เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 84 ไม่สนโจวจินหนาน
บทที่ 84 ไม่สนโจวจินหนาน
สวี่ชิงตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่กำลังเตรียมทำกับข้าวกลับเห็นความวุ่นวายที่ด้านนอกบ้าน ทั้งยังมีเสียงผู้หญิงร้องห่มร้องไห้อย่างน่าเวทนายิ่ง
ต่อมความอยากรู้อยากเห็นถูกกระตุ้นทันที เธอสะกิดโจวจินหนาน “ด้านนอกเหมือนมีคนทะเลาะกัน ฉันจะออกไปดูหน่อยเดี๋ยวกลับมาทำกับข้าวนะคะ”
ไม่รอให้โจวจินหนานพูด เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสวมรองเท้า พร้อมกับมัดผมไปด้วยแล้วเดินออกจากบ้าน
ออกมาด้านนอกประตูก็มองเห็นว่าถนนทั้งสองฝั่งมีคนกลุ่มหนึ่งยืนออกันอยู่
ดูเหมือนจะเป็นบ้านของหวังไก๋ฮวา!
ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องน่าดูทีเดียว!
สวี่ชิงสะกดความดีใจเอาไว้แล้วเดินไป ก็เห็นหวังไก๋ฮวานั่งอยู่บนพื้น ตบขาแล้วตะโกนร้องไห้ “ฉันไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ทำไมแล้ว ไอ้เฉินชื่อเหม่ย(1)ติงชางเหวินต้องการหย่ากับฉัน!”
“ฉันแต่งกับเขาตั้งแต่อายุสิบแปด จนถึงตอนนี้ต้องคอยเป็นวัวเป็นม้าให้พวกตระกูลติง ทั้งดูแลพ่อของเขาที่เป็นอัมพาตตอนนี้ยังต้องดูแลแม่ของเขาอีก ความทุกข์ทรมานนี้ของฉัน ถึงได้มีเฉินชื่อเหม่ยแบบนี้ ตอนนี้เขาได้ดิบได้ดีเป็นรองผู้อำนวยการแล้ว กลับต้องการหย่ากับฉัน! บอกว่าความคิดเราเข้ากันไม่ได้ ฮือๆ”
“พวกคุณว่าสามีภรรยาต้องมีความคิดเข้ากันไม่ได้อะไรอีก กลับมาก็แค่นอนในผ้าห่มผืนเดียวกัน ยังจำเป็นต้องพูดอะไรอีก คิดจะทิ้งฉันที่คลอดลูกให้ไม่ได้ ฉันก็เหมือนที่พื้นรกร้างในเป่ยซานร้อยปีไม่เคยเจอฝนสักครั้งหนึ่ง จะให้ฉันคลอดอะไรได้?”
“ต่อให้ฉันจะมีลูกได้จริง จะเป็นลูกของติงชางเหวินหรือไม่ล่ะ”
ยิ่งพูดถึงตอนท้ายก็ยิ่งเลยเถิด ยิ่งพูดก็ยิ่งโจ้งแจ้ง
คนที่มุงดูเรื่องสนุกฟังแล้วกก็ยิ่งรู้สึกถึงอรรถรส พวกเขาชอบนักล่ะเรื่องซุบซิบหยาบๆ คาย ๆ แบบนี้
สวี่ชิงอ้าปากค้างอย่างอดไม่ได้ เพราะอะไรผู้หญิงคนนี้ถึงช่างกล้าพูดออกมาได้อย่างหมดเปลือก
ติงชางเหวินที่อยู่ในบ้านทนฟังต่อไปไม่ไหว พุ่งออกไปแหวกกลุ่มคนและยืนตรงหน้าหวังไก๋ฮวาด้วยใบหน้าดำทะมึน “คุณไม่ขายหน้าคนอื่นเลยใช่ไหม?”
หวังไก๋ฮวาน้ำตาหยดแหมะ ๆ “งั้นคุณยังจะหย่ากับฉันอีกไหม?”
ติงชางเหวินหน้าดำทะมึน “คุณลองดูเถอะว่าช่วงนี้คุณสร้างเรื่องอะไรไว้ ผมทำงานดี ๆ ไม่ได้เลย ดังนั้นผมจึงอยากหย่าขาดกับการแต่งงานนี้!”
หวังไก๋ฮวาลุกยืนขึ้นทันที ชี้นิ้วจรดจมูกของติงชางเหวิน “ที่คุณหย่ากับฉันก็เพราะอยากไปแต่งกับนังจิ้งจอกคนนั้นใช่ไหมล่ะ? ติงชางเหวิน ฉันขอบอกคุณไว้ตรงนี้ ขอแค่ฉันยังอยู่หนึ่งวัน คุณก็อย่าหวังจะได้หย่าเลย! ส่วนนังจิ้งจอกด้านนอกนั่น ยกเว้นฉันตายแล้วก็อย่าคิดว่าจะได้เข้าบ้านตระกูลติงเลย”
ติงชางเหวินกัดกรามกรอด นัยน์ตาวาวโรจน์ขณะมองหวังไก๋ฮวา “ถ้าคุณยังหาเรื่องอีก ผมก็ยังอยากจะหย่ากับคุณเหมือนเดิม! ผมจะไปยื่นใบหย่าที่ศาลเดี๋ยวนี้!”
หวังไก๋ฮวาเช็ดน้ำตาที่ไหลนองหน้า ไม่ร้องไห้แล้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที “ติงชางเหวิน คุณอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ชู้ที่อยู่นอกบ้านคนนั้นของคุณชื่อฟางหลานซินที่อยู่ในโรงงานรถยนต์ตงฟางใช่ไหม นักศึกษาที่อยู่ในห้องของคุณวันนั้นก็คือลูกสาวของหล่อน ไม่แน่หล่อนอาจจะเป็นลูกสาวของพวกคุณก็ได้นะ”
“ติงชางเหวิน! ถ้าคุณกล้าหย่ากับฉันล่ะก็ ฉันจะไปฉีกอกนังชั่วฟางหลานซินนั่นซะ!”
ติงชางเหวินหยุดฝีเท้า หันกลับมามองหวังไก๋ฮวาด้วยใบหน้าคาดไม่ถึง พุ่งตัวจับแขนของหล่อน “คุณพูดเพ้อเจ้ออะไร! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ รีบกลับบ้านไปซะ”
หวังไก๋ฮวาไม่กลับอย่างแน่นอน ถ้าหล่อนกลับไป ติงชางเหวินต้องตีหล่อนตายคาบ้านแน่ แต่เมื่ออยู่ด้านนอกแล้วเขาจะไม่กล้าแผลงฤทธิ์ หล่อนตะโกนว่า “คุณไม่ต้องรั้งฉันไว้หรอก ไม่ใช่ว่าคุณอยากหย่าหรือ ไปหย่าตอนนี้เลยสิ!”
กลุ่มคนที่มุงดูอยู่ในที่นี่ นอกจากสวี่ชิงแล้ว ก็ไม่มีใครรู้จักฟางหลานซิน
และคนที่รู้จักฟางหลานซินก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้พอดี ดังนั้นพอทุกคนได้ยินชื่อนี้ต่างก็ไม่รู้จักและจำไม่ได้ เพราะตอนหวังไก๋ฮวาร้องไห้ หล่อนพูดอะไรก็ได้ยินไม่ชัดเช่นกัน
รู้แค่ว่าชู้ของติงชางเหวินอยู่ที่โรงงานรถยนต์ตงฟางเท่านั้น ชื่ออะไรก็ได้ยินไม่ชัดเท่าไร
สวี่ชิงได้ยินว่าหวังไก๋ฮวารู้เรื่องเร็วขนาดนี้ เธอก็ยกความดีความชอบให้กับการแพร่กระจายข่าวของคุณป้าขายไอศกรีม
นางเพิ่งพูดเมื่อวาน วันนี้หวังไก๋ฮวาก็รู้เรื่องแล้ว ไม่ใช่สิ น่าจะแค่บ่ายโมงเมื่อวานเองกระมัง หล่อนก็รู้แล้ว
อย่างที่ว่าเรื่องดี ๆ ไม่นำออก เรื่องแย่ ๆ กลับพูดไปไกลพันลี้
ในเมื่อหวังไก๋ฮวารู้แล้ว สวี่ชิงเองก็สบายใจ เมื่อกี้เธอเพิ่งทำให้หวังไก๋ฮวาลากฟางหลานซินมาแสดงละครฉากใหญ่ด้วยกันได้ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่อาจอยู่ชมได้ คิดแล้วคงน่าตื่นตาตื่นใจน่าดู!
เธอกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี แล้วก็เห็นโจวจินหนานลุกขึ้นโดยไม่มีไป๋หลาง แถมยังเจอตำแหน่งอ่างล้างหน้าของบ้านได้อย่างแม่นยำอีกด้วย ซึ่งตอนนี้เขากำลังล้างหน้าแปรงฟัน
เพื่อความสะดวก ผ้าปิดตาจึงถูกถอดวางไว้ข้าง ๆ
สวี่ชิงมองโจวจินหนานที่สวมเสื้อกล้ามก้มตัวลงไปล้างหน้า
กล้ามเนื้อหลังขยับไหว เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง กางเกงพอดีเอวเผยขาเรียวสองข้างเหยียดตรง แฝงความแข็งแกร่งดุดันอยู่ภายในนั้น
คิดถึงคำว่าดุดันสองคำนี้แล้ว สวี่ชิงก็อดหน้าแดงไม่ได้ เมื่อคืนโจวจินหนานเหมือนสัตว์ป่าที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งดุดันราวกับว่าไม่รู้จักอิ่ม
โจวจินหยายได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ก็ล้างหน้าเร็วยิ่งขึ้นพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูมาซับหน้า แล้วหยิบผ้าปิดตามาผูกเอาไว้ทันที
จากนั้นถึงค่อยหันกาย “มอง” ทางสวี่ชิง “คุณกลับมาแล้ว”
สวี่ชิงยิ้มเป็นเชิงขออภัย ยื่นมือไปจับไหล่ที่เย็นเฉียบของโจวจินหนาน “ฉันจะพาคุณไปห้องน้ำนะคะ”
โจวจินหนานยิ้ม “ผมไปมาแล้ว”
สวี่ชิงตกตะลึง “คุณเจอห้องน้ำด้วยตัวเองได้ยังไงคะ”
โจวจินหนานพอใจมากที่เมื่อกี้ตัวเองไปห้องน้ำโดยไม่พลาดเลยสักนิด “เป็นทางที่ไป๋หลางเคยพาผมไป ผมจำได้ขึ้นใจตั้งแต่ออกประตูบ้านเลี้ยวขวาเดินสามร้อยเมตรสี่สิบก้าว จากนั้นเลี้ยวซ้ายสิบก้าวก็จะถึงห้องน้ำชาย”
สวี่ชิงรู้สึกคาดไม่ถึง “การนับก้าวของคุณเคยมีพลาดบ้างไหมคะ”
โจวจินหนานส่ายหน้า “ตอนที่ผมกับไป๋หลางเดิน ระยะก้าวเหมือนกันทุกก้าว นี่คือการฝึกฝนของพวกเราที่ต้องฝึกให้ได้ หากกะระยะก้าวให้เท่า ๆ กัน ความผิดพลาดก็กลายเป็นศูนย์”
สวี่ชิงร้องว้าว ดวงตาเป็นประกายขณะกอดเอวโจวจินหนาน “สามีของฉันเก่งขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!”
โจวจินหนานถูกสวี่ชิงจู่โจมก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย รู้สึกว่าสองวันนี้สวี่ชิงไม่ประหยัดคำชมเขาเลย
อีกทั้งยังกล้าแสดงความชื่นชมยินดี
เมื่อก่อนรวมทั้งชาติที่แล้วเธอคิดว่าโจวจินหนานเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ยากที่จะสนิทสนมด้วย
หลังจากได้อยู่ด้วยกันถึงได้พบว่า นอกจากเขาไม่ชอบพูดแล้ว จริงๆ ยังเป็นคนขี้อายอีกด้วย เหมือนอย่างตอนนี้
นั่นยิ่งทำให้เธอชอบแกล้งเขา เธอกอดแล้วออดอ้อน “แย่แล้ว คุณเก่งขนาดนี้ เกิดมีคนอื่นแย่งคุณไปล่ะ ดังนั้นฉันต้องทำดีกับคุณหน่อยแล้วถึงจะดี งั้นฉันไปทำกับข้าวก่อนนะคะ”
โจวจินหนานร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก พวกเขาแต่งงานกันแล้ว ยังจะมีอะไรมาแย่งไม่แย่งได้อีก
อีกทั้งตอนนี้ในความคิดของเขา ไม่เคยมีคำว่าหย่าอยู่ในนั้นเลย
สวี่ชิงล้างมือไปยิ้มไปอย่างสบายอารมณ์ จากนั้นก็ลงมือทำกับข้าว มื้อเช้าเป็นอาหารอย่างง่าย มีแป้งทอดต้นหอมสองชิ้น ซุปไข่น้ำแล้วก็ผัดผัดดองอีกนิดหน่อย
หลังกินข้าวเช้าเสร็จ สวี่ชิงก็คิดจะขี่จักรยานพาโจวจินหนานไปซอยฮวยซู่ด้วยกัน
เพราะไป๋หลางไม่อยู่ ถ้าจอดรถไว้ในบ้านแล้วเกิดหายขึ้นมาจะทำอย่างไร
อีกทั้งรอบนี้เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่สนใจโจวจินหนาน หากเขาเอาแต่ปฏิเสธ เธอก็ต้องคิดหาวิธีทำให้เขาตกลงให้ได้
ผลลัพธ์ก็คือเมื่อโจวจินหนานได้ยินว่าจะขี่จักรยานไป ก็ปฏิเสธทันที “ไม่ได้ ไม่งั้นคุณไปเองก็แล้วกัน ผมอยู่ที่บ้านนี่แหละ”
สวี่ชิงไม่พอใจ “คืนนี้คุณยังอยากนอนบนเตียงเตาอยู่ไหมคะ!”
………………………………………………………………………………………………………………………
陈世美 เฉินชื่อเหม่ย ตัวละครในเรื่องเปาบุ้นจิ้น ซึ่งมีนิสัยชั่วร้าย อกตัญญู และทะเยอทะยาน ก่อนสอบจงหงวนผ่านเขามีภรรยาที่ผ่านความลำบากมาด้วยกัน แต่พอสอบผ่านก็ทอดทิ้งภรรยา โกหกพระเจ้าจงเหรินว่าโสดจนได้เป็นพระราชบุตรเขย
สารจากผู้แปล
คุณป้าขายไอติมมาเหนือมาก ชิงชิงแทบไม่ต้องลงมือเองเลย
ยังไงดีพี่หนาน ถ้าไม่ตกลงได้โดนไล่ไปนอนนอกห้องนะคะ 55555
ไหหม่า(海馬)