เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 280 เปลี่ยนชะตาชีวิตของลูกสาว
บทที่ 280 เปลี่ยนชะตาชีวิตของลูกสาว
สวี่ชิงเดาได้ในทันทีว่าเย่หนานกังวลเรื่องอะไร ผู้หญิงไม่ว่าอายุเท่าไร ตอนเห็นคนที่ชอบ ก็ต้องให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจะมาพูดเรื่องนี้ เธอดึงมือเย่หนานแล้วเอ่ยว่า “แม่ ทำไมโลงศพของแม่ถึงว่างเปล่าล่ะคะ? แม่ยังมีชีวิตอยู่ทำไมไม่มาหาฉัน?คงไม่ได้รับบาดเจ็บหนักอะไรใช่ไหมคะ?”
เมื่อเย่หนานนึกถึงสวี่จื้อกั๋ว ฟางหลานซิน และเย่เหม่ยคนชั่วช้าสามคนนั้น แววคั่งแค้นก็ปรากฎภายในดวงตา “หึ คนชั่วช้าสามคนนั่นรวมหัวกันฆ่าฉัน รอฉันกลับไปจัดการพวกมันก่อนเถอะ”
พูดจบก็มองไปทางสวี่ชิง “แม่โดนพิษแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีวิธีที่จะพาลูกไปด้วยกันได้ในเวลานั้นแม่ก็เหลือเงินไว้ให้สวี่จื้อกั๋วเยอะขนาดนั้น เลยคิดว่าให้เขาเลี้ยงลูกแทนน่าจะดี? แม่คิดว่าไว้ถอนพิษจนหายดีแล้วจะกลับไปหาลูก ก็กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเล็กน้อย”
เย่หนานไม่อาจพูดได้ ชาติที่แล้วหลังจากได้ถอนพิษจนอาการดีขึ้น หล่อนก็ตรงไปหาสวี่จื้อกั๋วกับฟางหลานซินเพื่อทวงสวี่ชิงกลับคืนมา ผลลัพธ์คือหล่อนโดนอันธพาลสองคนลวนลามเสียก่อน
ด้วยความอารมณ์ร้อนไม่ทันยั้งมือก็ทำให้สองคนนั้นบาดเจ็บสาหัส พอดีกับในปีนั้นเริ่มมีการบังคับใช้บทลงโทษรุนแรง หล่อนจึงถูกจับโดยละเว้นโทษตาย
รอจนออกมาจากคุกได้ลูกสาวก็เสียชีวิตแล้ว
หล่อนมาที่หลุมศพของสวี่ชิงจากการฟังคำบอกเล่าต่อๆ กันมา แล้วก็มองเห็นโจวจินหนานยืนอยู่หน้าหลุมศพ ต่อมาจึงสืบสาวสาเหตุการตายของลูกสาว
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นข้อหาเจตนาฆ่า และคนที่ลูกสาวลงมือฆ่าก็คือฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่
สองแม่ลูกชาติสุนัขนั่น!
เย่หนานใช้เวลาหนึ่งปีทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมด และแอบกลับไปยังภูเขาที่ยูนนาน ซึ่งตอนนั้นวัฒนธรรมการเลี้ยงหนอนกู่ได้เลือนหายไปแล้ว
แม่หมอในหมู่บ้านใช้วิธีนี้มาหลอกเอาเงินชาวบ้าน ไม่มีใครที่มีความสามารถจริง ๆ เลยสักคน
และหมู่บ้านเย่เองก็เปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรูหราที่สุดแห่งหนึ่งไปแล้ว
เย่หนานไม่มีเวลามามองสิ่งเหล่านี้ แฝงตัวมุ่งหน้าไปยังทางขึ้นภูเขา หล่อนต้องเปลี่ยนแปลงโชคชะตา แลกชีวิตตัวเองให้ลูกสาวกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เพียงแต่การแลกเปลี่ยนดวงชะตามีข้อผิดพลาดเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถย้อนเวลาให้ลูกสาวกลับไปในตอนก่อนที่จะเจอกับโจวจินหนานและยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
แต่อามู่ก็เล่าว่าสุดท้ายสวี่ชิงแต่งงานกับโจวจินหนาน ซึ่งผลลัพธ์นี้ไม่เหมือนกับในชาติก่อน และตอนนี้สวี่ชิงยังมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทั้งยังแก้แค้นครอบครัวสวี่จื้อกั๋วทั้งสามคนได้ด้วย
ก็หมายความว่าสวี่ชิงนำความทรงจำของเมื่อชาติที่แล้วกลับมาด้วย เมื่อแบบนี้เย่หนานจึงวางใจ
ขอเพียงมีความทรงจำจากชาติก่อน ชีวิตของสวี่ชิงจะต้องไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน
เนื่องจากหล่อนฝ่าฝืนโชคชะตา จึงทำให้ตนต้องเปลี่ยนมาเป็นสภาพเช่นนี้ เกรงว่าจะเหลือเวลาอยู่อีกไม่เยอะแล้ว หล่อนจึงคิดจะหาสถานที่เงียบ ๆ ใช้ชีวิตแล้วตายไปก็พอ
แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังถูกพวกเขาหาตัวจนพบ
เย่หนานมองลูกสาวแล้วก็มีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อลูกสาวสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ก็ไม่ต้องรีบไปหาคนชั่วช้าเหล่านั้นเพื่อแก้แค้นแล้ว
สวี่ชิงชอบสายตาที่เย่หนานมองเธอ นั่นเป็นสายตาตอนที่มารดามองลูกตัวเอง ถึงจะเผยความรู้สึกรักใคร่ออกมาโดยไม่รู้ตัว
เธอเอนศีรษะซบกับไหล่ของเย่หนานอย่างออดอ้อน “ถึงอย่างไรพวกเรายังมีเวลาอีกนานมาก ๆ ต่อไปจะไม่แยกจากอีก รอแม่มีเวลาแล้วค่อยบอกฉันก็ได้ว่าหลายปีมานี้เกิดอะไรขึ้น ดีไหมคะ?”
เย่หนานยกยิ้มยื่นมือลูบหน้าของเธอ “จ้ะ แต่ตอนนี้แม่หิวแล้ว”
สวี่ชิงรีบหยัดตัวขึ้นนั่งทันที “ตายจริง ฉันลืมไปเสียสนิท เดี๋ยวฉันไปทำกับข้าวให้นะคะ แม่ แม่อยากกินอะไร ฉันทำอาหารอร่อยมากเลยนะ”
เธอมีท่าทางคล้ายกับเด็กน้อยต้องการคำชมขณะมองมาที่เย่หนาน
เย่หนานเองก็คิดอย่างจริงจัง “งั้นกินบะหมี่แล้วกันจ้ะ ต้องใส่เนื้อตุ๋น เนื้อตุ๋นก็ต้องหั่นเป็นชิ้นๆ แม่ไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว”
หล่อนรู้ว่าบะหมี่นั่นเรียกว่าจ๋าเจี้ยงเมี่ยน กินครั้งเดียวก็คือตอนที่เหยียนป๋อชวนทำให้หล่อนกิน
เมื่อก่อนหล่อนเคยกินแต่แป้งข้าวเจ้า ไม่เคยกินบะหมี่ จึงคิดไม่ถึงว่าจ๋าเจี้ยงเมี่ยนจะอร่อยเหมือนกัน
เพียงแต่ไม่อาจบอกเรื่องนี้กับสวี่ชิงได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยจากเธอ
สวี่ชิงคิดพักหนึ่งถึงเรื่องต้องใส่เนื้อตุ๋น เหมือนในซอสของจ๋าเจี้ยงเมี่ยนจะใส่เนื้อเยอะที่สุด จึงยกยิ้มทั้งน้ำตาแล้วกอดเย่หนาน “ได้ค่ะ ฉันจะไปทำบะหมี่ให้แม่กิน เป็นจ๋าเจี้ยงเมี่ยนใส่เนื้อตุ๋นเยอะๆ ฝีมือฉันเองนะคะ”
พูดอยู่ก็เช็ดน้ำตาเดินออกไป บอกเกาจ้านทั้งที่ตาแดงก่ำว่าเขาจะไปซื้อเนื้อกลับมาให้หน่อยได้หรือไม่
รอจนเกาจ้านไปแล้ว ถึงค่อยนึกขึ้นได้ว่ายังมีโจวจินหนานที่เหมือนคนป่าอยู่อีกคน จึงเดินไปกอดเขาด้วยความเขิน เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ขอบคุณนะคะโจวจินหนาน ขอบคุณที่คุณพาแม่ฉันกลับมา”
โจวจินหนานมองคนตรงหน้าที่ดูผอมลงเล็กน้อย ทั้งตาและจมูกแดงระเรื่อดูน่าสงสาร ทว่ากลับมีท่าทางยินดีปรีดาอย่างปิดไม่อยู่
โดยไม่สนว่ารอบข้างจะมีคนมองไหม เขาก็ยื่นมือไปลูบศีรษะสวี่ชิง “ทำไมต้องเกรงใจขนาดนั้นด้วย นี่เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำ ไม่ใช่ว่าอยากทำกับข้าวเหรอ เดี๋ยวผมไปจุดไฟให้คุณเอง”
ประเด็นคือเขาอยากอยู่กับภรรยาตามลำพังสักหน่อย จะได้กอดภรรยาให้หายคิดถึง
ทว่าสวี่ชิงตอนนี้กลับไม่มีความคิดจะแสดงความรักเลยสักนิด เธอโบกมือ “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันให้ก่ายก่ายช่วยฉันจุดไฟเอง คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ ให้อาเล็กพาคุณไปอาบน้ำที่แม่น้ำนะคะ”
เหยียนจี้ชวนกลับมองเจตนาของโจวจินหนานออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่หลานสาวกลับไม่รู้สึกถึงอารมณ์รักของชายหนุ่มเลย เขายกยิ้มเดินเข้าไปโอบไหล่โจวจินหนาน “ไปๆๆ อาเล็กไม่รังเกียจกลิ่นเหม็นของนายหรอกนะ จะพานายไปอาบน้ำเอง”
โจวจินหนานหน้ามุ่ย เดินออกไปพร้อมกับเหยียนจี้ชวน
สวี่ชิงอารมณ์ดี คิดว่าโจวจินหนานเองก็น่าจะไม่ได้กินข้าวอย่างเต็มอิ่มนานแล้วเหมือนกัน ยังมีอามู่ คิดดูแล้วต้องทำจ๋าเจี้ยงเมี่ยนอีกเยอะเลย
ก่ายก่ายมองอยู่ด้านข้าง ปากเล็กก็อดถามไม่ได้ “คุณน้าต้องทำเส้นเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ”
สวี่ชิงยิ้ม “ใช่จ้ะ เดี๋ยวน้าจะทำให้ก่ายก่ายกับน้องชายกินเหมือนกัน จริงสิ พ่อแม่ของหนูล่ะจ๊ะ? ทำไมไม่เห็นพวกเขาเลย”
ก่ายก่ายได้ยินว่าจะได้กินบะหมี่ก็น้ำลายไหล “พวกเขาไปบ้านลุงรองค่ะ บอกว่าพวกคุณน้ามีเรื่องต้องคุยกัน ให้หนูอยู่ช่วยพวกคุณน้า”
สวี่ชิงซาบซึ้งใจมาก “งั้นเดี๋ยวน้าจะทำบะหมี่แสนอร่อยให้ก่ายก่ายกินดีไหมจ๊ะ?”
ก่ายก่ายดีใจมาก วันนี้ได้กินหมั่นโถว หล่อนกินไปสองลูก ท้องเล็กๆยังอิ่มอยู่เลย
แต่ถ้าได้กินบะหมี่ก็คิดว่าตัวเองยังสามารถกินลงไปได้อีก
ปากเล็กยกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข “คุณน้าอยู่บ้านพวกเราตลอดไปเลยได้ไหมคะ แบบนี้พวกเราก็จะมีแป้งขาวให้กินทุกวันแล้ว”
สวี่ชิงส่ายหน้า “เกรงว่าจะไม่ได้น่ะจ้ะ เพราะที่บ้านน้ายังมีคุณย่าให้ต้องดูแล”
ก่ายก่ายผิดหวังเล็กน้อย “งั้นคุณน้า พวกคุณน้าที่อยู่ในเมืองได้กินแป้งขาวกินเนื้อกันทุกวันเลยไหมคะ?”
สวี่ชิงส่ายหน้าอีก “ก็ไม่ใช่เหมือนกันจ้ะ มีเพียงบางคนที่จะได้กินแบบนี้ ส่วนมากแล้วผู้คนลำบากมากเช่นกัน ก่ายก่ายอยากกินแป้งขาวกินหมั่นโถวทุกวันไหมจ๊ะ”
ก่ายก่ายพยักหน้า “อยาก อยากกินทุกวันเลยค่ะ”
สวี่ชิงยิ้ม “งั้นก่ายก่ายต้องตั้งใจเรียน พอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว หางานทำก็จะได้กินหมั่นโถวแป้งขาวกับบะหมี่ทุกวันเลย”
ก่ายก่ายโคลงศีรษะ “แม่หนูบอกว่าผู้หญิงเรียนหนังสือไปก็ไม่มีประโยชน์ โตไปก็ต้องแต่งงานเข้าบ้านอื่นอยู่ดี”
สวี่ชิงเองก็ไม่แปลกใจ ไม่เพียงแต่หลิวเยี่ยนที่คิดแบบนี้ น่ากลัวว่าทั้งชนบทก็มีความคิดแบบนี้ ไว้รอมีโอกาสจะพูดกับหลิวเยี่ยนสักหน่อย
ระหว่างคุยกับเด็กหญิง เกาจ้านที่ซื้อเนื้อก็กลับมาแล้ว
ไขมันกับเนื้อหมูแยกชั้นกัน พอเคลื่อนไหวก็ทำให้เห็นชั้นไขมันกระเพื่อมสวย
ตอนสวี่ชิงหิ้วเนื้อไปล้างเตรียมหั่น จู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าโจวจินหนานไม่กินเนื้อหมู ได้เพียงต้องกล้ำกลืนทำอาหารจำพวกผักให้เขากินแทน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง คุณแม่ต้องยอมสละชะตาชีวิตตัวเองเพื่อต่อชะตาให้ลูกได้กลับมาเกิดใหม่ เลยดูแก่เกินวัยไปเยอะมาก
ไหหม่า(海馬)