เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 273 ความฉลาดของสวี่ชิงทำให้พบพิรุธ
บทที่ 273 ความฉลาดของสวี่ชิงทำให้พบพิรุธ
อวี๋จิ้งเห็นสายตาของทุกคนที่มองมาจึงค่อยรู้สึกตัวว่าตัวเองเผลอผลักประตูเปิดโดยไม่รู้ตัว สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ยิ้มพลางมองเฉาตงชาง “พี่เฉา เมื่อกี้ฉันให้โรงอาหารด้านหลังทำบะหมี่ซุปไก่ไว้ อีกเดี๋ยวพวกเขาจะมาส่งนะคะ”
เฉาตงชางเกรงใจเล็กน้อย “นักข่าวอวี้เกรงใจไปแล้ว สองวันผมก็ออกจากโรงพยาบาล คุณไม่ต้องซื้ออะไรให้ผมแล้ว”
พวกเขาเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ สองวันนี้อวี๋จิ้งซื้อทั้งไก่ทั้งปลา อีกทั้งยังส่งข้าวมาให้ไม่ขาด
ทำให้เฉาตงฟาผู้พี่รู้สึกเกรงใจอวี๋จิ้งที่เสียเงินไปมาก แม้ในครอบครัวพวกเขาจะเลี้ยงแกะ แต่ก็จะกินเฉพาะในช่วงเทศกาลและโอกาสพิเศษเท่านั้น และต่อให้แกะนั้นจะป่วยตาย พวกเขาก็นำไปขายได้เงินบ้าง และบางส่วนที่เหลือยังเก็บไว้กินได้
พวกเขาไม่สามารถกินข้าวและแป้งขาวได้ทุกมื้อ บางครั้งยังต้องกินมันฝรั่งกับแป้งข้าวโพด จะได้กินข้าวกับแป้งขาวก็ต่อเมื่อต้องทำงานใช้แรงเยอะ ๆ หรือตอนที่คนในครอบครัวป่วย
เนื่องจากเมืองเป่ยซานเป็นเมืองพึ่งพาฟ้าฝนในการเกษตร การขนส่งสาธารณะไม่เจริญ ที่นาเองก็เป็นนาขั้นบันไดบนภูเขา เมื่อขาดแหล่งน้ำผืนดินก็แห้งแล้ง
อวี๋จิ้งยิ้มพลางโบกมือ “ไม่เป็นไรค่ะ ๆ นี่เป็นสิ่งที่ฉันสมควรทำ คุณช่วยฉันที่เกือบจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้ ฉันซื้อของกินให้คุณนิดหน่อยนับว่าเป็นอะไรได้? ฉันไม่รู้ว่าควรขอบคุณพวกคุณอย่างไรด้วยซ้ำ”
พูดไปครึ่งประโยคน้ำเสียงก็ขาดห้วง
สวี่ชิงมองหน้าอวี๋จิ้งเงียบๆ ถ้าไม่ใช่เพราะประสบการณ์อ่านคนมาครึ่งชีวิตของชาติที่แล้ว เธอคงซาบซึ้งไปกับภาพลักษณ์กตัญญูรู้คุณของหล่อนไปแล้ว
เฉาตงฟาเห็นอวี๋จิ้งจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ก็รีบเอ่ยว่า “นักข่าวอวี้ น้องชายผมช่วยคุณก็เป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกัน คุณไม่ต้องเกรงใจไปเลยจริง ๆ เย็นวันนั้นต่อให้เป็นใครก็ต้องช่วยทั้งนั้น คุณก็เห็นสหายโจวยังช่วยน้องชายผมอยู่เลยไม่ใช่เหรอ แถมยังอุ้มเขามาโรงพยาบาลตั้งไกล”
พูดอยู่ก็หยุดไปสักพัก “ตอนนี้น้องชายผมไม่เป็นอะไรแล้ว วันสองวันนี้พวกเราก็จะกลับแล้ว สหายโจวนี่สิไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อเอ่ยถึงโจวจินหนาน อวี๋จิ้งก็หันหน้าไปมองทางสวี่ชิง “เมื่อกี้ฉันได้ยินว่าภรรยาของพี่โจวมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าน้องสะใภ้จะเด็กขนาดนี้ ได้ยินตอนพี่โจวพูดถึงน้องสะใภ้ ฉันยังนึกว่าภรรยาของพี่โจวจะเหมือนสะใภ้รองชุนอยู่เลย”
สวี่ชิงยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “เหรอคะ? เขาพูดถึงฉันยังไงเหรอ?”
คำพูดนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ ราวกับหล่อนมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับโจวจินหนาน โจวจินหนานเคยพูดว่าอะไรก็พูดออกมาหมด ต่อให้จะสนิทชิดเชื้อกันขนาดไหน แต่ทำไมผู้ชายคนหนึ่งต้องฉีกหน้าภรรยาตัวเองต่อหน้าผู้หญิงอีกคนด้วยล่ะ?
น่าเสียดายที่สวี่ชิงเข้าใจโจวจินหนานเกินไป ผู้ชายคนนั้นนอกจากเธอที่เขาจะปฏิบัติอย่างอ่อนโยนและพูดอย่างอดทนแล้ว กับคนนอกเขาจะไม่มีความอดทนอดกลั้นอะไรด้วยเลย ขนาดเกาจ้านและสหายสนิทสองสามคนยังถูกพูดจาทำร้ายจิตใจจนแทบกัดลิ้นตาย
จะเป็นไปได้อย่างไรที่กับคนที่เจอกันแค่ครั้งเดียว เขาถึงกับต้องเอาเรื่องคนในบ้านมาหักหน้านักข่าวสาวธรรมดาคนหนึ่งด้วย?
อวี๋จิ้งปิดปากด้วยความตื่นตระหนก แล้วรีบโบกมือ “น้องสะใภ้ เธออย่าเข้าใจผิดนะจ๊ะ ฉันไม่ได้จะทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับพี่โจว ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเท่านั้นเองจ้ะ”
เฉาตงฟากับเฉาตงชางฟังอยู่ด้านข้างไม่เข้าใจเล็กน้อย หรือว่าโจวจินหนานเองก็พูดกับนักข่าวอวี้ด้วยเหมือนกันว่าเขากลัวเมีย?
เหยียนจี้ชวนหรี่ตามองอวี๋จิ้ง คิดไม่ถึงว่านักข่าวสาวคนนี้จะแต่งเรื่องขึ้นมาเองได้มีพิรุธขนาดนี้
อีกใจหนึ่งก็อยากดูเรื่องสนุกถ้าสวี่ชิงเชื่อขึ้นมา ต่อไปเขาจะได้จัดการโจวจินหนานได้หนักมือหน่อย เจ้าหมอนั่นยังเย็นชาเหมือนตู้น้ำแข็งเดินได้อยู่เลย
สวี่ชิงยิ้ม “สามีของฉันไม่มีพี่สาวน้องสาว ฉันเองก็ไม่มีอาหรือน้าสาว ดังนั้นเธอไม่ต้องเรียกสามีฉันคำก็พี่สองคำก็พี่อย่างสนิทสนมปานนั้น และก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าน้องสะใภ้ เพราะเขาพูดไว้ไม่ผิด ฉันมีอารมณ์รุนแรงและขี้หึงมาก”
เว้นไปสักพักก็เสริมอีกประโยค “และยังชอบลงไม้ลงมือด้วย”
อวี๋จิ้งพลันแสดงสีหน้าไม่ออกไปชั่วขณะ ในใจยังอิจฉาที่เห็นสวี่ชิงหน้าตาดี แม้ว่าจะด้อยว่าหล่อนสักหน่อย
จงใจพูดประโยคคลุมเครือนี้ก็เพราะต้องการทำให้สวี่ชิงนึกอิจฉาริษยา คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดตอกกลับมาแบบนี้!
สวี่ชิงไม่มีเวลาว่างที่จะจัดการกับผู้หญิงเสแสร้งคนนี้ เธอหันมามองเฉาตงฟา “พี่เฉา พรุ่งนี้พวกคุณจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันจะตามพวกคุณไปชนบทแล้วยืมบ้านคุณอยู่ได้ไหมคะ? ฉันจะให้ค่าเช่าบ้านกับค่าอาหารเอง”
เฉาตงฟารีบส่ายหน้า “ไม่ต้องให้ค่าเช่าค่ากินอะไรหรอก บ้านในชนบทหลังหนึ่งอยู่ไม่สบายนักหรอก ในบ้านยังมีริ้นไรด้วย ถ้าเธอไม่รังเกียจก็อยู่ได้เลย”
สวี่ชิงยิ้ม “ฉันจะรังเกียจได้ยังไงคะ ต้องรบกวนพวกคุณแล้ว”
เหยียนจี้ชวนยังไม่ได้สติในตอนแรก ไม่ใช่ว่ากำลังปะทะฝีปากอยู่กับนักข่าวสาวอย่างดุเดือดหรือ? เหตุใดจู่ ๆ กลับบอกจะไปอยู่บ้านเฉาตงฟาแล้วล่ะ?
แต่อยู่บ้านเฉาตงฟาก็ย่อมสะดวกกว่ามาก เพราะที่นั่นใกล้กับสถานที่ที่โจวจินหนานหายตัวไปมากที่สุด
คิดดูอีกทีพรุ่งนี้พวกเขาสามคนก็ต้องเข้าไปในภูเขาลึกแล้ว จะให้สวี่ชิงพักอยู่ในเมืองคนเดียวก็ไม่วางใจ ไปบ้านตระกูลเฉาก็ดีเหมือนกัน
สวี่ชิงถามรายละเอียดเรื่องที่พวกเขากับโจวจินหนานไปดื่มเหล้าด้วยกันในคืนนั้น ไม่ว่าจะเรื่องใดเธอก็ถามอย่างละเอียดเป็นพิเศษ
เฉาตงฟาเองก็เล่าออกมาหมดเปลือก รวมทั้งคำพูดของโจวจินหนานที่บอกว่าเมื่อกลับไปแล้วจะซื้อผ้าห่มขนแกะกลับไปให้ภรรยาด้วย
สวี่ชิงฟังจบเงียบ ๆ พยักหน้า จากนั้นชี้นิ้วไปที่อวี๋จิ้ง “พวกคุณไปดื่มเหล้าด้วยกันหรือเปล่า?”
เฉาตงฟาส่ายหน้าอย่างซื่อตรง “เปล่า หลังจากนักข่าวอวี้ไป กินเสร็จแล้วก็กลับไปก่อน ก่อนไปยังช่วยพวกเราจ่ายเงินค่าข้าว เพียงแต่สุดท้ายสหายโจวเอาเงินห้าหยวนให้พวกเราเอาไปคืนนักข่าวอวี้”
ถ้าไม่ใช่เพราะสวี่ชิงถามอย่างละเอียด เขาก็คงจะลืมไปแล้ว โดยเฉพาะวันสองวันมานี้เกิดเรื่องวุ่นวายมากจริง ๆ ก่อนอื่นก็เรื่องน้องชายบาดเจ็บไม่ได้สติ ต่อมาโจวจินหนานยังหายสาบสูญอีก
ต่อมาก็พวกเหยียนจี้ชวนมาหา ทุกวันพวกเขาต้องพยายามแจ้งกับคุณยายเป่ยซานให้ช่วยแจ้งสถานการณ์อย่างละเอียดตลอด จึงทำให้ลืมเอาเงินห้าหยวนมาคืนนักข่าวอวี้ไปเสียสนิท
ตอนนี้คิดขึ้นมาได้ ก็รีบหยิบเงินห้าหยวนออกมาจากในกระเป๋าส่งให้อวี๋จิ้ง “นักข่าวอวี้ วันนั้นพวกเรากินข้าวรวมทั้งหมดสี่หยวนหนึ่งเหมา สหายโจวให้เงินห้าหยวนกับผมแล้วบอกว่าคืนให้คุณ บอกว่าเขาไม่รู้จักคุณ เงินจำนวนนี้ไม่อาจให้คุณออกแทนเขาได้”
คำพูดเรียบ ๆ นี้เหมือนเป็นมือที่ตบลงบนหน้าของอวี๋จิ้ง เท่ากับว่าคำพูดของหล่อนเมื่อครู่เป็นคำพูดโป้ปดคิดไปเองทั้งหมด!
โจวจินหนานกล่าวว่าไม่รู้จักหล่อน เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะพูดกับหล่อนว่าภรรยาที่บ้านนิสัยดุร้าย?
ใบหน้าพลันปรากฏความรู้สึกกระอักกระอ่วนทันที
สวี่ชิงกอดอกมองอวี๋จิ้งนิ่ง ๆ เธอรู้อยู่แล้วว่าโจวจินหนานจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง แบบนี้สิถึงจะเป็นนิสัยของโจวจินหนาน
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่านักข่าวสาวคนนี้จะใช้เล่ห์กลแบบนี้มาถึงขั้นนี้ได้
จนถึงตอนนี้ทำไมยังคิดจะเป็นมือที่สามแบบนี้อยู่อีก?
อวี๋จิ้งกัดฟัน “พี่เฉา ข้าวมื้อนั้นถือว่าฉันเลี้ยงคุณกับพี่รองเฉา พวกคุณไม่ได้รับปากฉันว่าจะให้ฉันไปชนบททำเพลงพื้นบ้านของพวกคุณหรือคะ? ถึงตอนนั้นก็ต้องรบกวนพวกคุณด้วยนะคะ เงินนี้พวกคุณก็เก็บเอาไว้เถอะค่ะ”
เฉาตงฟาคิดว่าเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ อวี๋จิ้งคงไม่ไปชนบททำเพลงพื้นบ้านอะไรนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่ายังอยากไปอยู่อีก เขาลูบเงินห้าหยวนในมือ สุดท้ายก็หันกลับมาส่งให้สวี่ชิง “งั้นน้องสะใภ้โจวรับไว้เถอะ นี่เป็นเงินของสหายโจว ผมเองก็รับไว้ไม่ได้เหมือนกัน”
เพราะห้าหยวนก็เป็นเงินไม่น้อย
สวี่ชิงรับเงินห้าหยวนอย่างไม่เกรงใจ “งั้นก็ต้องขอบคุณนักข่าวอวี้ที่เลี้ยง แต่ฉันได้ยินมาว่านักข่าวอวี้เป็นนักข่าวภาคค่ำประจำเมืองเอกมณฑล ไม่ทราบว่านักข่าวอวี้ทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวภาคค่ำมานานแค่ไหนแล้วคะ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หน้าแตกยับแบบไม่ทันตั้งตัว โดนช็อตฟิลขั้นสุด หมอที่ไหนก็ไม่รับเย็บล่ะค่ะ รู้ว่าเขามีเมียแล้วยังคิดจะเป็นมือที่สามอีก ศีลธรรมเธอมีปัญหามากนะคุณนักข่าว
ไหหม่า(海馬)