เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 266 โจวจินหนานค้นพบสิ่งสำคัญ
บทที่ 266 โจวจินหนานค้นพบสิ่งสำคัญ
โจวจินหนานกลับไปนั่งที่เดินด้วยใบหน้าบูดบึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคลาดกับใครบางคน!
บริเวณที่นั่งมีชีวิตชีวามากขึ้น อวี๋จิ้งฉุดรั้งหญิงสาวคนดังกล่าวเอาไว้และไม่ยอมปล่อยหล่อนไปเพราะคิดว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของหล่อน และกล่าวหาว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ค้ามนุษย์
เจ้าหน้าที่พนักงานเข้ามาช่วยดูและรับรู้ได้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน
เด็กน้อยเป็นเด็กผู้หญิงและเป็นลูกของหญิงสาวคนนี้จริง ๆ หล่อนคนนี้กำลังตั้งท้องได้ประมาณห้าถึงหกเดือน วางแผนจะไปพักอาศัยและให้กำเนิดลูกในท้องที่บ้านญาติซึ่งอยู่ในชนบททางตอนใต้ หลีกเลี่ยงนโยบายวางแผนครอบครัว
เนื่องจากฝ่ายชายประกอบอาชีพอยู่ในโรงงานตราสาร หากหน่วยงานค้นพบ เขาจะไม่เพียงถูกไล่ออก แต่ยังต้องจ่ายค่าปรับด้วย
หญิงสาวกลัวว่าจะถูกค้นพบ จึงกอดลูกเอาไว้แน่นเพื่อปกปิดหน้าท้องที่นูนป่อง โดยหวังว่าคนที่รู้จักหล่อนบนรถไฟจะไม่เห็นมัน พวกเขาล้วนขึ้นรถไฟมาจากตัวเมือง ใครจะไปรู้ว่าอาจจะมีคนรู้จักก็เป็นได้
แต่คาดไม่ถึงว่านักข่าวสาวคนนี้จะดื้อรั้นราวกับคนโรคจิต ทั้งที่หล่อนกลัวว่าคนอื่นจะเห็นท้องของตนเอง แต่สุดท้ายทุกคนบนรถไฟกลับรู้เรื่องนี้
เจ้าหน้าที่พนักงานไม่ได้สนใจเรื่องนโยบายการวางแผนครอบครัว ถึงกระนั้นก็วิพากวิจารณ์และให้ความรู้แก่พวกเขาก่อนจากไป
อวี๋จิ้งไม่คิดว่าตนเองจะสร้างความเข้าใจผิดครั้งมหันต์เช่นนี้ หล่อนรู้สึกเสียหน้ามาก และจ้องมองไปทางหญิงสาว “ถึงคุณจะไม่ใช่ผู้ค้ามนุษย์ แต่มันก็ผิดที่คุณพยายามหลีกเลี่ยงนโยบายการวางแผนครอบครัว ตอนนี้ประเทศชาติเราสนับสนุนให้มีลูกคนเดียว แต่คุณก็ยังจะแอบคลอดลูกอีก ทำไมจิตใต้สำนึกของคุณถึงได้ต่ำตมขนาดนี้?”
หญิงสาวรู้สึกละอายแก่ใจมากอยู่แล้ว และยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองมากขึ้นเมื่อได้ยินอวี๋จิ้งพูดถึงเรื่องนี้ ในเมื่อคนรอบข้างได้ยินเกี่ยวกับการตั้งครรภ์หมดแล้ว หล่อนจึงไม่รู้สึกว่าจะถูกค้นพบและถูกแจ้งจับอีกต่อไป
หล่อนอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขนและจ้องไปทางอวี๋จิ้ง “ฉันคิดว่าคุณคงยังไม่ได้แต่งงานสินะ? ทำไมคุณถึงทำตัวเป็นป้าข้างบ้านคอยสนใจเรื่องคนอื่นอยู่ได้ล่ะ? คุณไม่ต้องมายืนคุยให้ปวดหลังหรอก รอจนกว่าคุณจะแต่งงานก่อนเถอะ ไว้ครอบครัวสามีบีบบังคับให้คุณคลอดลูกเมื่อไหร่ คุณคงจะไม่รั้นหัวชนฝาเหมือนตอนนี้”
อวี๋จิ้งต้องการจะต่อล้อต่อเถียงต่อ แต่กลับเห็นโจวจินหนานจัดแจงกระเป๋าและเดินตรงไปที่ประตูทางออก หล่อนจึงรีบไล่ตามเขาไป “เฮ้ เฮ้ คุณคะ ยังไม่ถึงสถานีเลย คุณจะลงแล้วเหรอ?”
โจวจินหนานไม่ได้ปิดบังสายตาเอือมระอาอีกต่อไป ขณะมองไปที่อวี๋จิ้ง “คุณควรจะคิดไตร่ตรองให้มากกว่านี้ ก่อนที่จะเข้าไปยุ่งวุ่นวาย”
เขาจากไปโดยไม่หันมามอง
อวี๋จิ้งพลันใบหน้าร้อนผ่าว จ้องมองไปที่โจวจินหนานและนึกถึงได้ว่าก่อนหน้านี้โจวจินหนานบอกว่าหญิงสาวคนนั้นไม่ใช่ผู้ค้ามนุษย์
ทำให้หล่อนรู้สึกว่าตนเองเป็นเหมือนตัวตลกที่กระโดดโลดเต้นไปมา
โจวจินหนานคาดสายตาจากอามู่ แต่คาดการณ์ว่าเขาจะต้องไปที่เมืองหลินหวู่อย่างแน่นอน ถึงหลินหวู่จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ก็ยากต่อการตามหาใครสักคน
เขาควรไปที่เตียนหนานหรือไปเสี่ยงโชคที่เมืองหลินหวู่ดี?
ทว่าสวี่ชิงพูดถูก ต่อให้อามู่จะปิดบังความลับเอาไว้มากมาย แต่เขาก็ไม่มีรังสีอาฆาตพยาบาท อีกทั้งยังมีดวงตาใสซื่อ
ไม่เหมือนกับคนที่ปิดบังเจตนาชั่วร้าย ทำให้เขามั่นใจว่าอามู่รู้ว่าเย่หนานอยู่ที่ไหน
แค่อามู่ลงมาทางใต้ เขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องมาหาเย่หนาน
โจวจินหนานตัดสินใจลงที่สถานีหลินหวู่ เขามีเวลาเพียงพอที่จะตามหาเบาะแสจากผู้คนในท้องถิ่นได้
แต่เป็นเพราะสภาพอากาศที่ย่ำแย่ จึงทำให้มาถึงสถานีหลินหวู่ในเที่ยงวันถัดไป
โจวจินหนานถือกระเป๋าลงจากรถไฟ และไปยังโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียงสถานีรถไฟ
หลินหวู่เป็นเมืองขนาดเล็กที่คล้ายคลึงกับขนาดของอำเภอ โรงแรมบริเวณใกล้เคียงถูกดัดแปลงมาจากร้านขายรถยนต์ขนาดใหญ่ มีลานกว้างและมีห้องบังกะโลอยู่ด้านใน ส่วนตรงกลางเป็นลานสำหรับจอดรถไฟมาก่อน ตอนนี้ได้รับการซ่อนแซมและปรับปรุงให้กลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
โจวจินหนานไม่ได้เลือกมาก และนอนห้องสำหรับสี่คน
ห้องดังกล่าวมีขนาดใหญ่ และไม่มีผู้อยู่อาศัย มันจึงกลายมาเป็นห้องเดี่ยว
เขาวางกระเป๋า เก็บเงินไว้กับตัว นั่งอยู่บนขอบเตียงและกินไข่ใบชากับแป้งทอดต้นหอมที่อยู่ด้านนอกกล่องอาหารกลางวัน หลังจากกินเสร็จ เขาก็นำกล่องข้าวไปล้างที่ก๊อกน้ำบริเวณลานกว้าง
สายตาบังเอิญเห็นอวี๋จิ้งถือกระเป๋าเดินทางและห้อยกล้องถ่ายรูปไว้ในคออยู่ที่ด้านหน้าประตู กำลังจ้องมองเข้ามา
หล่อนเดินถือกล้องเข้ามาและรีบโบกไม้โบกมือด้วยความดีใจทันทีที่เห็นโจวจินหนาน “สหาย คุณอยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ? ตอนแรกฉันคิดว่าที่นี่ค่อนข้างไกล และคิดอยู่ว่ามันจะปลอดภัยหรือเปล่า แต่พอเห็นคุณอยู่ที่นี่ ฉันคิดว่ามันจะต้องปลอดภัยแน่ ๆ”
โจวจินหนานเปิดน้ำล้างกล่องอาหารกลางวัน โดยไม่สนใจใยดีอวี๋จิ้ง หันหลังและเดินกลับไปที่ห้องพัก
อวี๋จิ้งวิ่งไล่ตามหลังไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง “เฮ้ อย่าเพิ่งไป ฉันชื่ออวี๋จิ้ง มาจากในตัวเมือง ถือได้ว่าเราเป็นคนบ้านเดียวกัน อีกอย่างฉันไม่คุ้นเคยกับที่นี่เท่าไหร่”
โจวจินหนานหยุดเดินกะทันหัน “ไม่เข้าใจเลยว่าคุณจะลงจากรถไฟมาทำไม? ถ้าคุณกลัวนักก็ไปหาพักที่โรงแรมข้างหน้าซะ”
เขาหันหลังเดินจากไปหลังจากพูดจบ ร่างกายแผ่รังสีเย็นเยือกออกมา
แสดงให้เห็นว่าเขาเริ่มหมดความอดทน
อวี๋จิ้งไม่กล้าไล่ตาม และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไปที่โต๊ะเก็บค่าที่พักเพื่อขอเปิดห้องหนึ่งห้อง เป็นห้องเดี่ยวที่กั้นแยกผนังมาจากห้องของโจวจินหนานโดยเฉพาะ กัดฟันและจ่ายค่าห้องพักคืนละสามหยวน
โจวจินหนานไม่ได้สนใจการกระทำของหญิงสาว หันหลังกลับเข้าไปในห้องและล้มตัวนอนลงบนเตียงที่อยู่ห่างไกลที่สุด สงสัยว่าอามู่จะมาที่เมืองนี้หรือไม่ อย่างไรเสียยังมีเมืองมากมายอยู่ใต้ล่างเมืองหลินหวู่ เขาจะเดินทางไปที่เมืองอื่นหรือไม่
เขาเลือกพักอาศัยอยู่ที่โรงแรมมาตรฐานต่ำแบบนี้เพราะเขารู้ดีว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้าพักล้วนเป็นคนในพื้นที่ และส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าที่ขนเอาขนสัตว์และเครื่องมือทางการแพทย์เข้ามาขายในเมือง
แน่นอนว่ายังมีพวกอันธพาลจากเมืองหลินหวู่พักอาศัยอยู่ที่นี่ และการพักอาศัยอยู่ที่นี่อาจได้รับสิ่งตอบแทนที่คาดไม่ถึง
โจวจินหนานหรี่ตาลงเพื่อนอนพักผ่อน แต่กลับพบว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาไม่คิดอะไร เขามักจะนึกถึงสวี่ชิงอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เธอยิ้ม เวลาที่เธออยู่ใกล้เขาและพูดไม่หยุด
เขาไม่ได้รู้สึกหนวกหูแม้แต่น้อย และน้ำเสียงของเธอมักทำให้หัวใจของเขาสงบลง
โจวจินหนานสูดลมหายใจเข้าลึก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องอยู่คนเดียว หัวใจของเขาปวดร้าวและต้องการกลับไปกอดเธอ
เขาหยิบรูปถ่ายขนาดครึ่งฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม มันเป็นรูปถ่ายของเขากับสวี่ชิง
สวี่ชิงเอียงศีรษะพิงไหล่เขาด้วยรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ ดวงตาของเธอดูงดงามมาก และดูราวกับดวงตาคู่นั้นจะสามารถเอื้อนเอ่ยได้
เรียวนิ้วลูบไล้ใบหน้าของสวี่ชิงโดยที่ไม่รู้ตัว
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา โจวจินหนานรีบเก็บรูปถ่ายและนอนตะแคง หลับตาลงและทำท่าว่าผล็อยหลับไป
ประตูถูกผลักออก ชายสองคนที่สวมเสื้อกั๊กหนังแกะเดินเข้ามา ทั้งสองคนอายุประมาณสามสิบกว่าปีได้ ใบหน้าของชายคนหนึ่งแดงก่ำ เริ่มพูดเสียงดังขึ้นและตะคอกทันทีที่เปิดประตูออก “บัดซบ การเดินทางรอบนี้น่าสะอิดสะเอียนเป็นบ้า เจ้านั่นมันเป็นใคร กล้าดียังไงมาบอกว่าหนังแกะของเรามีตำหนิ”
ชายอีกคนหนึ่งมีรูปร่างผอมกว่า บนศีรษะมีผ้าโพกหัวสีขาว เหลือบมองโจวจินหนานที่นอนตะแคงอยู่และลดน้ำเสียงลง “ใจเย็นน่า แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ก่อนหน้านี้สองสามปีเรากล้าทำธุรกิจแบบนี้ไหมล่ะ? ดูสิว่าทริปครั้งนี้ได้มาตั้งยี่สิบหยวน แกยังไม่พอใจอีกหรือไง?”
ชายร่างใหญ่กว่าตะคอกเสียงดัง “ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามันจะดีกว่านี้”
ชายร่างผอมจ้องมองเขา “คนเราควรเรียนรู้จักการพอใจ ตอนที่เราออกมา ยายเป่ยซานก็บอกความปลอดภัยต้องมาก่อน ส่วนเงินเป็นของนอกกายไม่ใช่หรือไง”
ชายที่ตะคอกเสียงดังเงียบไปชั่วขณะ และพึมพำเสียงเบาว่า “ที่ยายเป่ยซานพูดอาจจะไม่จริงก็ได้ หล่อนลึกลับมากนี่ ใครจะรู้ว่าหล่อนอาจจะโกหกเราก็ได้”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่หนานนี่เสน่ห์แรงจริงๆ อยู่ห่างสวี่ชิงไม่เท่าไหร่ก็มีผีเสื้อมาตอมแล้ว
ตัวละครใหม่มาอีกแล้ว จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไงเนี่ย
ไหหม่า(海馬)