เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 98 โจวจินหนาน ขอบคุณ
บทที่ 98 โจวจินหนาน ขอบคุณ
ลุงสวี่?!
สวี่จื้อกั๋วมองโจวจินหนานอย่างตะลึงงัน รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?!”
โจวิจหนานยังคงสบงนิ่ง “ลุงสวี่ คุณมีปัญหาอะไรหรือครับ?”
สวี่จื้อกั๋วโมโหแทบตายแล้วจริง ๆ แม้แต่จะพูดจาสักสองสามคำยังยากลำบาก “โจวจินหนาน ในสายตาของเธอไม่ได้มองฉันเป็นพ่อตาเลยใช่ไหม เธออย่าลืมนะว่าเธอแต่งงานกับลูกสาวของฉัน!”
ลุงสวี่ นี่มันต้องเกลียดกันขนาดไหน?
โจวจินหนานมุ่นคิ้ว “ในเมื่อชิงชิงเป็นลูกสาวของคุณ แล้วทำไมคุณถึงเห็นดีเห็นงามกับแผนการร้ายของคนพวกนั้นล่ะครับ หลังจากเกิดเรื่องคราวนั้นคุณก็ไม่ได้ไปล่าตัวคนร้ายเพื่อช่วยแก้แค้นให้หล่อนเลย กลับโยนความผิดมาที่หล่อน! แล้วตอนนี้คุณเอาแต่พูดว่าชิงชิงก่อเรื่องวุ่นวาย คุณเคยถามสาเหตุหรือเปล่าว่าเป็นเพราะอะไร?”
“คุณไม่เคยแม้แต่จะคิด และยังปัดความรับผิดชอบมาไว้ที่ตัวของชิงชิงทั้งหมด คู่ควรที่จะเป็นพ่อคนแล้วหรือครับ?”
เสียงพูดนั้นไม่ดังนัก ทว่าทุกคำพูดกลับเป็นเสมือนคมมีดกรีดลึกเข้ามาในใจของสวี่จื้อกั๋ว
สวี่ชิงที่ยืนอยู่ข้างหลังโจวจินหนานถึงกับตาแดงขึ้นมาทันที
หลังจากเกิดเรื่องน่าอับอายคราวนั้น สวี่จื้อกั๋วกลับคิดว่าเธอไม่รักนวลสงวนตัวถึงได้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
สวี่จื้อกั๋วกระแอมไอมองโจวจินหนาน ท่าทางยังคงแข็งกร้าว “เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะหล่อนหาเรื่องเองหรอกเหรอ ผู้หญิงคนเดียวจะไปทำอะไรที่แม่น้ำหวงเหอ”
โจวจินหนานเลิกคิ้ว “ถ้าผมบอกคุณว่าหล่อนโดนคนชั่วหลอกไปล่ะ”
สวี่จื้อกั๋วตะลึง “จะเป็นไปได้ยังไง ไม่มีใครมีปัญหาจนต้องมาหลอกหล่อน ไม่ใช่ว่าหล่อนนัดเจอโจวจินซวนจนต้องวิ่งแจ้นไปพลอดรักที่แม่น้ำหวงเหอหรือ”
แม้แต่ฟางหลานซินยังบอกแบบนี้กับเขาเป็นการส่วนตัวเลย
สวี่ชิงอดที่จะเอ่ยปากพูดไม่ได้ แต่กลับถูกโจวจินหนานกุมมือขวางเอาไว้ แล้วก็ได้ยินเขาพูด “สิ่งที่ผมพูดมันคือเรื่องจริงทั้งหมด คุณกลับไม่เชื่อ งั้นผมขอถามคุณหน่อย ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพิธีแต่งงานวันนี้?”
สวี่จื้อกั๋วเม้มปากแน่น เรื่องราวพวกนั้นเขาจะกล้าเอ่ยปากออกมันออกมาได้อย่างไร พูดไปแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
โจวจินหนานกลับไม่ปล่อยเขา “ถ้าคุณไม่พูดงั้นผมจะพูดเอง คุณบอกว่าพิธีแต่งงานวันนี้พังเป็นเพราะแผนการสวี่ชิงทั้งหมด! งั้นผมขอถามคุณหน่อย การที่สวี่หรูเยว่ติดตัวสำรองสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เป็นแผนการที่สวี่ชิงวางเอาไว้หรือเปล่า? ตระกูลหลี่เอาอิฐมาใส่กล่องทำเป็นสินสอดนั่น ก็เป็นแผนการของสวี่ชิงเหมือนกันใช่หรือเปล่าครับ?”
พูดจบเขาก็เว้นช่วงไปสักพัก “หรือว่าการที่ฟางหลานซินมีความสัมพันธ์ลับกับคนคนนั้นก็เป็นแผนการของสวี่ชิงด้วยเหมือนกัน? สวี่หรูเยว่เป็นลูกสาวของใคร สวี่ชิงยิ่งไม่มีทางวางแผนเองได้เลย”
ทุกเรื่องที่พูด ทำให้ใบหน้าของสวี่จื้อกั๋วยิ่งดูไม่ได้สองสามส่วน
หลังจากพูดจบ สีหน้าของสวี่จื้อกั๋วก็แทบจะเปลี่ยนเป็นสีเลือดหมู
ใช่ ถ้าเกิดฟางหลานซินไม่ได้เป็นคนทำผิดก่อนหน้านี้ ต่อให้สวี่ชิงอยากวางแผนทำเรื่องทั้งหมด ก็ไม่มีทางลงมือได้
โจวจินหนานก็ไม่รอให้สวี่จื้อกั๋วพูด เอ่ยต่อว่า “ตอนนี้ชิงชิงเป็นภรรยาของผมโจวจินหนานคนนี้ คุณอยากซักไซ้เอาความจากหล่อนก็ดี คุณอยากหาเรื่องหล่อนก็ดี แต่ต้องถามผมโจวจินหนานก่อนว่าจะตอบตกลงหรือเปล่า!”
สวี่ชิงจ้องแผ่นหลังกว้างของโจวจินหนาน จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมันกำลังเขียนคำว่าปลอดภัยสองคำนี้อยู่บนนั้น
น้ำตาก็คล้ายจะกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ คลออยู่ที่ขอบตา เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสถึงความรู้สึกของการมีคนยืนบังหน้าคอยกันแดดกันฝนให้
สวี่จื้อกั๋วจ้องโจวจินหนาน ยืนนิ่งอยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้
ศีรษะก็ลู่ตกลงราวกับไก่ชนพ่ายสนาม
จนกระทั่งสวี่จื้อกั๋วเดินออกไปแล้ว สวี่ชิงจึงกอดเอวโจวจินหนานแล้วร้องไห้สะอื้น ใบหน้า ฝังอยู่กับแผ่นหลังของเขา พูดเสียงอู๋อี้เล็กน้อย “โจวจินหนาน ทำไมคุณถึงดีอย่างนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครแบบนี้กับฉันแบบนี้มาก่อน”
โจวจินหนานเจ็บปวดใจ กุมมือสวี่ชิงไว้ “มีผมอยู่ จะไม่มีใครรังแกคุณได้แน่นอน”
สวี่ชิงฝังหน้ากับแผ่นหลังของเขา น้ำตาเปียกเสื้อเชิ้ตของเขาเป็นวง “ขอบคุณนะคะ โจวจินหนาน”
เพราะสวี่จื้อกั๋วมาผิดเวลาไปหน่อย ทำให้สวี่ชิงต้องต้มเส้นใหม่
หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ก็ขึ้นเตียงงีบหลับกลางวันอย่างยาวนาน
เพราะเมื่อคืนก่อนจำได้ว่าพวกเขาไปตลาดมืดกันมาแล้วยังไม่ได้นอนเลย ดังนั้นสวี่ชิงจึงงีบหลับกลางวันนานหน่อย
พอถึงเวลาตื่นนอนก็ไม่ค่อยรู้วันเวลาเท่าไรนัก แยกไม่ออกเล็กน้อยว่ายังสว่างอยู่หรือเย็นย่ำแล้ว
สมองมึนงงสับสน แสงภายในห้องมืดสนิทไปแล้ว โจวจินหนานลุกขึ้นมานั่งตรงหัวเตียงเงียบ ๆ มือถือไม้ตะโกกับมีด ลูบคลำแล้วแกะสลักทีละนิด ๆ
ตอนอยู่ในห้องนอนเขาไม่ได้ผูกผ้าปิดตาเอาไว้ เปลือกตาลืมขึ้นครึ่งเดียว ทว่าไม่ได้จับภาพตรงหน้า
แสงสีเหลืองจากโคมไฟสาดบนร่างที่นั่งเงียบ ๆ ทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยเหมือนมนุษย์
ทำให้สวี่ชิงคิดถึงประโยคหนึ่ง ‘ดั่งเซียนผู้สันโดษ ดั่งบุปผากลางเมฆหมอก’
คิดจบก็อดพึมพำอย่างมีความสุขไม่ได้ โจวจินหนานเก่งกาจขนาดนี้ ถ้าเป็นเทพองค์หนึ่งก็คงเป็นเทพแห่งสงคราม
ครั้นโจวจินหนานได้ยินเสียง มือก็หยุดการเคลื่อนไหว หลับตาลงอย่างเชื่องช้า “คุณตื่นแล้ว”
สวี่ชิงลุกขึ้นมากอดคอเขาแล้วหอมแก้ม “อืม คุณเริ่มแกะสลักแล้วเหรอคะ ให้ฉันดูหน่อยสิ”
โจวจินหนานยื่นไม้ให้สวี่ชิงดู “ยังไม่ได้เริ่มน่ะ เพราะมองไม่เห็น เลยทำให้แกะช้าลงไปมาก”
สวี่ชิงหยิบไม้ตะโกมา เมื่อกลางวันผิวของไม้ยังเรียบเนียนอยู่ แปบเดียวก็เกิดรอยสลักสองสามรอยแล้ว ยังมีรอยขีดเล็ก ๆ บางแห่ง ดูไม่ออกว่าเป็นอะไร
ถึงอย่างนั้นเธอก็พุ่งเข้าไปหอมแก้มของเขาหลายครั้ง “คุณเก่งจัง เส้นพวกนี้เดาว่าคือผมของฉันใช่ไหมคะ?”
โจวจินหนานยิ้มนิด ๆ เอ่ยปฏิเสธ “ไม่ใช่ เป็นรอยบนหน้า”
สวี่ชิงชะงัก หัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน “หน้าตาของฉัน คนชมยังไม่รู้จะชมตรงไหน”
โจวจินหนานยิ้มและลูบศีรษะเธอ “ลุกไปล้างหน้าเถอะ เมื่อกี้ฉินเสวี่ยเหมยมาหา บอกว่าอีกสักพักจะมาใหม่”
สวี่ชิงอุทานอย่างตกใจ “ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยล่ะ เดาว่าหล่อนน่าจะมีเรื่องจะพูดกับฉันแน่เลย”
จะมีเรื่องอะไรได้ ก็คงเป็นเรื่องฉาวโฉ่ในพิธีแต่งงานของสวี่หรูเยว่น่ะสิ
เธอลุกขึ้นไปล้างหน้าอย่างอารมณ์ดี แล้วก็เห็นพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ก่อนจะคิดว่าคืนนี้จะกินอะไรดี
ในบ้านยังเหลือมันฝรั่งกับเส้น ยังมีผักดอง อย่างนั้นก็ทำเจียวทวน*กินแล้วกัน
เธอเพิ่งล้างหน้าเสร็จ ฉินเสวี่ยเหมยก็นำไอศรีมสามแท่งเข้ามา มองเห็นสวี่ชิงยืนอยู่ในบ้าน ยิ้มแล้วพูดว่า “นอนกลางวันนานเชียวนะ ฉันเลิกงานมาแล้วเธอยังนอนอยู่เลย”
สวี่ชิงยิ้มเขินเล็กน้อย “เมื่อคืนฉันออกไปทำธุระข้างนอกนิดหน่อย กลับมาก็เกือบฟ้าสว่าง ดังนั้นเวลานอนเลยนานไปหน่อย”
พูดไปแล้วก็หยิบไอศกรีมแท่งหนึ่งมาจากมือของฉินเสวี่ยเหมย แล้วเอาเข้าไปให้โจวจินหนานแท่งหนึ่ง
โจวจินหนานกลับไม่กิน เพราะคิดว่านี่เป็นของที่หญิงสาวกับเด็กน้อยชอบกิน
สวี่ชิงเอาไอศกรีมออกมา แล้ววางไอศกรีมที่เกินมาแท่งหนึ่งไว้ในชาม แกะกระดาษห่อไอศกรีมแล้วนั่งกินกันกับฉินเสวี่ยเหมย
ฉินเสวี่ยเหมยกินไปก็พูดไปว่า “วันนี้สวี่หรูเยว่ขายหน้าคนอื่นแล้วจริง ๆ น้องรองของฉันแม้แต่กินยังไม่กิน วิ่งไปฟังพวกเราพูดเรื่องครอบครัวของหล่อน คิดไม่ถึงว่าฉินกุ้ยจือจะกล้าทำเรื่องแบบนั้นได้ แล้วยังมีหวังไก๋ฮวาที่ไปร่วมวงอีกด้วย”
เดิมทีหล่อนคิดจะมาหาสวี่ชิงตั้งแต่กลางวัน แต่ติดว่าต้องไปทำงาน ดังนั้นพอเลิกงานก็รีบตรงดิ่งมาเล่าเรื่องกับสวี่ชิงทันที
สวี่ชิงกินไอศกรีมไปด้วยฟังแล้วก็หัวเราะไปด้วย นึกถึงฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่ถูกตบจนลงไปกองที่พื้นก็รู้สึกสะใจ
ฉินเสวี่ยเหมยหัวเราะเหอะ ๆ “เรื่องก็เป็นเช่นนี้แหละ ฉินกุ้ยจือบอกว่า ถ้าตระกูลสวี่ไม่ยอมแต่งลูกสาว หล่อนจะทำให้ชื่อเสียงของสวี่หรูเยว่เหม็นโฉ่ไปทั้งมณฑล!”
……………………………………………………………………………………………………………………….
*เจียวทวน เป็นอาหารมีถิ่นกำหนดที่มณฑลส่านซี ทำมาจากแป้งกับมันฝรั่งนวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน นึ่งแล้วราดกินกับน้ำมันพริก
สารจากผู้แปล
พี่หนานพูดตรงทุกดอกเลย ตอนนั้นที่เกิดเรื่องกับชิงชิง ทำไมคนเป็นพ่อถึงไม่ช่วยลูก
แต่ก็ฟินกับพี่ไม่สุดเหมือนกันค่ะ เพราะตัวพี่หนานเองก็มีชนักปักหลังอยู่
ไหหม่า(海馬)