เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 87 โจวจินหนานเริ่มสงสัย
บทที่ 87 โจวจินหนานเริ่มสงสัย
สวี่ชิงยังไม่ทันคิดวิธีดี ๆ ออก เธอก็มาถึงสถานีรถไฟแล้ว
พอไปจอดรถในที่จอดรถเสร็จก็พาโจวจินหนานไปหาผู้อำนวยการอ้วน จนถึงตอนนี้หล่อนยังไม่เคยถามผู้อำนวยการอ้วนเลยว่าเขาชื่ออะไร
ระหว่างเดินก็แนะนำสภาพแวดล้อมของสถานีรถไฟให้โจวจินหนานฟังไปด้วย “ด้านขวาเป็นลานกว้างค่ะ มีหลายคนเข็นรถมาขายไอศครีม แตงโมแล้วก็ยังมีของเล่นด้วย”
“แล้วก็มีขายซาลาเปาด้วย คุณอยากกินไหมคะ”
โจวจินหนานได้ยินสิ่งของที่สวี่ชิงพูดทุกอย่าง น้ำเสียงของเธอล้วนมีความรู้สึกยินดีแล้วก็ดีใจ สดใสเสียจนเขาอดยิ้มไม่ได้ “ไม่กินครับ ผมอิ่มแล้ว”
สวี่ชิงพูดอืมเสียงหนึ่ง “แต่ฉันว่าซาลาเปานั่นไม่อร่อยเท่าที่ฉันทำหรอก เย็นนี้ฉันก็จะทำให้คุณกินเหมือนกันดีไหมคะ”
โจวจินหนานพยักหน้า “ดี”
ทั้งสองพูดเรื่อยเปื่อยค่อย ๆ เดินช้า ๆ จนมาถึงห้องทำงานของผู้อำนวยการอ้วน
ห้องผู้อำนวยการอ้วนยังมีหนุ่มวัยรุ่นอยู่ด้วยคนหนึ่ง เมื่อเห็นคนมาก็ยิ้มหัวเราะแล้วบอกผู้อำนวยการอ้วน “ผู้อำนวยการลี่ เรื่องนี้ต้องรบกวนคุณแล้วนะครับ”
ผู้อำนวยการอ้วนยิ้มแล้วเบี่ยงประเด็น “วางใจได้ ถ้ามีตรงไหนที่ฉันพอจะช่วยได้ต้องช่วยเธออย่างแน่นอน”
จนกระทั่งชายหนุ่มคนนั้นจากไปแล้ว ผู้อำนวยการอ้วนจนค่อยหันมามองสวี่ชิง “คุณดูสิ มีแต่คนขอจองที่ขายของทั้งนั้นเลย”
สวี่ชิงยิ้ม “แล้วผู้อำนวยการอนุญาตหรือยังคะ ฉันยังมีโอกาสอยู่หรือเปล่า”
ผู้อำนวยการอ้วนมองโจวจินหนานที่อยู่ข้างกายของสวี่ชิง กระแอมไอเบา ๆ “ก็ไม่ใช่ว่าผมกำลังดูอยู่หรือว่าผู้หญิงแบบนี้คุณจะมีแนวคิดอะไรใหม่บ้างจึงยังไม่ได้ตอบตกลง อีกอย่างผมก็คิดจะทำข้อตกลงกับคุณก่อนเหมือนกัน”
ในใจสวี่ชิงรู้ดีว่าผู้อำนวยการอ้วนนั้นไม่ได้คิดอยากจะดูแนวคิดใหม่อะไรนั่นหรอก เขาอยากจะรู้ว่าเธอให้ผลประโยชน์ได้มากเท่าไรมากกว่า เธอจึงยิ้มแล้วแนะนำโจวจินหนานก่อน “นี่คือคนรักของฉันเองค่ะ เขาไม่วางใจเลยจะมาฟังด้วย คอยดูว่าสัญญาของพวกเรามีช่องโหว่อะไรหรือเล่า ผู้อำนวยการไม่ติดขัดอะไรใช่ไหมคะ”
ในใจผู้อำนวยการอ้วนหลี่กั๋วหัวคิดว่าคนตาบอดจะทำอะไรได้ เพียงแต่ว่าพลังที่แผ่ออกมาของโจวจินหนาน แค่ยืนอยู่เฉย ๆ ก็สามารถข่มคนได้แล้ว
เป็นความรู้สึกบางอย่างจากก้นบึ้งของหัวใจที่ยากจะอธิบาย
อยู่ ๆ ในใจของหลี่กั๋วหัวก็ปรากฏสามคำ น่าเกรงขาม!
เขายิ้มแล้วเชิญสวี่ชิงกับโจวจินหนานนั่ง แล้วหยิบกระติกน้ำร้อนกับแก้วชากระเบื้องเคลือบสีขาวมารินชาให้ทั้งสอง ถึงค่อยนั่งลงตรงข้ามที่โต๊ะทำงานของเขา “เอาล่ะ ตอนนี้เชิญพวกคุณพูดได้แล้ว”
สวี่ชิงเองก็ไม่อ้อมค้อม “ฉันเห็นว่าคุณมีที่ว่างสามแผงกับร้านอีกสองห้อง ผู้ร่วมดำเนินกิจการก็คือหุ้นส่วนของพวกเรา ฉันจะไม่จ่ายค่าเช่าแผง แต่จะนำส่วนแบ่งรายได้แบ่งให้กับสถานี”
พอหลี่กั๋วหัวได้ยินว่าเธอจะไม่ออกค่าเช่าแผง เขาก็ส่ายหน้าทันที “ไม่จ่ายค่าเช่าแผง งั้นก็คงจะไม่ได้”
สวี่ชิงยิ้ม “คุณฟังฉันให้จบก่อนค่ะ ฉันบอกว่าไม่จ่ายค่าเช่าแผงก็จริง แต่รับประกันว่าเงินที่จะแบ่งให้สถานีทุกเดือนจะมากกว่าจ่ายค่าเช่าแผงมาก ถ้ามีเดือนไหนส่วนแบ่งรายได้ต่ำกว่าค่าเช่าแผง เราจะชดเชยเงินที่ขาดให้ และจะไม่ทำให้สถานีรถไฟของคุณต้องเสียเปรียบ และไม่ทำให้ผู้อำนวยการเสียเปรียบเช่นกัน”
หลี่กั๋วหัวไตร่ตรองพักหนึ่ง “วิธีนี้ฟังดูไม่เลว แต่พวกเราจะเชื่อคุณได้อย่างไร”
สวี่ชิงอธิบายอย่างละเอียด “การร่วมมือแบบนี้จะฉีกกฎการเช่าที่ของพวกเราในตอนนี้ไปทั้งหมด สุดท้ายแล้วก็จะกลายเป็นการได้รับผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คุณคิดดูสิ ไม่ใช่ว่าตอนนี้นโยบายของรัฐบาลคือการทำให้คนส่วนหนึ่งมีฐานะร่ำรวยขึ้นมาได้ก่อนหรือ? นโยบายดีขนาดนี้ ค่าเช่าแผงนับวันก็มีแต่จะดีขึ้น ๆ กิจการที่สถานีดีขนาดนั้น ไม่อิจฉาหรือคะ? แต่อิจฉาไปก็ไม่อาจขึ้นราคาค่าเช่าแผงต่อเดือนได้ หนึ่งปีขึ้นครั้งหนึ่งก็ใช่ว่าจะมีผู้เช่าตกลง แต่สัญญาของพวกเรานั้น เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
หลี่กั๋วหัวใจเต้น ลูบคางแล้วเริ่มไตร่ตรองว่าถ้าทำแบบนี้เขาจะได้รับประโยชน์ระหว่างนี้เท่าไร
สวี่ชิงเข้าใจกระบวนการภายในเหล่านี้เป็นอย่างดี จึงยกยิ้ม “ตอนนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้อำนวยการแล้ว หากถึงตอนนั้นสามารถหาเงินได้แล้วก็จะเป็นความดีความชอบของคุณเช่นเดียวกัน จะมีคนพูดถึงการมีวิสัยทัศน์เฉียบแหลมเหมือนคบเพลิงของคุณที่สามารถทำลายรูปแบบสัญญาเดิม ๆ ได้”
“คุณลองคิดสิคะ เศษฐกิจตอนนี้เทียบกับเมื่อสามปีก่อนเป็นอย่างไร แล้วอีกสามปีหลังจากนี้ล่ะ จะต้องดียิ่งไปกว่านี้แน่ ถ้าคุณติดตามข่าวจะต้องเคยเห็นข่าวเมื่อปีที่แล้วที่ผู้นำหนานสวิ๋นได้อภิปรายเอาไว้ เขาบอกว่าในตอนนี้จะต้องคว้าเศษฐกิจเอาไว้ให้ได้ แบ่งที่ดินกับประชาชน ขึ้นค่าแรงให้กับแรงงาน ชีวิตการเป็นอยู่หลังจากนี้จะดีขึ้นได้แน่”
“ถึงตอนนั้นเมื่อออกไปไหนมาไหน อยากซื้อหรืออยากกินสิ่งใดมีอะไรให้ต้องพะวงได้อีกคะ”
สวี่ชิงรวบรวมนโยบาลของในตอนนี้ขึ้นมาอ้าง แจกแจงให้หลี่กั๋วหัวฟังรอบหนึ่ง แล้ววาดภาพที่สวยงามให้อีกด้านหนึ่ง สุดท้ายก็บอกส่วนแบ่งรายได้ที่สถานีจากได้ในแต่ละเดือน
เพื่อความโปร่งใส จะมีเจ้าหน้าที่ของสถานีมาช่วยเก็บเงินให้
สวี่ชิงไม่ต้องออกเงินสักหยวน ก็เซ็นสัญญาที่สามแผงกับร้านอีกสองร้าน ไม่ต้องเสียแรงหาหาคนเก็บเงินด้วยหนึ่งคน
หลังจากเซ็นสัญญาเสร็จ หลี่กั๋วหัวมองเนื้อหาสัญญาแล้วยิ้มหัวเราะชอบใจข้างสวี่ชิง ทว่าไม่ทันไรเขาก็คิดได้ว่ายังไม่ทันปรึกษากับเบื้องบนก่อน ก็อาจหาญทำข้อตกลงไปแล้ว!
เขาต้องไปคิดหาวิธีทำให้หัวหน้าเบื้องบนยอมตกลงให้ได้ ในใจรู้อับจนปัญญาเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้มีวาทศิลป์เก่งกาจเกินไปแล้ว!
รู้สึกราวกับว่าโดนพิษตัวกู่(1) ทำให้คนต้องยอมหล่อนโดยไม่มีข้อแม้
สวี่ชิงหยิบสัญญาแล้วยื่นมือให้หลี่กั๋วหัว “คุณหลี่กั๋วหัว ขอให้ในภายหน้าการร่วมมือของเราจะประสบความสำเร็จ!”
หลี่กั๋วหัวร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก ยื่นมือไปจับมือของสวี่ชิง “คุณนี้น่า ผู้หญิงแบบคุณควรไปทำงานที่สหพันธ์สตรีแห่งชาติ(2)ปากเล็ก ๆ นี้คงไม่มีเรื่องขัดแย้งใด ๆ ในครอบครัวที่คุณไม่อาจแก้ไขได้แล้ว”
สวี่ชิงยิ้มจนตาโค้งเหมือนจันทร์เสี้ยว “ฉันจะคิดว่าผู้อำนวยการหลี่ชมฉันแล้วกันนะคะ ใกล้จะเลิกงานแล้ว งั้นพวกเราขอไม่รบกวนแล้วล่ะค่ะ”
หลี่กั๋วหัวยิ้มอย่างจนปัญญาขณะส่งสวี่ชิงลงจากตึก ลึก ๆ แล้วเขาเองก็โลภอยากได้ผลประโยชน์จากส่วนแบ่งนั้นเหมือนกัน
สวี่ชิงพาโจวจินหนานไปที่จอดรถท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ส่องตรงกลางศีรษะ ระหว่างทางเธอก็ร้องเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี
โจวจินหนานฟังไม่ออกว่าสวี่ชิงกำลังพึมพำร้องเพลงอะไร แต่ทำนองไพเราะมาก และจับความรู้สึกได้ว่าสวี่ชิงนั้นอารมณ์ดีอย่างมาก ทำให้เขาอดที่จะถามไม่ได้ “คุณรู้มากขนาดนี้ได้ยังไงกัน”
ตอนนี้เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบปีเท่านั้น แต่ตอนคุยเรื่องสัญญากับหลี่กั๋วหัวกลับสุขุมและเฉลียวฉลาดไม่สอดคล้องกับอายุของเธอเลย
รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเป็นประโยชน์กับตัวเอง จากนั้นก็รู้ว่าต้องพูดอย่างไรให้อีกฝ่ายยอมรับ
เธอไม่ได้ผ่านช่วงเวลาและประสบการณ์อันยากลำบากมาก่อน แล้วเธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร
สวี่ชิงผสานนิ้วมือที่โจวจินหนานกอดอย่างแนบแน่นแล้วยิ้ม “นั่นก็เพราะฉันฉลาดน่ะสิคะ อีกอย่างพอไม่มีอะไรทำฉันก็ฟังข่าว ตั้งใจจำเรื่องสำคัญ ๆ ก็ต้องรู้เรื่องมากเป็นธรรมดา”
แม้โจวจินหนานจะคาดไม่ถึง แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมมาอธิบายได้
ได้แต่เชื่อว่าเธอเป็นคนฉลาดเท่านั้น
สวี่ชิงพาโจวจินหนานกลับบ้าน ระหว่างทางยังซื้อเนื้อแกะหนึ่งชั่งกับแตงโมหนึ่งลูกกลับด้วย “พอถึงบ้านแล้วฉันจะทำบะหมี่เนื้อแกะให้คุณกินนะคะ”
โจวจินหนานมือหนึ่งกอดแตงโม อีกมือหิ้วเนื้อแกะ นั่งคร่อมอยู่บนเบาะหลัง ในใจรู้สึกดีอย่างมาก
เขาสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่แผ่ของมาจากตัวของสวี่ชิง ฟังเสียงของเธอแล้วก็เหมือนกำลังอาบแสงจากดวงอาทิตย์ มันเต็มไปด้วยความหวังและมีความสุข
เกาจ้านที่พิงประตูรถก็มองเห็นฉากประหลาด ๆ นี้เข้าพอดี
สวี่ชิงขี่จักรยานอยู่ ยิ้มออกมาทั้งใบหน้าสะท้อนไปถึงดวงตา ตรงเบาะหลังเป็นโจวจินหนานที่มือหนึ่งกอดแตงโม อีกมือหิ้วเนื้อแกะ ยิ้มเหมือนเจ้าทึ่มอยู่เช่นกัน
นั่นผีอะไรเข้ามันวะ ปีศาจเย็นชา เจ้าก้อนน้ำแข็งยักษ์….เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ตอนนี้เพิ่งแต่งงานมีภรรยาเข้าหน่อย ก็มีความสุขจนเหมือนเจ้าทึ่ม หลงทิศหาทางไม่เจอ(3)เชียวนะ
เกาจ้านกัดก้นบุหรี่ แค่นเสียงหัวเราะดังเหอะออกมา…
………………………………………………………………………………………………………………………
(1)เป็นหนอนมีพิษชนิดหนึ่ง เมื่อโดนพิษแล้วอาจทำให้เกิดอาการหลอนได้
(2)สหพันธ์สตรีแห่งชาติ เป็นองค์กรที่ช่วยปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของผู้หญิง ส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิง
(3)เป็นคำที่มีความหมายในเชิงประชัดประชัน ความหมายคล้ายกับคำว่าหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
สารจากผู้แปล
ชิงชิงเกิดมาชาตินึงแล้วน่ะค่ะ ก็เลยรู้มากเป็นธรรมดา
ไหหม่า(海馬)