เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 93 พวกนายเคยคิดถึงผลลัพธ์หลังจากสวี่ชิงรู้เรื่องหรือเปล่า
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 93 พวกนายเคยคิดถึงผลลัพธ์หลังจากสวี่ชิงรู้เรื่องหรือเปล่า
บทที่ 93 พวกนายเคยคิดถึงผลลัพธ์หลังจากสวี่ชิงรู้เรื่องหรือเปล่า?
สวี่ชิงแปลกใจ ไม่ใช่เขาเคยบอกว่าอีกสองวันจะมาหรือ ทำไมพอถึงวันนี้ก็มาแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ส่งยิ้มอย่างเป็นกันเอง “พวกคุณมาแล้วหรือ ยังไม่ได้กินข้าวเช้ากันใช่ไหม เดี๋ยวฉันจะรีบไปทำนะ”
เกาจ้านเอ่ยขัด “ไม่ต้องหรอกน้องสะใภ้ พวกเราออกไปกินด้วยกันข้างนอกเถอะ”
เหอเหลียงผิงยิ้มทักทายสวี่ชิง “น้องสะใภ้สวัสดีครับ ตอนที่พวกคุณแต่งงานผมไปเยี่ยมญาติพอดี ก็ยังไม่ได้มา”
ซูโม่กลับมองสวี่ชิงด้วยสีหน้าละอายใจ “น้องสะใภ้ ฉันไม่ดีเอง ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน พี่ใหญ่โจวก็คงไม่โดนพิษ ไม่อย่างนั้น….”
เกาจ้านรีบตัดบท “โจวจินหนานยังไม่ตื่นอีกเหรอ ทำไมพอแต่งงานแล้วกลับกลายเป็นคนขี้เกียจแบบนี้ ก่อนหน้านี้ต่อให้ฝนตกพายุเข้ามันก็ต้องออกไปวิ่งห้ากิโลขึ้นไปแล้ว”
สวี่ชิงมองซูโม่ด้วยความแปลกใจ พลางคิดว่าหล่อนคงรู้สึกผิดที่โจวจินหนานต้องถูกพิษเพราะช่วยเหลือหล่อน แล้วยังมีประโยคสุดท้ายที่คลุมเครือนั่นอีก…ซึ่งสวี่ชิงคิดไปว่าประโยคเต็มคงจะเป็น ‘ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตาบอด’
ยังดีที่เกาจ้านตัดบทไปก่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
เนื่องจากเรื่องของพวกเขานั้นเป็นเรื่องระหว่างสหายร่วมรบ เธอก็ไม่สะดวกที่จะแสดงความคิดเห็น
โจวจินหนานค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องนอน เม้มริมฝีปากจนดูเคร่งขรืม
สวี่ชิงเดินเข้าไปตบมือเขา “มีแขกมาแล้วคุณอย่าทำหน้าขรึมนักสิคะ พี่ใหญ่เกาบอกว่าจะออกไปกินข้าวข้างนอก แต่ฉันคิดว่ากินที่บ้านก็ไม่สิ้นเปลื้องดี”
โจวจินหนานปฏิเสธ “ออกไปกินข้างนอกเถอะ พวกเขากินได้หมด”
เหอเหลียงผิงโอดครวญ “เหล่าโจวเป็นหวงน้องสะใภ้จริงๆ น้องสะใภ้ พวกเราออกไปหาอะไรกินเถอะ ไม่งั้นกลับไปแล้วเหล่าโจวจะคิดบัญชีกับพวกเราได้”
สวี่ชิงเองก็ไม่ได้ดื้อดึง “งั้นก็ได้ค่ะ รอฉันเปลี่ยนชุดสักแปบนะคะ จินหนาน คุณก็รีบล้างหน้าแปรงฟันได้แล้ว”
รอสวี่ชิงเข้าห้องไปแล้ว เกาจ้านถึงจ้องตาซูโม่ กดเสียงต่ำ “เธอจะทำอะไร ก่อนหน้านี้ฉันบอกอะไรกับเธอจำไม่ได้หรือ”
ซูโม่กัดริมฝีปากล่าง “แต่ว่า…”
เหอเหลียงผิงตัดบท “ไม่มีแต่ว่าแล้ว เธอไม่เห็นเหรอว่าเหล่าโจวสบายดีขนาดไหน น้องสะใภ้คนนั้นก็ดีมากด้วย”
เรื่องบางเรื่องไม่ควรพูดถึงอีกเลยไปตลอดชีวิตจะดีที่สุด
โจวจินหนานกลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น จนเกาจ้านพาเขาไปล้างหน้า
สวี่ชิงเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วนำของที่วางกลางห้องลากไปไว้ใต้เตียง นำห่อเครื่องประดับออกมาก่อนครุ่นคิดสักพัก แล้วก็ยัดเข้าไปในช่องของปล่องไฟสำหรับใช้ในหน้าหนาว
ในตอนนี้ยังไม่ต้องใช้ปล่องไฟ ตรงช่องระบายควันก็เอากระดาษยัดเอาไว้
สวี่ชิงนำของยัดเข้าไปข้างในแล้วก็นำหนังสือพิมพ์ทับไว้อีกชั้น
เมื่อพอใจแล้วเดินออกมายิ้มให้ทุกคน “พวกคุณรออีกสักเดี๋ยวนะคะ ฉันขอล้างมือก่อน”
พวกเขาไปกินอาหารเช้าที่โรงอาหารรวมของทางการตึกใกล้ ๆ โรงอาหารมีขนาดใหญ่มาก ภายในมีโต๊ะวางเรียงรายกันหลายสิบตัว
เกาจ้านไปสั่งซาลาเปา ปาท่องโก๋ และก็เต้าฮวย
เหอเหลียงผิงพูดเก่งมาก เขาพูดอย่างสนิทสนมกับสวี่ชิง “ชื่อนี้ของผมพอเขียนออกมาแล้วดูมีอารยธรรมมาก แต่พออ่านออกมากลับไม่ค่อยฟังดูดีนัก ตอนผมเพิ่งไปทางใต้มีเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนภาคใต้ บอกให้ผมดื่มสองขวด* จากนั้นฉายานี้ก็ถูกลือกันไปทั่วแล้ว”
*何良平เหอเหลียงผิง ชื่อของเขาคล้องจองกันคำว่า 喝两瓶ภาษาจีนแปลว่า ดื่มสองขวด
สวี่ชิงอดขำไม่ได้ ส่วนเหอเหลียงผิงถอนหายใจแล้วเอ่ยต่อ “หลังจากนั้นคนบางคนก็คิดว่าผมคอแข็ง พอถึงเวลาก็มีหลายคนที่เห็นผมแล้วก็พูดว่า เฮ้ย ไปกัน เอาไปดื่มสองขวด”
สวี่ชิงหัวเราะออกมา คิดว่าคนคนนี้น่าสนใจจริง ๆ
ส่วนซูโม่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ราวกับว่าอารมณ์ไม่ดี
หลังจากกินข้าวเข้าเสร็จทั้งหมดก็กลับมาที่บ้านหลังเล็ก สวี่ชิงต้มชาให้แล้วยังไปซื้อแตงโมกลับมาหั่น ให้พวกเขาพูดคุยกัน ส่วนเธอไปจุดไฟทำกับข้าวในครัว
ซูโม่นั่งอยู่ด้านนอกสักพัก ก็มาพูดคุยกับสวี่ชิงในครัว “คุณใข้หม้อใหญ่ขนาดนี้ทำอะไรหรือคะ”
สวี่ชิงยิ้ม ๆ “ทำธุรกิจน่ะ ฉันกำลังออกไปซื้อของมาเตรียมทำหลู่เว่ยเสียหน่อย”
ซูโม่มุ่นคิ้ว “ถ้าคุณออกไปแล้วพี่ใหญ่โจวจะทำยังไงล่ะคะ”
สวี่ชิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ฉันก็พาเขาไปด้วยน่ะสิ ฉันไม่ทำให้เขาหิวหรอกนะ”
ซูโม่ครุ่นคิดสักพัก “คุณเต็มใจที่จะแต่งงานกับพี่ใหญ่โจวจริง ๆ ใช่ไหมคะ”
สวี่ชิงหยุดมือที่กำลังจับหม้ออยู่ แล้วหันกายมาทางซูโม่ “แน่นอนว่าใช่ คุณมีอะไรอยากจะพูดเหรอ”
เพราะถูกเกาจ้านเตือนไปก่อนหน้านี้ หล่อนจึงรีบส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ ฉันแค่คิดว่าคุณสวยมาก ทำไมถึงยอมแต่งงานกับคนพิการคนหนึ่ง ฉันพูดอย่างนี้คุณอย่าเพิ่งโกรธนะคะ เพราะพี่ใหญ่โจวเคยไปหาหมอมาแล้วหลายคน ทุกคนต่างก็พูดว่าดวงตาของเขาไม่มีทางรักษาให้หายแล้ว”
สวี่ชิงมองลึกเข้าไปในดวงตาของซูโม่ “ความสัมพันธ์ของพวกคุณสองสามคนนี้ดีมากเลยอย่างนั้นเหรอคะ”
ซูโม่พยักหน้า “เพราะว่าฉันเป็นสหายหญิงเพียงคนเดียวในกอง พวกเขาจึงดูแลฉันดีมาก”
สวี่ชิงพูดอ้อขึ้นมาเสียงหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นคุณก็น่าจะรู้จักโจวจินหนานดีมากเลยสินะคะ ถึงแม้ว่าเขาจะตาบอด แต่เขาก็ยังเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมากกว่าผู้ชายหลายคน แต่ว่าฉันนอกจากความสวยแล้วก็ไม่มีตรงไหนดีอีก ถ้าเขาไม่ตาบอดก็คงไม่มีทางแต่งงานกับฉันอย่างนั้นเหรอ”
ซูโม่มองสวี่ชิงด้วยความตกใจเล็ก ๆ คำพูดของหล่อนกลับไม่มีใครเถียงชนะหล่อนได้เลย!
ทั้งยังสามารถโอ้อวดตัวเองได้อีกด้วย!
ซูโม่ตกใจแล้ว อยู่ ๆ ก็ยกยิ้มขึ้นมา “คุณคิดแบบนี้ พวกเราก็วางใจค่ะ พี่ใหญ่โจวดีมาก ๆ”
พูดจบก็ยิ้มแล้วหมุนกายออกไป
สวี่ชิงสับสนเล็กน้อย เหตุใดจู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนซูโม่กำลังทดสอบลูกสะใภ้ของลูกชายตัวเองอยู่กันนะ?
หลังให้ความร้อนจนหม้อร้อนแดงเธอก็ไม่คิดอะไรเยอะแยะอีก เทน้ำลงไปกวนทัพพีหนึ่ง หลังจากน้ำแห้งก็ทาไขแกะที่ซื้อกลับมาระหว่างทางลงไป
ทำแบบนี้ซ้ำอีกสองสามครั้ง หม้อก็ไม่ขึ้นสนิมง่าย ๆ แล้ว
มื้อเที่ยงก็ยังคงกินข้างนอก โจวจินหนานไม่อยากให้สวี่ชิงทำกับข้าว เพราะอากาศกำลังร้อนอบอ้าวที่สุด แถมห้องครัวก็เล็กและระบายความร้อนได้ไม่ดี
ทำกับข้าวมื้อหนึ่งก็เหมือนอาบน้ำใหม่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนเหล่านี้ที่กินข้าวทีเหมือนห่าลง
เดินไม่ไกลนักเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางนี้เอง
สวี่ชิงนั่งข้าง ๆ โจวจินหนาน ฟังพวกเขาคุยเรื่องที่เคยร่วมรบกันมาด้วยความตื่นเต้น
ในตอนที่กำลังตื่นเต้นสุดขีดนั้น เกาจ้านและเหอเหลียงผิงก็ไม่อาจหยุดคำด่า อารมณ์ก็ยิ่งคึกคัก
สวี่ชิงฟังไปด้วยพลางมองออกนอกหน้าต่างไปด้วย แล้วก็เห็นหวังไก๋ฮวาเดินมาด้วยกันกับผู้หญิงคนหนึ่ง จึงนึกขึ้นได้ว่ามะรืนนี้ก็เป็นวันแต่งงานของสวี่หรูเยว่แล้ว เธอไม่อาจปล่อยให้หล่อนแต่งงานออกไปอย่างมีความสุขได้
เธอจึงพูดกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูโจวจินหนาน “ฉันขอไปเข้าห้องน้ำนะคะ เดี๋ยวสักพักจะกลับมา”
จากนั้นก็ยิ้มให้กับพวกเกาจ้านสามคน แล้ววิ่งไปหาหวังไก๋ฮวา
จนกระทั่งสวี่ชิงเดินไป เหอเหลียงผิงก็ถอนหายใจ “เหล่าโจว โชคดีจริง ๆ ที่มีภรรยาที่ดีแบบนี้”
ซูโม่มุ่นคิ้ว “พวกนายหลอกลวงการแต่งงานนี้! พวกนายเคยกลัวบ้างไหมว่าถ้าเกิดสวี่ชิงรู้ความจริงขึ้นมาแล้วจะมาคิดบัญชีกับพวกนายน่ะ”
เสียงนั้นเบามาก ทว่าทั้งสามคนกลับได้ยินอย่างชัดเจน
เกาจ้านจ้องตาซูโม่ “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฉันเคยบอกกับเธอเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของเรื่องนี้แล้วไม่ใช่เหรอไง เธอช่วยเหยียบไว้ให้มิดได้หรือเปล่า”
ซูโม่ชักสีหน้า “ฉันทำไม่ได้ เพราะฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ฉันรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นการทำร้ายหล่อน”
เหอเหลียงผิงหันหน้าไปทางซูโม่ด้วยความโมโห “ทำไมเธอถึงเถรตรงแบบนี้! เธอไม่เห็นเหรอว่าน้องสะใภ้มีความสุขมากแค่ไหน เรื่องนี้มีแค่พวกเราสี่คนที่รู้ ขอเพียงไม่พูดออกไป ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีใครรู้ได้อีก เหล่าโจวกับสวี่ชิงจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ไม่ดีหรือไง?”
ซูโม่ยังคงไม่ยอม “พวกนายเคยคิดถึงผลลัพธ์หลังจากสวี่ชิงรู้เรื่องหรือเปล่า?”
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าชิงชิงรู้ว่าบรรดาสหายเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเสียตัวครั้งแรกของตัวเองแล้วจะทำยังไง เป็นเรื่องที่จะคายก็ไม่ได้ จะกลืนก็ลำบากจริงๆ
ไหหม่า(海馬)