เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 272 หาเจอเพียงรูปใบเดียว
บทที่ 272 หาเจอเพียงรูปใบเดียว
สวี่ชิงยังถือว่าโชคดีที่รอบรถไฟเที่ยวนี้ไม่ได้ค่ำเกินไป ตกเย็นก็มาถึงเมืองหลินหวู่แล้ว
เธอหิ้วกระเป๋าเรียบๆ ผ่านกลุ่มคนออกมาจากสถานีรถไฟ
สถานีรถไฟไม่ใหญ่ คนที่ยืนหน้าจัตุรัสก็มีไม่มาก หลังจากออกมาทางออกแล้วยังมีร้านรวงเล็ก ๆ เข็นรถมาขายซาลาเปา ข้าวโพดและก็แป้งทอดต่าง ๆ เสียงดังจอแจแลดูวุ่นวาย
สวี่ชิงเดินช้า ๆ แล้วก็มองรอบด้านไปด้วย คิดว่าถ้าเหยียนจี้ชวนเดาไม่ออกว่าเธอจะมา เธอก็จะไปพักที่หอพักทหาร เนื่องจากปลอดภัยกว่ามาก จากนั้นค่อยคิดวิธีตามหาพวกเหยียนจี้ชวน
ตอนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ไหล่ก็ถูกกระแทกเบา ๆ หันหน้าไปก็เห็นใบหน้าตื่นตระหนกของเหยียนจี้ชวนที่กำลังมองเธออยู่
สวี่ชิงเรียกเขาอย่างตกใจคำหนึ่ง “อาเล็ก”
เหยียนจี้ชวนใบหน้าขรึมลง “ยังรู้เหรอว่าฉันเป็นอาเธอ ไม่บอกไม่กล่าวก็วิ่งแจ้นออกมา ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันถึงจะทำให้คนอกสั่นขวัญหายขนาดไหน?”
สวี่ชิงเองก็ไม่กลัวว่าเหยียนจี้ชวนจะโมโห ผลักเขาไปด้านข้าง “โจวจินหนานล่ะคะ? สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
เหยียนจี้ชวนเห็นว่าไหน ๆ สวี่ชิงก็มาแล้ว จับตามองต่อก็ไม่มีความหมาย ยื่นมือไปรับกระเป๋าเป๋ของสวี่ชิงมาถือเอง “ไป กลับห้องพักก่อนค่อยพูด”
เขาเองก็ไปที่หอพักทหารเช่นกัน สวี่ชิงทอดถอนหายใจประโยคหนึ่ง “ฉันกำลังคิดอยู่เชียวว่าถ้าพวกคุณอาไม่รู้ว่าฉันจะมา ก็จะพักที่นี่”
เหยียนจี่ชวนมองสวี่ชิงด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง เมื่อไม่เห็นเธอแสดงสีหน้าร้อนรนอะไร ก็เดาความคิดของหลานสาวอายุน้อยคนนี้ไม่ออกเล็กน้อย
เห็นเธอยังมีอารมณ์พูดเรื่องอื่นก็หัวเราะหึคำหนึ่ง “เธอฉลาดดีนี่”
ทั้งสองคนขึ้นตึกมาไปห้องพักเหยียนจี้ชวน ในห้องมีเตียงสามหลัง ปูฟูกวางทับกันเหมือนเต้าหู้ บนหัวเตียงมีของวางเอาไว้ทั้งหมด ชัดเจนว่าทุกเตียงนั้นมีคนอยู่
สวี่ชิงมองรอบหนึ่ง “อากับเกาจ้านและก็สวีหย่วนตงพักด้วยกันที่นี่เหรอคะ พวกเขาล่ะ?”
เหยียนจี้ชวนทอดถอนใจอย่างอับจนหนทาง “มันน่าเสียดายเกินไปแล้วที่เธอไม่ได้ไปเป็นทหารสอดแนม เธอมีความสามารถในการจับสังเกตเก่งกาจขนาดนี้เชียวหรือ?”
สวี่ชิงเองก็ไม่คิดจะพูดไร้สาระ “แล้วคุณอาจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับโจวจินหนานได้หรือยังคะ?”
เหยียนจี้ชวนให้สวี่ชิงนั่งลง จากนั้นก็ลากเก้าอี้มานั่งลงด้านหน้าของเธอ “เธอสัญญานะว่าถ้าฟังจบแล้วเธอจะใจเย็น ๆ ”
สีหน้าสวี่ชิงพลันเปลี่ยนเป็นเด็ดขาดขึ้นมาทันที “ฉันขอล่ะค่ะ อาเล็กพูดเถอะ”
“โจวจินหนานหายสาปสูญไปแล้ว” เหยียนจี้ชวนจ้องสวี่ชิง เห็นสีหน้าสวี่ชิงไม่เปลี่ยนก็พูดต่อว่า “ก่อนที่จะหายไป เขาโทรศัพท์หาอา บอกว่าน่าจะพบเบาะแสของแม่เธอที่นี่ แต่เขาคนเดียวจะทำอะไรผลีผลามไม่ได้ พูดอย่างดีว่ารุ่งเช้าจะโทรศัพท์ติดต่อพพวกเราอีกรอบ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราว ดังนั้นพวกเราถึงได้ขับรถมากันในวันนั้น”
สวี่ชิงมุ่นคิ้ว “นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าโจวจินหนานจะหายสาบสูญจริงเสียหน่อย เขาอาจจะหาเบาะแสอย่างอื่นพบ จึงติดต่อพวกคุณอาไม่ทันก็ได้”
เหยียนจี้ชวนส่ายหน้า “ไม่ใช่ เขาเป็นคนเข้มงวดคนหนึ่ง ต่อให้หาเบาะแสหนึ่งพบก็ต้องติดต่อพวกเราก่อน อีกทั้งตอนพวกเราอยู่ที่หุบเขาลึกก็บังเอิญเจอเสื้อเปื้อนเลือดตัวหนึ่ง แล้วในเสื้อยังมีสิ่งนี้”
พูดอยู่ก็ยื่นมือไปหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งจากช่องเก็บของหัวเตียง พลิกหยิบรูปใบหนึ่งออกมา เป็นรูปถ่ายคู่กันของสวี่ชิงกับโจวจินหนาน
หัวใจสวี่ชิงพลันปวดหนึบชั่วขณะ รับรูปมาเงียบ ๆ
เหยียนจี้ชวนมองสวี่ชิง “สองวันมานี่พวกเราคิดหาวิธีมาโดยตลอด แต่กลับไม่พบเบาะแสมาจนถึงตอนนี้”
สวี่ชิงบีบรูปในมือแน่น ผ่อนลมหายใจหนักอึ้งทางปากครั้งหนึ่ง กดข่มความรู้สึกปวดหนึบในใจเอาไว้ “เขารู้เบาะแสแม่ของฉันได้ยังไง และเบาะแสนั่นคือะไรคะ?”
เหยียนจี้ชวนนำเรื่องที่โจวจินหนานพบกับสองพี่น้องเฉาเล่าอย่างเรียบง่ายรอบหนึ่ง “ตอนนี้เฉาตงชางยังพักอยู่ที่โรงพยาบาล พ้นขีดอันตรายมาแล้ว แต่ร่างกายได้รับความเสียหายหนักมาก”
สวี่ชิงกลับจับใจความสำคัญไม่เหมือนกัน “ช่วยนักข่าวสาวคนหนึ่ง? นักข่าวสาวเป็นยังไง มาจากไหนคะ”
เหยียนจี้ชวนรู้อย่างแท้จริง “มาจากในเมือง ได้ยินเฉาตงฟาบอกว่าน่าจะนั่งมารถคันเดียวกันโจวจินหนาน เป็นเพราะเฉาตงชางช่วยหล่อนจนได้รับบาดเจ็บ หล่อนเลยต้องรับผิดชอบ ตอนนี้ยังคอยช่วยดูแลเฉาตงชางอยู่ที่โรงพยาบาล”
สวี่ชิงหรี่ตาตอบรับอืมอย่างคลุมเครือคำหนึ่ง
เหยียนจี้ชวนเห็นสวี่ชิงไม่พูดจา ก็กลัวว่าเธอจะสะเทือนใจ รีบพูดปลอบว่า “เหตุการณ์ตอนนี้ก็เป็นแบบนี้ แต่การไม่มีข่าวก็คือข่าวที่ดีที่สุด ดังนั้นยังพูดไม่ได้หรอกว่าโจวจินหนานตกอยู่ในอันตราย พรุ่งนี้พวกเราจะเตรียมเดินสำรวจในเขาลึกอีกรอบ ดูว่าจะมีเบาะแสอะไรอีกไหม”
สวี่ชิงลูบดวงตาที่เริ่มพร่ามัว “ฉันอยากไปเยี่ยมเฉาตงชางที่โรงพยาบาล”
เหยียนจี้ชวนยังกลัวว่าสวี่ชิงจะขอตามเข้าไปในภูเขาลึกกับพวกเขาด้วย พอได้ยินว่าเธอจะไปเยี่ยมเฉาตงชางก็ลอบทอดถอนอย่างโล่งใจ “นี่ก็เย็นมากแล้ว พวกเราไปกินข้าวก่อน ค่อยเปิดห้องให้เธอพักผ่อนสักหน่อย พรุ่งนี้เช้าค่อยไปดีไหม”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่เหนื่อยแล้วก็ไม่หิว พวกเราไปกันตอนนี้เลย”
เหยียนจี้ชวนพบว่า หลานสาวของเขาคนนี้ไม่ร้องไห้ฟูมฟายแต่กลับนิ่งอย่างผิดปกติ ทว่าน้ำเสียงกลับทำให้คนยากที่จะปฏิเสธ
จึงทำได้เพียงสางผมแก้เก้อ “ได้ ไปตอนนี้ก็ได้ อยู่ไม่ไกลพอดี”
สวี่ชิงเดินมาที่ระเบียงทางเดินของโรงพยาบาล ก็เห็นนักข่าวสาวที่ถูกช่วยคนนั้น หล่อนสวมเสื้อสูทลายสก็อตตัวหนึ่ง ปล่อยผมยาวประบ่า บุคลิกทำงานเก่งปนกับความเย่อหยิ่ง
หน้าตาสะสวยทีเดียว
ตอนเธอมองอวี๋จิ้ง อวี๋จิ้งเองก็มองเห็นเธอเช่นกัน
หล่อนรู้จักเหยียนจี้ชวน วันสองวันนี้เขามาถามเรื่องเกี่ยวกับโจวจินหนานตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าอยู่ดี ๆ โจวจินหนานจะหายสาบสูญไปได้ ดังนั้นช่วงสองวันที่ดูแลเฉาตงชาง จึงอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด
เพราะอยากรู้ว่าโจวจินหนานเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
ตอนนี้เห็นผู้หญิงข้างกายเหยียนจี้ชวนสวมกางเกงดำธรรมดา ท่อนบนสวมเสื้อสเวตเตอร์สีฟ้าอ่อน ด้านในสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อคลุมตัวกว้างมากด้านบนยังถักเป็นลวดลาย ทำให้เสื้อนอกยิ่งดูใหญ่ไม่สมส่วน
แต่เมื่ออยู่บนตัวผู้หญิงคนนั้น ให้ความรู้สึกนุ่มนวลแฝงความเกียจคร้าน ปฏิเสธไม่ได้ว่าดูดี
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นดูดีหรือเปล่า?
ในใจเกิดความรู้สึกเป็นปรปักษ์บางอย่างกับสวี่ชิงอยู่เงียบๆ เมื่อเห็นสองคนเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยเฉาตงชาง หล่อนเองก็เดินตามไปเงียบๆ ด้วยเช่นกัน
สวี่ชิงเพียงกวาดสายตามองเงียบงันแวบหนึ่ง แล้วดึงสายตากลับมาเข้าห้องพักผู้ป่วยไปพร้อมกับเหยียนจี้ชวน
มองแวบเดียว เธอก็สามารถรับรู้ความไม่เป็นมิตรออกมาจากร่างกายอีกฝ่ายได้แล้ว คนฉลาดแบบเธอ เพียงครู่เดียวก็เข้าใจว่าเรื่องอะไร
คนของเธอ ของของเธอ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะถูกคนอื่นเอาไปครอบครอง แม้แต่คิดถึงก็ไม่มีสิทธิ์!
เฉาตงฟานั่งป้อนข้าวให้เฉาตงชางอยู่ข้างเตียง เมื่อเห็นเหยียนจี้ชวนพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา ก็รีบวางจานลุกขึ้นยืน “สหายเหยียน มาทำอะไรดึกดื่นแบบนี้ครับ”
เหยียนจี้ชวนชี้นิ้วไปทางสวี่ชิง “นี่คือหลานสาวฉัน และก็เป็นคนรักของโจวจินหนาน หล่อนอยากจะรู้เรื่องราวมากกว่านี้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”
เฉาตงฟามองสวี่ชิงยังคาดไม่ถึง “ที่แท้ก็เป็นคนรักของเขานี่เอง รีบนั่งก่อนเถอะ”
พูดอยู่ก็ลอบมองสวี่ชิงสองสามแวบ โจวจินหนานใช้ไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือ? แม้กระทั่งน้องสะใภ้ตัวผอมบางขนาดนี้ยังสู้ไม่ได้?
อวี๋จิงที่ยืนอยู่หน้าประตูรู้สึกคาดไม่ถึง ผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาของโจวจินหนานไปได้อย่างไร? ไม่ควรเป็นผู้หญิงดุดันคู่กับผู้ชายแข็งแกร่งแบบเขาหรือ?
เพราะอวี๋จิงกำลังตื่นเต้น ทำให้ผลักประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
เสียงพูดคุยในห้องพักผู้ป่วยพลันหยุดทันที สายตามองไปทางเดียวกัน
สายตาสวี่ชิงจ้องมองอวี๋จิงอย่างสนใจยิ่งกว่าใคร….
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ไปๆๆ ยัยผีเสื้อ เลิกตอมพี่หนานได้แล้ว เมียตัวจริงเขามาตามหาแล้ว
ไหหม่า(海馬)