เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 277 พูดถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
บทที่ 277 พูดถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
สวี่ชิงไม่สนใจการข่มขู่ของอวี๋จิ้งเลยสักนิดเดียว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะกลัวไปพักหนึ่ง เนื่องจากต่อให้เธอเก่งยิ่งกว่านี้ ก็ยังสู้อำนาจไม่ได้
แต่ตอนนี้เธอไม่กลัวแล้ว อวี๋จิ้งมีพี่ชายที่เก่งกาจคนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเธอยังมีอาเล็กเหยียนจี้ชวนหรือ?
เธอหยัดยืนขึ้นนั่งสางผมแล้วตบแก้มอวี๋จิ้งอย่างยั่วยุเล็กน้อย “เธอจะไม่พูดจริง ๆ ใช่ไหม งั้นวันสองวันนี้เธอคงต้องนอนอยู่บนเตียงด้วยเหตุผลร่างกายไม่แข็งแรง และก็น่าจะมีอาการถ่ายหนักถ่ายเบากลั้นไม่อยู่ ตอนนี้เธออยากลองดูสักหน่อยไหมล่ะ?”
ไม่ว่าเรื่องไหนอวี๋จิ้งก็สามารถอดทนได้ทุกอย่าง แต่ถ้าเป็นเรื่องกลั้นถ่ายหนักถ่ายเบาไม่ได้ หล่อนไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ไม่สู้ให้ตายเสียยังดีกว่า
นัยน์ตาหล่อนมองสบสวี่ชิงราวกับอยากฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ “สวี่ชิง เธอมันชั่วเกินไปแล้วนะ!”
สวี่ชิงขี้คร้านจะคุยกับหล่อน จัดเสื้อผ้าดี ๆ สวมรองเท้าแล้วเดินออกไป จะมีอะไรชั่วไปกว่าอวี๋จิ้งได้อีก?
ในบ้านเฉาตงฟามีเสียงทำอาหารดังลอดเข้ามา หลิวเยี่ยนผู้เป็นภรรยากำลังทำอาหารเช้าอันเรียบง่าย โดยมีก่ายก่ายที่แบกน้องชายเอาไว้บนหลังขณะจุดไฟ ใช้ผ้าผูกติดกับตัว ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูทุลักทุเลมาก
เห็นได้ชัดว่าเด็กชายดูจะคุ้นชินกับการโดนมัดเอาไว้แบบนี้ ตัวเอนไปข้างหลังในมือเล็กพยายามจับแป้งจี่ยัดเข้าไปในปาก
สวี่ชิงคิดว่าตัวเองใจแข็งพอก็ยังทนภาพตรงหน้าไม่ไหว เดินเข้าไปช่วยก่ายก่ายจุดไฟ
หลิวเยี่ยนไม่ยอม “ไอหยา มีแต่ขี้เถ้าทั้งนั้น คุณไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ จริงสิ เมื่อคืนหลับสบายดีไหม เมื่อคืนฉันยังได้ยินเสียงพวกคุณกระซิบคุยกันด้วย”
สวี่ชิงยิ้ม “ดีมากเลยค่ะ คุยกับอวี๋จิ้งติดลมเกินไปเลยลืมดูเวลาไปเลย”
หลิวเยี่ยนเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ คิดว่าคนในเมืองสองคนอยู่ด้วยกันก็ย่อมต้องมีเรื่องให้พูดกันอยู่แล้ว ถามเรื่อยเปื่อยประโยคหนึ่ง “อวี๋จิ้งยังไม่ตื่นหรือคะ?”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ หล่อนท้องไส้ไม่ค่อยดี เลยไม่สบายนิดหน่อย”
หลิวเยี่ยนรู้สึกเขินเล็กน้อย “บ้านพวกเราความเป็นอยู่ไม่ค่อยดี ห้องน้ำเองก็ไม่ดี แม้จะอยู่ตรงเชิงเขาแต่กลับไม่มีน้ำ ต้องไปตักน้ำในแม่น้ำจากบนเขามา”
“ดีจังค่ะ” สวี่ชิงพูดอย่างเกรงใจประโยคหนึ่ง ยื่นมือไปประคองเด็กชาย นั่งลงข้างกายก่ายก่าย
คุยกันไปเรื่อยเปื่อยแล้วช่วยก่ายก่ายใส่ฟืนในเตาไปด้วย
ระหว่างที่กำลังคุยอยู่นั้น เหยียนจี้ชวนก็กลับมาพอดี
สวี่ชิงรีบตบขี้เถ้าในมือแล้วลากเหยียนจี้ชวนออกไปคุยข้างนอก “เป็นไงบ้างคะ พบอะไรบ้างไหม?”
เหยียนจี้ชวนส่ายหน้า “ไม่มีเลย พวกเราเฝ้าทั้งคืน ก็ไม่พบอะไร ฉันให้เกาจ้านกับสวี่หย่วนตงไปในภูเขาก่อน”
สวี่ชิงรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “หรือคนที่อยู่เบื้องจะไม่สนใจอวี๋จิ้ง? และรู้สึกอยู่แล้วว่าอวี๋จิ้งจะไม่สามารถเปิดโปงเขาได้?”
เหยียนจี้ชวนพยักไหล่ “ก็แค่บุญคุณความแค้นส่วนตัว คนที่ไหนจะมีประโยชน์มากขนาดนั้น พวกเราเองก็ใช่จะไม่ได้อะไรเลย”
สวี่ชิงตะลึง “ยังได้อะไรอีกคะ?”
เหยียนจี้ชวนกดเสียงต่ำเอ่ยอย่างลับๆล่อ ๆ “หมายความว่านักข่าวสาวคนนั้นชอบโจวจินหนานจริง ๆ ถ้าหาโจวจินหนานเจอแล้ว กลับไปเธอต้องจัดการเขาดี ๆ ล่ะ เกิดไปยั่วยุข้างนอกขึ้นมาแล้วจะยุ่ง”
สวี่ชิงมองเหยียนจี้ชวนอย่างไม่พอใจ “อาเล็ก นี่คุณพูดอะไรเนี่ย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับโจวจินหนานด้วย นี่ก็แค่พิสูจน์ได้ว่าโจวจินหนานหล่อเหลาจนคนตกหลุมรักเท่านั้น คุณอาดูตัวเองเถอะอายุสามสิบสองสามสิบสามแล้ว ไม่แต่แฟนสักคนก็ยังไม่มี ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าหรือคุณอาจะไม่ชอบผู้หญิง”
เหยียนจี้ชวนยื่นมือไปเคาะหัวสวี่ชิงทีหนึ่ง “คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าพูดจาไร้สาระกับอาแบบนี้ ถ้าฉันไม่ชอบผู้หญิงคิดว่าฉันชอบผู้ชายหรือไง?”
มองคิดถึงเรื่องเล่าต้าปาหูถงของปักกิ่งแล้วเขาก็อดตัวสั่นไม่ได้ ค้อนตาขาวใส่สวี่ชิงแวบหนึ่ง
สวี่ชิงอดกลอกตาไม่ได้ “มองเจอโจวจินหนานหลายวันแล้ว คุณยังมีอารมณ์ล้อเล่นอยู่อีก คุณอาไม่รู้ว่าฉันร้อนใจจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว?”
เหยียนจี้ชวนยิ้มแล้วตบไหล่สวี่ชิง “ไม่ล้อเธอเล่นแล้ว โจวจินหนานก็เหมือนแมว ไม่ตายง่าย ๆ หรอก เธอเองก็ไม่ต้องกลัว ปีนั้นตอนผ่านทุนระเบิดมา มีแค่เขาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ”
สวี่ชิงบุ้ยปาก “ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ฉันก็อยากเจอเขาอยู่ดีนี้ค่ะ”
แม้เธอจะแสดงออกอย่างสงบ ทว่าความจริงแล้วแทบอยากจะพุ่งเข้าไปหาคนในหุบเขาเสียตั้งแต่ตอนนี้ด้วยซ้ำ
ถึงมื้อเช้าแล้วอวี๋จิ้งก็ยังไม่ออกมา ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่อยากออกมา เพียงแต่ร่างกายไม่มีแรง ลุกขึ้นมาจากเตียงไม่ขึ้นด้วยซ้ำ แม้กระทั่งพลิกตัวยังต้องเสียแรงไปไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลุกขึ้นนั่งเลย
ในใจด่าสวี่ชิงไปแล้วหลายตลบ และสาปแช่งไปรอบหนึ่ง
สุดท้ายหล่อนก็ปวดอุจจาระขึ้นมาจริง ๆ แค่นเสียงจากลำคอเรียกสวี่ชิง “สวี่ชิง สวี่ชิง เธอมาหาฉันหน่อย”
สวี่ชิงถือโจ๊กแป้งข้าวโพด ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกของอวี๋จิ้ง พูดกับเหยียนจี้ชวน “เดี๋ยวอาเล็กเข้าเมืองไปซื้อแป้งข้าวเจ้ากลับมาให้หน่อยนะคะ”
เฉาตงฟารีบโบกมือ “พวกคุณอย่าเอาแต่จ่ายเงินเลย บ้านพวกเรามีทุกอย่าง ถ้าคุณอยากกินบะหมี่เดียวเที่ยงนี้ผมทำให้”
สวี่ชิงยิ้ม “ไม่ได้คิดจะกินบะหมี่หรอกค่ะ ฉันแค่คิดว่าสองวันนี้คนในบ้านนับวันยิ่งเยอะขึ้น อาหารในบ้านของคุณน่าจะไม่พอกิน พวกเขายิ่งกินเก่งอยู่ด้วย”
พอเฉาตงฟาได้ยินว่าคนเยอะขึ้นก็ไม่พูดมากอีก ที่สำคัญอาหารในบ้านมีเท่าไรเขาเป็นคนรู้ดีที่สุด หากมีคนมากกว่านี้อีกคนสองคน น่ากลัวว่าจะกินได้อีกแค่ไม่กี่มื้อแล้ว ยังต้องนำอาหารปีใหม่ออกมากินด้วย
หลิวเยี่ยนได้ยินเสียงอวี๋จิ้งที่ร้องเรียกอยู่ในห้องน้ำฟังดูเปลี่ยนไป ก็มองสวี่ชิง “เกิดอะไรขึ้นกับนักข่าวอวี้คะ ป่วยแบบนี้เรียกหมอมาดูหน่อยไหม? หมอในหมู่บ้านเราพอจะรักษาได้อยู่นะคะ”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ หล่อนเป็นลูกคุณหนูมานานเลยยังปรับตัวไม่ได้ พวกคุณกินกันก่อน ฉันจะไปดูหล่อนให้”
เธอตักโจ๊กแป้งข้าวโพดคำสุดท้ายเข้าปาก แล้วหยิบหน้าเช็ดหน้ามาเช็ดปากก่อน ถึงค่อยลุกขึ้นอย่างแช่มช้าเดินเข้าไปในห้อง
ใบหน้าอวี๋จิ้งเขียวคล้ำไปแล้ว ดวงตาจ้องมองสวี่ชิง “ฉันอยากเข้าห้องน้ำ เธอรีบพยุงฉันขึ้นมาเร็วเข้า”
สวี่ชิงหัวเราะหึๆ “ขอร้องคน ก็ต้องทำกิริยาให้เหมือนกำลังขอร้องคนอื่นด้วย เธอดูตัวเองตอนนี้สิ ยังใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับฉันอีกหรือ?”
อวี๋จิ้งกัดฟันแน่น ระงับความปรารถนาอยากถ่ายอุจจาระเอาไว้ “สวี่ชิง ขอร้อง ขอร้องเธอล่ะ ฉันอยากเข้าห้องน้ำ ขอแค่เธอให้ฉันเข้าห้องน้ำ ไม่ว่าอะไรฉันจะบอกเธอทุกอย่าง”
สวี่ชิงยังคงไม่ขยับ “พูดตอนนี้เลย ไม่อย่างนั้นก็ฉันจะไปแล้ว”
อวี๋จิ้งกัดริมฝีปากล่างจนซีดขาว หล่อนไม่ยอมพูดจนสวี่ชิงหมุนตัวเดินออกไปข้างนอก เคลื่อนไหวรวดเร็วไม่มีการอืดอาดยืดยาดเลยสักนิด
อวี๋จิ้งตื่นตระหนก “สวี่ชิง ฉันพูดแล้ว เจียงเสวี่ยอิงน้าบุญธรรมของฉันสั่งให้ฉันทำ”
พอสวี่ชิงได้ยินชื่อเจียงเสวี่ยอิง เธอก็ชะงักไปพักหนึ่ง ถึงค่อยนึกออกว่าเจียงเสวี่ยอิงก็คือลูกสาวบุญธรรมตระกูลเหยียนคนนั้น ผู้หญิงที่อยากได้พ่อของเธอ
เธอลืมคนคนนี้ไปแล้ว ยังนึกว่าหล่อนตามนายหญิงตระกูลเหยียนกลับไปรักษาตัวที่ปักกิ่งแล้วเสียอีก
เธอหันกลับมามองอวี๋จิ้ง “เธอพูดจริงเหรอ?”
อวี๋จิ้งพยักหน้า “ใช่ น้าบุญธรรมฉันบอกว่าโจวจินหนานเป็นคนที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่ได้บอกว่าเขาเคยแต่งงานแล้ว เพียงบอกให้ฉันคอยติดตามเขา…..โอย สวี่ชิง ฉันไม่ไหวแล้ว รีบพาฉันไปเข้าห้องน้ำที ฉันจะกลับมาบอกเธออีกที”
สวี่ชิงรู้แค่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการเจ้าเล่ห์คือเจียงเสวี่ยอิงก็เพียงพอแล้ว สำหรับเรื่องอื่นใครจะรู้ว่าอวี๋จิ้งจะปั้นเรื่องโกหกอะไรอีก จึงเดินไปยัดยาใส่ปากหล่อน “พอแล้ว อีกเดี๋ยวเธอก็สามารถเข้าห้องน้ำได้แล้ว”
พูดจบก็ปัดมือปุๆ หมุนกายออกจากห้องไป
ไม่นานก็มีเสียงร้องน่าเวทนาดังมาจากในห้อง “สวี่ชิง เธอจะต้องได้เห็นดีกับฉันแน่”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เค้นความลับมาได้อีกหนึ่งเรื่อง ยัยอาบุญธรรมนั่นไม่ยอมจบเรื่องสินะ
ไหหม่า(海馬)