่อยตัวเจียงหว่าน
ไม่สิ กล่าวตามตรงคือในตอนนี้เขากำลังจะเป็นบ้า
เดิมทีห้องคุมขังกว่าสามสิบห้องนั้นเพียงพอที่จะให้ตำรวจและกองทัพใช้ร่วมกัน
แต่ไม่รู้ว่าช่วงนี้มีเหตุอะไรเกิดขึ้น มีคนถูกจับกุมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลายคนถูกจับเพราะประชาชนแจ้งความ บางคนก็ถูกจับเพราะประชาชนและเจ้าหน้าที่ร่วมมือกัน
แม้คนในสถานคุมขังชั่วคราวไม่ได้มีหน้าที่สอบสวน แต่พวกเขาก็ทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคนเหล่านี้ถูกจับกุมในข้อหาการเล่นพนัน
“ทำไมถึงมีผีพนันถูกจับเยอะขนาดนี้เนี่ย!”
หม่าต้านไม่เข้าใจเลย
การพนันไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนสนใจมากนัก
ในอดีตมีการพูดคุยเกี่ยวกับการพนันอย่างโจ่งแจ้ง คนส่วนใหญ่ก็รู้เรื่องนี้ดีแต่เลือกที่จะนิ่งเฉย ประชาชนไม่ได้สนใจ เจ้าหน้านี้ก็ไม่คิดสอบสวน มันเป็นเช่นนี้เสมอมา
แต่ในตอนนี้กลับมีคนแจ้งความเข้ามามากมาย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมประชาชนถึงได้ตื่นตัวมากขนาดนี้