เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 92 ถ้าท่านยังอยู่ จะต้องรักฉันมากแน่
บทที่ 92 ถ้าท่านยังอยู่ จะต้องรักฉันมากแน่
ฟางหลานซินจ้องกระเป๋าหนังสีดำไม่วางตา มองพวกเกาจ้านค่อย ๆ ขุดดึงมันออกมา
ตอนที่เย่หนานเสียชีวิต หล่อนได้นำกระเป๋ามาซ่อนเอาไว้ก่อนแล้ว ต่อมาสวี่จื้อกั๋วยังเคยมาหาเพื่อจัดการงานศพของเย่หนาน แต่ที่บ้านก็โดนปล้นไปแล้ว
เริ่มแรกเป็นเพราะว่าสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ดี ทั้งประเทศต่างก็ลำบากยากเข็ญ พอเห็นเครื่องประดับล้ำค่ามากมายขนาดนี้ก็ต้องส่งมอบให้กับทางการ
ต่อมาบ้านเมืองวุ่นวายนับสิบปี ฟางหลานซินเห็นเฟิงซูฮวาถูกปฏิบัติอย่างไรในยุคปฎิวัติ หล่อนก็ยิ่งไม่กล้าเอาของออกมา
สองสามปีมานี้สถานการณ์เริ่มสงบ แต่เงินในมือของประชาชนก็มีไม่มาก อีกทั้งฟางหลานซินก็ยังหาโอกาสดี ๆ ไม่ได้เช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าสวี่ชิงมาหาเรื่องหล่อนแบบนั้น ไม่ใช่เพราะสวี่หรูเยว่ไม่มีเครื่องประดับชุดแต่งงานล่ะก็ ฟางหลานซินก็ไม่คิดจะขุดสิ่งของเหล่านี้ออกมาหรอก
แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร หล่อนก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ถูกสวี่ชิงล่วงรู้ได้อย่างไร!
สวี่ชิงมองกระเป๋าที่มีสภาพเละเทะเล็กน้อย หัวใจก็ถูกบีบรัด ในนี้ไม่เพียงแต่มีสมบัติที่แม่แท้ ๆ ของเธอทิ้งเอาไว้ บางทีมันอาจเป็นตัวไขปริศนาการตายของเย่หนานก็เป็นได้
เกาจ้านยื่นมือรับกระเป๋าขึ้นมา ซึ่งหูจับของมันแหลกคามือทันทีที่ถูกยกขึ้น แถมสลักกลอนทองแดงยังขึ้นสนิมหมดแล้ว
เขาหันหน้ามาหาสวี่ชิง “เอากลับไปแล้วค่อยเปิดดีไหม”
สวี่ชิงพยักหน้า “ค่ะ เอากลับไปก่อน”
ฟางหลานซินกลับไม่ยอม หล่อนกรีดร้อง “สวี่ชิง! แกเอาไปไม่ได้นะ!”
สวี่ชิงหยุดฝีเท้า หยิบไฟฉายส่องหน้าฟางหลานซิน ทำให้หล่อนลืมตาไม่ขึ้น แล้วจึงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ฉันเอาไปไม่ได้ หรือว่าต้องทิ้งไว้ให้คุณเหรอ”
ฟางหลานซินดิ้นรนต่อสู้ “แกเอาไปไม่ได้ ในนั้นมีของของฉันอยู่”
สวี่ชิงแค่นเสียงหึ คร้านจะพูดไร้สาระกับฟางหลานซิน เธอเรียกเกาจ้าน “พี่ใหญ่เกา รบกวนคุณช่วยขนขึ้นรถให้หน่อยนะคะ”
เธอเดินคล้องแขนโจวจินหนานเดินออกไปข้างนอก
เกาจ้านสั่งชายหนุ่มคนหนึ่ง รอจนกระทั่งพวกเขาจากไปแล้วถึงค่อยปล่อยฟางหลานซิน
สวี่ชิงตื่นเต้นมาตลอดทั้งทาง เธอเองก็อยากรู้ว่าข้างในกระเป๋านั้นมีอะไร
พอถึงบ้าน เกาจ้านก็ช่วยถือกระเป๋าเข้าบ้าน แต่ตัวเองไม่ได้อยู่ต่อ “นี่ก็ดึกแล้วพวกเธอค่อย ๆ ดูไปเถอะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะมาหา”
สวี่ชิงเดินไปส่งเกาจ้าน ก่อนล็อคประตูบ้านให้เรียบร้อย ถึงค่อยเดินกลับเข้าบ้าน ถามโจวจินหนานที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย “คุณคิดว่าในกล่องเป็นอะไรหรือคะ คิดว่าจะมีของที่รับรองตัวตนของแม่ฉันหรือเปล่า”
ถ้ามีจริง เธอก็อยากลองตามหาเย่หนานดู อยากรู้ว่าท้ายที่สุดหล่อนจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
โจวจินหนานส่ายหน้า “คุณเปิดดูก็รู้แล้ว”
สวี่ชิงนั่งยอง ๆ พิจารณากระเป๋าที่อยู่บนพื้น พื้นหนังกระเป๋าลอกเละหมดแล้ว แต่โครงไม้ไผ่ข้างในยังมีสภาพดีอยู่ เดาว่าของในนั้นน่าจะไม่หนักมาก จึงยังถือหิ้วมาได้
เธอออกไปหาอิฐครึ่งก้อนกลับมา ก่อนทุบตรงกลอนที่ขึ้นสนิม พอเปิดกล่องแล้วก็มีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมา ไม่ใช่กลิ่นที่พิสมัยนัก
สวี่ชิงรีบย้ายกระเป๋าออกไป “พวกเราเอาไปดูข้างนอกเถอะค่ะ”
เธอนำกระเป๋าออกมาที่ลานหน้าบ้านและถือไฟฉายมาส่อง ในมีชุดสีแดงปักดิ้นเงินชุดหนึ่ง รูปแบบค่อนข้างแปลก คล้ายกับชุดของชนกลุ่มน้อยเผ่าหนึ่ง
มีหนังสือสองเล่ม ล้วนเป็นบทกวีที่เขียนด้วยอักษรตัวเล็กๆ
จากนั้นมีห่อผ้าสีเหลือง ภายในมีสร้อยทองกำไลทอง ยังมีทองอีกสามแท่งกับกำไลหยกปิ่นหยก ลวดลายของปิ่นหยกดูค่อนข้างแปลกตา คล้ายดอกไม้แต่ก็ไม่ใช่ดอกไม้
สวี่ชิงครุ่นคิดสักพัก ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ในนี้มีของไม่มาก แต่ของต่าง ๆ กลับมีมูลค่ามาก
แผ่นทองคำแผ่นหนึ่งสลักคำอวยพรชีวิตยืนยาว ด้านหนึ่งสลักคำว่าชิงชิง
คำว่า ชิงชิง สองคำนี้เห็นได้ชัดว่าใช้มีดสลักลงไปในภายหลัง
สวี่ชิงลูบอักษรบนนั้น ดวงตารู้สึกแสบร้อนขึ้นมา คิดไปว่าตอนที่แม่ของเธอสลักสองคำนี้นั้น จะต้องเต็มไปด้วยความรักและอบอุ่นเป็นแน่
เธอค่อย ๆ เก็บของให้เรียบร้อยแล้วย้ายเข้ามาในบ้าน ไปล้างมือล้างหน้าเข้าห้อง แล้วเปลี่ยนชุดขึ้นเตียงโดยไม่ส่งเสียงใด ๆ สักคำ
โจวจินหนานนั่งอยู่บนเตียงมาโดยตลอด ได้ยินเพียงเสียงสวี่ชิงรื้อของมาจากด้านนอก บ้างก็เป็นเสียงของกระทบกันดังเคร้ง ทว่าจู่ ๆ เธอก็ปีนขึ้นเตียงโดยไม่พูดไม่จาสักคำ เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจของเธอไม่ค่อยดีเท่าไร
เขาคลำถอดเสื้อวางบนเตียง หันหน้าไปหาสวี่ชิงที่อยู่ข้างกาย ยื่นมือโอบไหล่เธอ “เป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
สวี่ชิงหันหลังให้เขา สูดจมูกพูดเสียงอู้อี้ “ไม่มีค่ะ”
โจวจินหนานไม่รู้ว่าจะปลอบใจคนอย่างไร ทำเพียงยื่นมือไปกุมมือของสวี่ชิง ลูบไล้นิ้วของเธอเบา ๆ ในใจคิดว่าควรปลอบอย่างไรดี หรือว่าควรลองถามดู
จู่ ๆ สวี่ชิงก็หมุนตัวกลับมา ยกมือกอดคอโจวจินหนาน ใบหน้าฝังอยู่คอของเขา “แม่ของฉันไม่เหลืออะไรทิ้งไว้เลย ไม่เหลือกระทั่งอักษรสักตัว แค่มีแผ่นทองอันหนึ่งที่บนนั้นเขียนชื่อของฉัน จะต้องเป็นแม่ของฉันที่สลักลงไปเอง คุณว่าถ้าหล่อนยังอยู่ หล่อนจะต้องรักฉันมากแน่ๆ ใช่ไหมคะ”
โจวจินหนานไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร ลูบแผ่นหลังของเธอเบา ๆ
สวี่ชิงสูดจมูก “ถ้าหล่อนยังไม่ตาย แล้วทำไมหล่อนถึงไม่กลับมาหาฉันคะ”
โจวจินหนานคิด “หล่อนอาจจะมีเรื่องอะไรบางอย่างติดพันอยู่ก็ได้”
สวี่ชิงถูใบหน้ากับซอกคอของโจวจินหนาน เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา ช่วงเวลาที่เธอกุมแผ่นทองแผ่นนั้นเอาไว้ ยังมีความรู้สึกบางอย่างร่วมกันอย่างหนึ่ง
มันคือประสบการณ์การสูญเสียลูกน้อยคนนั้น ถ้าเขายังอยู่ เธอจะเลี้ยงดูให้เขาเติบโตไปอย่างดีแน่นอน
เด็กน้อยอยู่ในท้องของเธอรวมหกเดือน แม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน เธอก็ยังจำความรู้สึกที่มีเด็กคนหนึ่งดิ้นอยู่ในท้องตัวเองได้อย่างชัดเจน
คิดถึงตรงนี้สวี่ชิงก็สูดน้ำมูก “จินหนาน ถ้าหลังจากนั้นพวกเรามีลูกแล้ว ไม่ว่าจะยังไงฉันก็จะปกป้องเขาให้ดี”
ในชาตินี้ ไม่ว่าอย่างไรหล่อนจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเขาอีก
โจวจินหนานโอบหลังเธอคล้ายกับกำลังปลอบโยนเด็กน้อยคนหนึ่ง “อืม ผมก็จะปกป้องพวกคุณสองแม่ลูกอย่างดีเช่นกัน ไม่ให้ใครมารังแกพวกคุณได้”
สวี่ชิงเบะปาก เงยหน้าจูบคางโจวจินหนาน “คุณจำคำพูดของคุณไว้ด้วยนะคะ”
“อืม” โจวจินหนานรับอืมคำหนึ่ง ก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากเธอ
เดิมทีเขาแค่ต้องการสัมผัสเบา ๆ ทว่าสวี่ชิงไม่คลายมือง่าย ๆ และยังครางอย่างออดอ้อน
ความรู้สึกทั้งหมดจึงพังทลายลงด้วยบทเพลงรักในค่ำคืนนี้
พอถึงรุ่งสาง สวี่ชิงก็ได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากข้างนอก เอวบอบบางยังปวดระบมไม่หาย ทำไมเธอต้องท้าทายโจวจินหนานอีกแล้ว
หลังแต่งงานได้ไม่กี่วัน ไม่มีวันไหนได้พักผ่อนเลยสักวัน!
โจวจินหนานเห็นสวี่ชิงขยับ ก็อ่านสถาณการณ์ออก ยื่นมือช่วยสวี่ชิงนวดเอวทันที “ต่อไปผมจะควบคุมตัวเอง เอาเป็นว่าเช้านี้ไม่ต้องทำกับข้าวแล้วออกไปกินแทนดีไหมครับ”
สวี่ชิงไม่ยอม “ให้ฉันทำเถอะค่ะ ออกไปเสียเงินกินไม่ว่า รสชาติยังไม่อร่อยเท่าฉันทำอีก”
เธอครางขณะให้โจวจินหนานนวดเอวสักพัก ก่อนลุกขึ้นมาด้วยสติที่แจ่มใสขึ้น
หลังนำกระโถนออกไปเททิ้งก่อนล้างให้สะอาดแล้ววางไว้ที่มุมผนังถึงค่อยเริ่มล้างหน้า แล้วเตรียมทำกับข้าว
สวี่ชิงกำลังจะเตรียมทำเส้น เกาจ้านก็พาผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา
ผู้ชายดูผอมไปหน่อย ส่วนสูงก็เตี้ยกว่าเกาจ้านและโจวจินหนาน หน้าตาขาวสะอาด ฟันขาวปากแดง
ส่วนผู้หญิงอีกคนมีอายุอานามประมาณยี่สิบห้าหรือหก ผิวสีน้ำผึ้ง ดวงตาดูองอาจ
เกาจ้านยิ้มแล้วแนะนำ “น้องสะใภ้ นี่คือเหอเหลียงผิงกับซูโม่”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หรือว่าเย่หนานยังไม่ตาย แต่มีเหตุที่ต้องซ่อนตัวจากลูกกันนะ
ไหหม่า(海馬)