เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 95 บอดี้การ์ดของสวี่ชิง
บทที่ 95 บอดี้การ์ดของสวี่ชิง
สวี่ชิงลากจักรยานเดินฝ่าไปในฝูงชน ด้วยกลัวว่าคนเยอะแล้วจะชนโจวจินหนาน เธอจึงคิดหาวิธี “คุณจับไหล่ฉันไว้แบบนี้ จะได้เดินสะดวกหน่อยค่ะ”
โจวจินหนานจับไหล่สวี่ชิง สองคนค่อย ๆ เดินไปตามฝูงชน
เพราะหลายปีก่อนที่นี่เป็นสถานที่ซื้อขายธัญพืชในราคาสูง นอกจากนี้ยังมีเนื้อหรือของป่าล้ำค่าจากบนภูเขาด้วย ทุกคนที่มาซื้อขายของที่นี่ต่างก็กระทำกันอย่างลับ ๆ แม้แต่การต่อราคายังพูดด้วยเสียงที่เบามาก
ดังนั้นจนถึงตอนนี้ คนที่ทำการค้าที่นี่จะพยายามไม่ส่งเสียงพูดแปลก ๆ ออกมา
แม้จะเห็นคนต่อราคากัน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมากนัก คนที่เดินไปมาล้วนมีสีหน้าไร้อารมณ์ ทำให้ที่แห่งนี้ยิ่งตรงกับชื่อตลาดผีเข้าไปใหญ่
สวี่ชิงไม่แน่ใจเหมือนกันว่าควรเอาทองแท่งเหล่านี้ไปขายที่ใด แผงลอยที่วางเรียงรายอยู่นี้ บ้างก็เห็นเขียนเป็นป้ายเล็ก ๆ ว่าสมบัติล้ำค่า เดาว่าน่าจะเป็นพวกวัตถุโบราณอะไรพวกนั้น แล้วก็รับซื้อพวกทองคำด้วยเช่นกัน
เธอกระซิบกับโจวจินหนานเบา ๆ “ด้านหน้าเหมือนจะรับซื้อพวกวัตถุโบราณอยู่นะคะ พวกเราไปดูกันเถอะ”
ทั้งสองเดินไปยังแผงลอยหนึ่งที่ไม่ใหญ่เท่าไรนัก มีชายร่างผอมคนหนึ่งเป็นเจ้าของ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงไฟหรือไม่ที่ทำให้ผิวของเขาออกผิวสีเหลือง ดูราวกับคนป่วยคนหนึ่ง
สวี่ชิงจอดจักรยานดี ๆ ให้โจวจินหนานจับรถเอาไว้ ส่วนเธอก็เดินไปถาม
เธอกดเสียงต่ำถามเบา ๆ “เถ้าแก่ ตอนนี้คุณรับซื้อทองคำยังไงคะ”
เถ้าแกเงยหน้าลืมตามองสวี่ชิงขึ้นลง วาดลงบนมือหนึ่งคำ
สวี่ชิงพอจะมองออกว่าเป็นยี่สิบหยวนต่อหนึ่งกรัม ก็สงสัยเล็กน้อย “ทำไมราคาต่ำแบบนี้ ร้านปกติยังรับตั้งสิบแปด”
เถ้าแก่เห็นสวี่ชิงรู้เรื่องรู้ราว ท่าทางไม่ใช่คนโง่ จึงยืดตัวตรงแล้วขยับเข้ามาถามใกล้ ๆ “คุณมีเท่าไหร่ ถ้ายิ่งบริสุทธิ์ราคาก็จะยิ่งสูง ผมให้คุณเลยยี่สิบสี่!”
สวี่ชิงครุ่นคิดก็คิดไม่ออก แต่ดูเหมือนราคาทองในปีนี้จะราคาต่ำกว่าสามสิบหยวนกระมัง
เธอลังเลเล็กน้อย “ยี่สิบแปดฉันถึงจะขาย รับเงินสดเท่านั้น”
เถ้าแก่มองสวี่ชิงอย่างแปลกใจ “คุณมีเท่าไหร”
สวี่ชิงสะกดสีหน้า “มีสิบกว่ากรัม แต่ฉันไม่ได้เอามาด้วย ถ้าคุณจะซื้อก็ซื้อพรุ่งนี้ตอนเที่ยงครึ่ง เจอกันที่ปากซอยชิงเฟิงประตูหม่าซือชุนจี”
เถ้าแก่มองสวี่ชิง ครุ่นคิดสักพัก “ได้ พรุ่งนี้เที่ยง เงินมาของไป”
สวี่ชิงพยักหน้าเคร่งขรึม “ได้ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
ก่อนจะเดินจากไปเธอก็มองเถ้าแก่คนนั้นแวบหนึ่ง แล้วลากจักรยานพาโจวจินหนานเดินออกไปด้านนอก จนมาถึงที่ที่ไม่มีคนก็กระซิบเสียงเบากับโจวจินหนาน “เดี๋ยวตอนที่พวกเรากลับบ้าน ถ้ามีคนตามเรามา คุณสามารถตรวจสอบได้หรือเปล่าคะ”
โจวจินหนานได้ยินสวี่ชิงกระซิบอย่างระมัดระวัง ก็ยื่นมือไปกอบกุมมือเธอเอาไว้ “คุณวางใจเถอะ มีผมอยู่ไม่มีปัญหาหรอก”
สวี่ชิงรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย “ทำการค้าไม่ควรโอ้อวดว่าตนร่ำรวย แต่เมื่อกี้ฉันอวดไปแล้วว่ามีเงิน ใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง อาจคิดอยากปล้นพวกเรากลางทางก้ได้”
โจวจินหนานพยักหน้า “พวกเขาไม่กล้าหรอก ไปกันเถอะ”
สวี่ชิงพาโจวจินหนานเดินวนรอบบริเวณใกล้ ๆ รอบหนึ่ง ถึงค่อยขี่จักรยานพาโจวจินหนานกลับบ้าน เพื่อความปลอดภัยจึงขับสวนทางกลับบ้านไปอีกทางก่อนสักพัก แล้วจึงอ้อมอีกทางกลับมายังบ้านตน
แล้วก็เป็นไปตามที่สวี่ชิงคาดเดา ก่อนที่พวกเขาจะจากไปนั้น เถ้าแก่ก็ได้จัดคนให้ติดตามพวกเขาลับหลัง
ในตลาดมืดไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ในการซื้อขาย หากคิดจะเล่นไม่ซื่อก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปเพื่อแลกของมา
ผู้ชายสองคนขี่จักรยานตามสวี่ชิง แทบไม่ต้องเปลืองแรงก็ตามทันแล้ว
สวี่ชิงเห็นโดยไม่ยาก เธอถีบจักรยานไปด้วย กระซิบกับโจวจินหนานไปด้วย “เป็นอย่างไรคะ สองคนนั้นน่าจะตามพวกเรามาใช่หรือเปล่า”
โจวจินหนานตบไหล่สวี่ชิง “ไม่ต้องกลัว คุณขับช้าหน่อย รอให้พวกเขาเข้ามาใกล้”
สวี่ชิงชะลอความเร็วอย่างเชื่อฟัง กำมืออย่างตื่นเต้น เตรียมที่จะเพิ่มความเร็วอยู่ได้ทุกเมื่อ
เวลาตีสี่ รอบข้างเงียบสงัด บางครั้งบางคราวก็จะได้เสียงนกฮูกดังแว่วเข้ามาในหูชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง
หลังจากนั้นก็มีจักรยานเลี้ยวตามมาอย่างรวดเร็ว จนได้เสียงยางรถเสียดสีกับพื้นถนนลาดยาง
สวี่ชิงสามารถมองเห็นรถสองคันตรงเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เสียงก็ยิ่งดังมากขึ้น พานให้เธอสะกดความตื่นตระหนกในใจแทบไม่อยู่
และชายสองคนนั้นก็ไม่คิดใส่ใจโจวจินหนานเลยแม้แต่น้อย ตัวสูงใหญ่แล้วอย่างไร ก็แค่คนตาบอดคนหนึ่ง
แถมยังให้ผู้หญิงขี่จักรยานให้อีก เท่านี้แล้วเขาจะสามารถทำสิ่งใดได้อีก
พอเห็นสวี่ชิงขี่ช้าลง พวกเขายังคิดว่าสวี่ชิงหมดแรงแล้ว ก็ยิ่งได้ใจคิดจะพุ่งชนรถของสวี่ชิง
ทว่าในตอนที่กำลังจะเข้าไปชนรถของสวี่ชิงนั้น โจวจินหนานฟังเสียงแล้วกระโจนเข้าไปถีบคนคนหนึ่งจนกระเด็น!
ในเวลาเดียวกันนั้นเขายังยื่นมือไปจับชายอีกคนบนรถด้วย
ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจพร้อมกับเสียงรถจักรยานที่ล้มกระแทกและเสียงครูดพื้นถนน ยิ่งในตอนกลางคืนแบบนี้เสียงนั้นก็ยิ่งฟังดูบาดแหลมกว่ายามปกติ ทำให้สวี่ชิงฟังแล้วยังรู้สึกปวดหูแทน
ชายคนที่โดนถีบคู้ตัวกอดเข่าตัวเองไม่สามารถลุกยืนได้
ส่วนคนที่โดนโจวจินหนานจับเอาไว้นั้นยังคงไม่รู้ตัวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น กำปั้นหนึ่งก็ลอยมาปะทะจมูกเขาโดยตรง
จนได้ยินเสียงดังพลั่ก ชายหนุ่มจึงร้องโอดโอย ดวงตาพลันมืดสนิท ร่างที่ยังไม่ได้ลงจากรถก็ล้มลงไปด้วยกันทั้งรถทั้งคน
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก สวี่ชิงสัมผัสจากเสียงคิดจะหยุดรถเข้าไปช่วยเหลือ แต่หันกลับมาก็เห็นชายหนุ่มสองคนนอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้นแล้ว
โจวจินหนานกลับยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ ทั่งทั้งร่างแผ่ไอสังหารเย็นเฉียบอย่างน่าเกรงขาม
สวี่ชิงตกตะลึงอยู่สักพักก็รีบจอดรถดี ๆ แล้ววิ่งไปยืนอยู่ข้างโจวจินหนาน มองคนที่กุมเข่าตัวเองร้องโอดโอยไม่หยุดคนนั้น “ใครให้พวกแกมา”
ชายหนุ่มร้องไปด้วยส่ายหน้าไปด้วย “ไม่มีใครทั้งนั้น ๆ พวกเราแค่ผ่านทางมา”
สวี่ชิงแค่นหัวเราะเหอะอย่างเย็นชา “แกเห็นเราเป็นคนโง่เหรอ กลับไปบอกเถ้าแก่ของพวกแกว่าถ้าอยากซื้อของพวกเราจริง ๆ พรุ่งนี้เที่ยงพวกเราค่อยไปพูดกันที่หน้าประตูร้าน! ถ้าเขาไม่มาก็อย่าคิดว่าจะมุดหัวอยู่ในเมืองนี้ได้อีกเลย!”
เสียงใสกระจ่าง ทว่ากลับกดดันคนให้พานรู้สึกหนาวเหน็บได้ไม่ยากเย็น ทำให้ทั้งสองเริ่มเดาสถานะของสวี่ชิงไม่ออก
แถมชายตาบอดข้างกายหล่อนแม่งก็เก่งฉิบหาย
สวี่ชิงสั่งสอนชายสองคนนั้น หมุนตัวแล้วจับมือโจวจินหนาน “ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
โจวจินหนานส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
สวี่ชิงเห็นว่าจะเป็นห่วงเป็นใยโจวจินหนานกลางถนนแบบนี้ก็ดูจะไม่เหมาะ จึงดึงมือเขา “ได้ กลับกันก่อนเถอะค่ะ”
โดยไม่สนใจคนที่นอนร้องครวญครางสองคนนั้น ก็ขี่จักรยานพาโจวจินหนานจากไป
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคนตามมาแล้ว โจวจินหนานก็ถามอย่างสงสัย “จริง ๆ แล้วเราขายทองที่ห้างร้านโดยตรงเลยก็ได้นี่ ทำไม่ต้องไปขายที่ตลาดมืดด้วย?”
เพราะไม่ค่อยถูกกฎหมายนัก คนดีชั่วอะไรก็มีทั้งหมด
สวี่ชิงยิ้มแล้วอธิบายให้โจวจินหนานฟัง “เพราะว่าราคาตลาดมืดดีน่ะสิคะ อีกทั้งมีคุณอยู่ฉันก็ไม่กลัวแล้ว ถ้าไปขายที่ห้างร้านหนึ่งกรัมอย่างน้อยก็ให้แค่ห้าหกหยวน ไม่สมเหตุสมผลเกินไปแล้ว”
เว้นช่วงสักพักก็พูดขึ้นอีก “คนที่รับซื้อจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ไม่แน่หลังจากนี้อาจได้ใช้ประโยนช์จากเขาอีกก็ได้”
โจวจินหนานคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่ายังจะมีประโยชน์อะไรอีก
ในสายตาของเขาแล้วคนพวกนั้นเป็นพวกนอกกฎหมาย ควรจับเข้าคุกถึงจะถูก
สวี่ชิงกลับคิดว่าหากอยากทำธุรกิจที่สถานีรถไฟ ก็ต้องเรียกใช้อันธพาลพวกนั้นด้วย
ค่าคุ้มครองสิ่งของเหล่านี้นั้น ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ขาดไม่ได้
เมื่อขี่จักรยานมาถึงบ้าน ฟ้าก็สว่างแล้ว สวี่ชิงไม่มีเวลาให้พักผ่อน ล้างหน้าอย่างเร่งรีบ “วันนี้สวี่หรูเยว่แต่งงานน่ะค่ะ ฉันจะไปดูเสียหน่อย!”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ถ้าพี่หนานรู้ความคิดของน้องชิงแล้วจะห้ามไหมเนี่ย กลโกงแพรวพราวขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)