เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 265 โจวจินหนานมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 265 โจวจินหนานมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
บทที่ 265 โจวจินหนานมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
โจวจินหนานมองดูใบหน้ายิ้มแย้มของอามู่ ทักษะการแสดงของเขาดีมาก ไม่เพียงแต่จะหลอกสวี่ชิงได้ แต่ยังหลอกเขาได้อีกด้วย!
โจวจินหนานรีบกลับไปยังที่นั่งของตนเองอย่างไร้ร่องรอยทันทีที่เห็นอามู่หันกลับมา
จากนั้นก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามของอามู่ว่าเมื่อไรจะถึงสถานีหลินหวู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะลงที่สถานีหลินหวู่? ทั้งที่ออกมาจากเมืองเอกมณฑลไม่นานและยังอยู่ในเขตชายแดนมณฑลกานซูด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงได้รีบลงจากรถไฟเร็วขนาดนี้?
ขณะที่กำลังคิดพิจารณาความคุ้มค่าในการลงรถไฟพร้อมกับอามู่ จู่ ๆ เสียงแหลมก็ดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม “คุณคะ คุณกำลังจะไปเตียนหนานเหรอคะ?”
โจวจินหนานเงยหน้าขึ้นมองคนจากฝั่งตรงข้าม หล่อนเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกปี ผมยาวสลวยประบ่า สวมที่คาดผมสีขาว สวมเสื้อสูทปกคอขนาดเล็กสีน้ำตาลแดงและห้อยกล้องถ่ายรูปไว้ในลำคอ
เขาไม่ได้สนใจจะคุยกับอีกฝ่าย จึงเบนสายตาไปทางอื่นและมองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่เหลือบมองการเคลื่อนไหวของอามู่จากหางตา
หญิงสาวยังคงไม่ยอมแพ้ “คุณคะ คุณทำงานรับใช้พวกทหารหรือเปล่าคะ? ฉันชื่นชมพวกทหารมากเลยล่ะ ฉันเป็นนักข่าวภาคค่ำประจำมณฑลค่ะ กำลังจะเดินทางไปเขียนข่าวเรื่องขนบธรรมเนียมและประเพณีของชนกลุ่มน้อยในเตียนหนาน คุณ…”
โจวจินหนานขมวดคิ้ว ระงับความขุ่นเคืองในดวงตา และพูดตอบรับอย่างเย็นชา “ไม่ใช่”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่งขณะจ้องมองไปที่โจวจินหนาน หล่อนไม่กล้าพูดอะไร แต่ดวงตารูปเมล็ดชิ่งกลับกวาดไปทางโจวจินหนานเป็นครั้งคราว
นักข่าวภาคค่ำคนนี้มีชื่อว่าอวี๋จิ้ง เกิดในครอบครัวที่มีฐานะทางสังคม ไม่เคยยากลำบากมาตั้งแต่เด็ก วิสัยทัศน์ค่อนข้างสูงส่ง ดูถูกดูแคลนคู่ครองที่อยู่รอบกาย ถึงกระนั้นกลับเฝ้าตามหาความรักในฝัน ความรักที่แสนหวานดั่งโจวหยุนกับเกิ่งฮวาในภาพยนตร์มนต์รักเขาหลู่ซาน
หล่อนมองเห็นโจวจินหนานที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนทันทีที่ขึ้นมาบนรถไฟ แม้เขาจะสวมใส่ชุดธรรมดาเหมือนคนอื่น ๆ และใส่เสื้อคลุมสีขาวลายทหารที่ถูกซักจนสีซีดไปบางส่วน แต่ก็ไม่อาจปิดซ่อนท่าทางที่ไม่ธรรมดาของเขาได้
ราวกับทุกคนที่ยืนอยู่รอบข้างเขากลายเป็นภาพเบลอ แต่ภาพของเขากลับชัดเจนและมีรูปทรงเป็นสามมิติ
อวี๋จิ้งยังคงไม่ย่อท้อ เมื่อเห็นว่าโจวจินหนานที่อยู่ตรงข้างยังไม่ยอมขยับเขยื้อนทันที่เลยเวลาอาหารกลางวันไปแล้ว และไม่มีท่าทีว่าจะกินอาหารกลางวัน หล่อนจึงคิดว่าเขาไม่มีอะไรจะกิน
หลังจากคิดได้เช่นนั้นก็ลุกขึ้นยืน หยิบถุงตาข่ายไนลอนจากชั้นวางสัมภาระด้านบน ภายในมีผลแอปเปิ้ล ลูกแพร์ ขนมปัง และขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ
หล่อนวางมันไว้บนโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ด้านหน้า หยิบแอปเปิ้ลออกมาหนึ่งลูก หล่อนต้องการมอบแอปเปิ้ลให้โจวจินหนาน แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยื่นผลแอปเปิ้ลให้สาวใหญ่ที่อุ้มลูกอยู่ข้าง ๆ แทน “พี่สาว รับแอปเปิ้ลไปสิคะ”
หญิงสาวคนนั้นแสดงท่าทางเกรงใจและปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า
ทว่าอวี๋จิ้งรีบยัดผลแอปเปิ้ลใส่มือของหญิงสาวอย่างกระตือรือร้น “ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ พี่เอาให้ลูกกินก็ได้”
หล่อนหยิบลูกแพร์อีกลูกให้ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างโจวจินหนาน ก่อนจะหยิบขนมปังชิ้นใหญ่กับโจวจินหนาน “คุณคะ คุณคงไม่มีอะไรกินใช่ไหม? รับขนมปังไปสิคะ”
โจวจินหนานเหลือบมองหล่อนและพูดตอบรับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่เป็นไร ภรรยาผมเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว”
มือของอวี๋จิ้งที่ถือขนมปังอยู่ชะงักไปชั่วขณะ ใบหน้าแข็งทื่อ ไม่นึกเลยว่าผู้ชายที่แสนเย็นชาคนนี้จะแต่งงานแล้ว
ก่อนจะพยายามฝืนยิ้มส่ง “ฉันไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงหรอกค่ะ แค่คิดว่าตัวเองเอาของติดตัวมาเยอะ และควรจะแบ่งปันให้คนอื่นได้ลองกินดู จะได้ถือว่าเป็นการช่วยดูแลฉันตลอดการเดินทางด้วย”
โจวจินหนานไม่ได้ตอบรับ เขาก้มศีรษะลงและหยิบกระเป๋าออกมาจากใต้ที่นั่ง เปิดกระเป๋าผ้าที่ด้านในบรรจุกล่องอาหารเอาไว้สองกล่อง และยังมีของว่างและหมั่นโถวในถุง
ดวงตาของเขาอ่อนแสงลงทันทีที่สายตาจับจ้องไปที่กล่องอาหาร หยิบกล่องอาหารที่บรรจุไข่ต้มใบชาและน่องไก่ออกมา
นอกจากนี้ยังมีผักดองอยู่ด้านข้าง คนที่ขึ้นรถไฟมักจะรู้สึกไม่อยากอาหาร ถึงกระนั้นพวกเขากลับรู้สึกสดชื่นขึ้นเมื่อได้กินผักดอง
โจวจินหนานเปิดกล่องอาหารกลางวันดู ก่อนจะปิดฝากล่องและยัดใส่กระเป๋าตามเดิม และหยิบขวดน้ำลายทหารออกไปกรอกน้ำ
อวี๋จิ้งมองดูการกระทำของโจวจินหนาน ทำไมจู่ ๆ หล่อนถึงรู้สึกว่าเขาจงใจโอ้อวดตน?
ขนมปังก้อนโตในมือไร้รสชาติขึ้นมาทันใด
โจวจินหนานกรอกน้ำและกลับมานั่งลง มองดูอามู่ที่ยังคงนั่งยอง ๆ อยู่ที่เดิม ราวกับพระสงฆ์ชราภาพที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนรถไฟ
อวี๋จิ้งมองดูโจวจินหนานที่เดินกลับมา หล่อนต้องการจะพูดคุยกับเขา แต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะไม่มองมาที่หล่อนด้วยซ้ำ เขากอดอกเอนตัวผิงผนังที่นั่งและหลับตาลง
หล่อนจึงได้เพียงเสยผมอย่างไม่พอใจและหันไปคุยกับหญิงสาว “ลูกคุณอายุเท่าไหร่แล้วคะ?”
“สี่ขวบ”
“ผู้ชายหรือผู้หญิงเหรอคะ? ลูกคุณขาวนวลดูดีมากเลยค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องพูดคุยกับอวี๋จิ้ง หล่อนจึงส่งเสียงฮ่าฮ่า และหันกลับไปพร้อมกับลูกน้อยในอ้อมแขน และสั่งให้เด็กมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง
อวี๋จิ้งจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่สักพักหนึ่ง และรับรู้ได้ถึงท่าทางที่ดูประหม่าของหญิงสาว นึกถึงรายงานการค้ามนุษย์ที่หลายคนยอมเดินทางเข้าไปในเมืองเพื่อลักขโมยเด็ก และทันใดนั้นหล่อนก็ได้สติ “ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะไม่ใช่ลูกคุณนะคะ ใช่ลูกคุณหรือเปล่าคะ?”
หญิงสาวเริ่มรู้สึกโกรธเคือง “ถ้าไม่ใช่ลูกฉันจะเป็นลูกคุณหรือไง? เธอกำลังพูดบ้าอะไร?”
อวี๋จิ้งรู้สึกถึงความผิดปกติของหญิงสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่เธอถามอย่างมีมารยาท แต่กลับตอบสนองแบบนี้หรือ?
“ถ้าเป็นลูกคุณ คุณก็แค่ตอบมาดี ๆ สิ ฉันแค่รู้สึกว่าเด็กคนนี้หน้าตาไม่เหมือนคุณ บางทีอาจจะไม่ใช่ลูกคุณก็ได้ ทำไมไม่ให้เด็กลองเรียกคุณว่าแม่ดูล่ะ”
หญิงสาวรู้สึกโมโหมากขึ้น “คุณทำเกินไปแล้วนะ ถ้าไม่ใช่ลูกฉัน ฉันจะคอยป้อนหล่อนจนอิ่มหรือไง เธอคงยังไม่ได้งานสินะ เอาเวลาไปดูแลเรื่องของตัวเองเถอะ คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าคุณเป็นเจ้าพนักงานหญิงไปแล้ว”
อวี๋จิ้งไม่สามารถระงับความโทสะได้เมื่อเธอพูดถึงเช่นนั้น นอกจากนี้ยังไม่อาจเสียหน้าต่อหน้าโจวจินหนานได้ หล่อนจึงเริ่มพูดเสียงดังขึ้น “ฉันแค่เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ อีกอย่างฉันเป็นนักข่าวภาคค่ำประจำมณฑล ถ้าคุณพิสูจน์ไม่ได้ว่าตัวเองเป็นแม่ของเด็ก ฉันก็จะแจ้งตำรวจ! ปราบปรามพวกค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด”
ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำ รีบโพล่งออกไปว่า “ลูกของฉัน นี่เป็นลูกของฉัน”
โจวจินหนานลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วและมองไปที่คนสองคนที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ ขณะที่ผู้คนเริ่มเบียดเสียดเข้ามาดูเรื่องน่าตื่นเต้น แม้แต่คนที่อยู่แถวหน้าก็ลุกขึ้นและมองมาทางนี้
ฝูงชนเบียดเสียดกันจนไม่สามารถมองเห็นอามู่ได้
โจวจินหนานรีบลุกขึ้นยืน พยายามเดินออกไป ทว่าอวี๋จิ้งกลับลุกขึ้นยืนและคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้ “คุณคะ มาช่วยตัดสินหน่อยสิคะ คุณคิดว่าสิ่งที่ฉันพูดสมเหตุสมผลไหมคะ ช่วยเรียกตำรวจมาที่นี่ทีค่ะ”
โจวจินหนานสะบัดมืออย่างกระวนกระวายใจ และใช้ประโยชน์จากความสูงกวาดสายตามองหาอามู่ แต่เขากลับไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไป
ทันทีที่เขาสะบัดมือออก อวี๋จิ้งก็ใช้มืออีกข้างจับแขนของเขาเอาไว้แน่น “คุณคะ เราควรปราบปรวมพวกค้ามนุษย์พวกนี้ คิดดูสิคะว่าครอบครัวที่สูญเสียลูกไปจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน”
ครั้งนี้โจวจินหนานสะบัดมือหล่อนอย่างแรง และจ้องมองอวี๋จิ้งด้วยสายตาเย็นชา “หล่อนไม่ใช่ผู้ค้ามนุษย์!”
เขาพูดและรีบเบียดฝูงชนออกไปหาอามู่
แต่ก็ยังช้าไปหนึ่งก้าว ทันทีที่เขาวิ่งออกไป เขาเห็นประตูห้องน้ำบริเวณทางเชื่อมและหน้าต่างด้านในถูกเปิดออก ก่อนที่เงาสีดำจะผ่านแวบไป
โจวจินหนานรีบวิ่งลงไปนอนขนาบกับหน้าต่างห้องน้ำแล้วชะโงกหน้าออกไปขณะที่รถไฟแล่นผ่าน มองดูเงาดำที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ
ความเร็วของรถไฟไม่ได้เร็วมาก ทว่าทักษะฝีมือของอามู่นั้นดีมาก!
อามู่จะต้องเห็นตอนที่เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทแน่ ๆ!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เอ้า อย่านะคะๆๆ ยัยผีเสื้อนี่ เขามีภรรยาที่กำลังท้องอยู่ที่บ้านแล้วนะ
จะคลาดกับอามู่ไหมเนี่ย เหมือนฟ้าส่งผู้หญิงคนนี้มาเป็นอุปสรรคพี่หนานยังไงไม่รู้
ไหหม่า(海馬)