เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 267 สวี่ชิงขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาที่โหดเหี้ยมP
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 267 สวี่ชิงขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาที่โหดเหี้ยมP
บทที่ 267 สวี่ชิงขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาที่โหดเหี้ยม
โจวจินหนานลืมตาขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเรื่องลี้ลับของยายเป่ยซาน เขากะพริบตาและลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ราวกับเพิ่งตื่นนอน ท่วงท่าจิตวิญญาณยังคงดูเชื่องช้า
ชายที่โพกผ้าสีขาวรีบขอโทษขอโพยทันทีที่เห็นโจวจินหนานตื่นขึ้นมา “โทษทีน้องชาย เราเสียงดังเกินจนรบกวนคุณเข้าสินะ”
โจวจินหนานโบกมือ “ไม่เป็นไรครับ ผมนอนมาทั้งบ่าย ไม่ง่วงแล้ว พอได้ยินสำเนียงของพี่ชายทั้งสองคน พวกพี่เป็นคนเป่ยซานใช่ไหม?”
ชายโพกผ้าสีขาวส่งยิ้มอย่างตรงไปตรงมา “ครับ เราสองคนเป็นพี่สองกัน ผมชื่อเฉาตงฟา ส่วนน้องชายผมชื่อเฉาตงชาง ทำธุรกิจขนสัตว์ด้วยกัน แล้วน้องชายมาจากไหนหรือ?”
โจวจินหนานสวมรองเท้าและลงมาจากเตียง หยิบกล่องบุหรี่ยี่ห้อหลานโจวออกมาจากกระเป๋า ฉีกออกและหยิบมวนบุหรี่ยื่นให้พี่น้องทั้งสองคน “มาจากเมืองหลวงน่ะ ขอดูหนังแกะหน่อยสิครับ ผมอยากจะเก็บรวบรวมหนังแกะไปทำที่นอนหนังแกะให้ภรรยา เห็นเขาบอกว่าหนังแกะในเขตเป่ยซานหนานุ่มเป็นพิเศษ ให้ความอบอุ่นได้ดี”
เฉาตงฟาโบกมือปฏิเสธอย่างสุภาพ “ไม่เป็นไรครับ พวกเรามีอยู่”
ขณะที่เฉงตงชางถูมือและต้องการจะยื่นมือออกไปรับ ถึงวันนี้เขาจะทำเงินได้ยี่สิบหยวน แต่เขาก็ยังลังเลที่จะสูบบุหรี่ยี่ห้อดี ๆ แบบนี้ เขาจึงจะไปซื้อยาสูบราคาไม่กี่เหมามาม้วนสูบกับหนังสือพิมพ์แทน
เมื่อเห็นว่าเฉาตงฟาที่เป็นพี่ชายพูดปฏิเสธ เขาก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ เรามีของเราอยู่”
โจวจินหนานคีบบุหรี่ไว้ในมือ “อยู่ข้างนอกนี้เราก็เป็นพี่น้องกันหมด อย่าเกรงใจนักเลย” ก่อนจะหยิบไม้ขีดไฟออกมาจุดบุหรี่ให้ทั้งสองคน
จากนั้นจึงจุดบุหรี่อีกมวนให้ตนเอง ก่อนที่ทั้งสามคนจะนั่งสูบบุหรี่อยู่บนขอบเตียง
เฉาตงฟาช่างพิถีพิถัน และรู้จักพูดจาเอาใจใส่ “น้องชายเอาใจใส่ภรรยาที่บ้านดีจังนะ ที่นอนหนังแกะมีอยู่ทั่วไปแท้ ๆ แต่กับถ่อมาซื้อถึงหลินหวู่ เอาใจใส่จริง ๆ”
โจวจินหนานยิ้ม “ไม่มีทางเลือกน่ะสิครับ ภรรยาที่บ้านดันพูดส่งท้ายว่าถ้าหาซื้อที่นอนดี ๆ ไม่ได้ หล่อนจะจัดการให้สาสมและห้ามกลับไปเหยียบไปอีก”
เฉาตงชางหัวเราะเสียงดังลั่น “กลัวเมียนี่หว่า ฉันจะบอกอะไรให้นะผู้หญิงคนนี้ก็แค่อยากจะเอาชนะนาย เพราะงั้นปิดหูปิดตาไม่ต้องไปฟังหล่อนหรอก แล้วค่อยลงมือจัดการจนกว่าหล่อนจะเชื่อฟังแทน”
เฉาตงฟารู้สึกว่าโจวจินหนานไม่ได้เป็นคนประเภทเดียวกับพวกเขา เพราะฉะนั้นเขาจะต้องไม่ชอบฟังเรื่องไร้สาระพรรค์นี้อย่างแน่นอน จึงหันไปมองน้องชาย “แกพูดบ้าอะไร คิดว่าคนในเมืองจะไร้ความสามารถเหมือนพวกเราหรือไง? ถ้าไม่เข้าใจก็อย่าทำตัวโง่นักสิ”
โจวจินหนานขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ผมพูดจริงนะ แต่ว่าภรรยาผมโหดเหี้ยมมาก เอาชนะหล่อนไม่ได้เลย”
สองพี่น้องสกุลเฉารีบมองไปที่โจวจินหนานทันทีที่ได้ยินประโยคดังกล่าว สายตาเผยความไม่อยากเชื่อ
โจวจินหนานสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ไม่ได้ดูอ้วน อีกทั้งยังกำยำล่ำสัน รูปลักษณ์เช่นนี้จะไม่สามารถเอาชนะภรรยาได้อย่างไร? หล่อนจะต้องโหดเหี้ยมถึงขนาดไหน?
ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีส่วนสูงพอ ๆ กับโจวจินหนานและแข็งแกร่งพอ ๆ กับผู้ชายปรากฏขึ้นในหัวของพี่น้องทั้งสอง จนพวกเขารู้สึกเห็นอกเห็นใจโจวจินหนานขึ้นมา
เฉาตงชางรีบตบปากตนเอง “ไม่เป็นไร หนังแกะชั้นดีอยู่ในหลินหวู่นี้แล้ว หรือลองไปที่ดูหนังแกะหลินหวู่ที่เป่ยซานดู แกะในเป่ยซานกินน้ำแร่จากลำธารบนภูเขา กินหญ้าสมุนไพร ทุกตัวมีขนเรียบหนานุ่ม ถูกใช้มาทำเป็นผ้านวมและผ้าปูเตียง ต่อให้นอนไม่ใส่เสื้อผ้าในหน้าหนาวก็ยังไม่รู้สึกหนาว”
โจวจินหนานพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “นั่นนับว่าดีเลย เพราะงี้ผมถึงมาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่าโชคชะตาฟ้าจะลิขิตให้ได้มาเจอสองพี่น้องจากเป่ยซาน พวกพี่ยังมีหนังแกะกันอยู่ไหม? ผมอยากจะซื้อสักสองผืน”
เฉาตงฟาชำเลืองมองน้องชาย และส่ายหน้าด้วยความเสียใจ “ตอนนี้ที่บ้านเราไม่มีแล้ว พออากาศเริ่มเย็นหญ้าบนภูเขาก็หายไปหมด แถมเรายังต้องหาอาหารอีกมากมายมาเลี้ยงดูครอบครัวในฤดูหนาว อยากจะรีบทำมันให้เสร็จ ๆ ไปซะ ตอนนี้ที่บ้านเหลือแต่แม่แกะกับลูกแกะเท่านั้น”
โจวจินหนานตีหน้าเศร้า “แล้วครอบครัวอื่นในมณฑลล่ะ? พวกพี่ช่วยหาทางพาผมไปเจอพวกเขาได้ไหม?”
เฉาตงฟาพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “ไม่มีปัญหา แกะที่ดีที่สุดในเป่ยซานอยู่ในหมู่บ้านของเรา ไปสอบถามที่หมู่บ้านแล้วนายจะได้รู้ว่าใครเป็นคนชำแหละหนังแกะ”
โจวจินหนานใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าวสอบถามข้อมูล “หมู่บ้านของพี่ชายชื่ออะไรเหรอ?”
“บ้านสันเขาสกุลเฉา เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนเชิงเขา เพราะใกล้กับภูเขามาก แกะถึงได้มีคุณภาพ”
เฉาตงฟาพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
โจวจินหนานพยักหน้า “นับว่าดีเลยครัย ดูเวลาแล้วยังไม่ค่ำ พวกพี่ชายยังไม่ได้กินข้าวกันใช่หรือเปล่า? เราไปกินข้าวเย็นกันไหม? แล้วดื่มเหล้าสักสองสามจิบ สองสามวันมานี้ฝนตกจนอากาศเย็นลง มาดื่มไล่หนาวกันเถอะครับ”
เขาไม่มีเวลาได้สอบถามเกี่ยวกับยายเป่ยซาน และถึงจะพูดถามออกไป อีกฝ่ายคงไม่เต็มใจจะตอบมากนัก
ครั้นเมื่อดื่มจนหนำใจแล้ว พวกเขาทั้งหมดจะกลายมาเป็นพี่น้องกัน ถึงตอนนั้นจะพูดถามอะไรก็ได้
เฉาตงชางที่กระหายเหล้ารีบโพล่งขึ้นเสียงดังลั่นด้วยความตื่นเต้น “ดี ๆๆ ฉันหิวมากแล้วเนี่ย”
ทว่าเฉาตงฟากลับตระหนักถึงความปลอดภัย “อย่าเลย ข้างนอกตอนกลางคืนไม่ค่อยปลอดภัย ได้ยินมาว่าชอบมีการปล้นสะดม พวกเราควรอดทนไว้”
โจวจินหนานพูดเชื้อเชิญทั้งสองอย่างอบอุ่น “เราก็อย่าไปไหนไกลสิ แค่กินบะหมี่ที่ร้านบะหมี่หน้าประตูก็พอ ถั่วลิสงสักจานกับเหล้าสองชั่ง เมียผมเข้มงวดมาก ผมต้องหาออกมาดื่มข้างนอกทุกที”
เฉาตงชางตบมือ “มัวรออะไรเล่า ไปกันเลย ดื่มสักสองสามจิบ สนองความอยากของฉันหน่อย”
เฉาตงฟาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากออกไปข้างนอกพร้อมกับทั้งสองคน แต่ก่อนออกไปข้างนอก เขาก็ฝากกระเป๋าที่นำติดตัวมาด้วยไว้กับโต๊ะเก็บค่าธรรมเนียม
อวี๋จิ้งพิงผนังคอยฟังเสียงการเคลื่อนไหวจากห้องข้าง ๆ บ้านบังกะโลค่อนข้างเก่าและไม่เก็บเสียง หล่อนจึงได้ยินแม้กระทั่งเสียงไอจากฝั่งตรงข้าม
ดังนั้นหล่อนจึงได้ยินเสียงบทสนทนาระหว่างโจวจินหนานกับสองพี่น้องอย่างชัดเจน
ไม่น่าเชื่อว่าชายร่างกำยำจะออกมาหาซื้อหนังแกะไปทำที่นอนให้ภรรยา อีกทั้งยังกลัวภรรยามาจนไม่กล้าทุบตีหล่อน
เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ดุร้ายปานนั้นเชียว?
หล่อนจินตนาการถึงเรื่องราวที่ได้ยิน รูปร่างหน้าตาของนางมารร้ายคนนั้นจะต้องเป็นเพชฌฆาตเป็นแน่
หล่อนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินว่าพวกโจวจินหนานกำลังจะออกไปกินบะหมี่ที่หน้าประตู ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าตามออกไป
ร้านบะหมี่ขนาดเล็กอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ด้านในมีทั้งหมดสี่โต๊ะ และมีเพียงบะหมี่เส้นยาวชุ่ยฉวงที่ทำมาจากแป้งสีขาวผสมกับน้ำด่าง ทำให้เส้นบะหมี่ออกมามีขนาดยาวและหนึบหนับ เทน้ำมันร้อนลงไปเล็กน้อย เพียงเท่านี้ก็ได้บะหมี่ผสมกับน้ำมันพริกขลุกขลิก
โจวจินหนานสั่งบะหมี่ชามใหญ่สามชาม ถั่วลิงสงหนึ่งจาน และเหล้าเกาเหลียงอีกสองชั่ง
เนื่องจากไม่มีแก้วเหล้า จึงใช้ถ้วยชามาใส่เหล้าแทน ถ้วยหนึ่งสามารถเทใส่ได้สองถึงสามรอบ
โจวจินหนานหยิบถ้วยขึ้นมาและมองไปที่สองพี่น้องสกุลเฉา “วันนี้เป็นวันดีที่ผมได้ออกมาเจอพี่ชายทั้งสอง ช่วยเหลือผมจากปัญหามากมาย ให้ผมหาหนทางไปซื้อหนังแกะที่ดีที่สุด มา ชนแก้วครับ”
เฉาตงชางแทบจะอดทนรอไม่ไหว เขาถอนหายใจด้วยความโล่งใจและยิ้มยิงฟัน “ด้วยความยินดี ก่อนที่เราจะออกมา เราไปถามคุณยายเป่ยซาน หล่อนว่าวันนี้ถ้าเราออกมา เราจะได้เจอกับผู้ส่งศักดิ์ ดูเหมือนว่าน้องชายจะเป็นผู้สูงศักดิ์ของพวกเรานะ”
ทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มเยอะ แต่หัวข้อบทสนทนากลับพรั่งพรูออกมา ทำให้โจวจินหนานไม่ได้รีบร้อนนัก “คุณยายเป่ยซานที่พวกพี่พูดถึงคือใครหรือครับ? ดูเหมือนว่าจะมีความสามารถมาก”
เฉาตงฟาหัวเราะ “ถ้าจะพูดให้ถูก หล่อนก็คือผู้อาวุโสในหมู่บ้านเรา”
หลังจากเฉาตงชางรินเหล้าเข้าไปในท้องอีกแก้ว จิตใจของเขาก็สับสนวุ่นวาย “ผู้อาวุโส? นายบอกว่าหล่อนยังดูสาวอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
…………………………………………
สารจากผู้แปล
ได้เจอสหายใหม่แล้วเปรี้ยวขึ้นนะพี่หนาน ตอนอยู่กับชิงชิงไม่เห็นพูดมากแบบนี้
ไหหม่า(海馬)