เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 263 โจวจินหนานเรียนรู้วิธีการให้ดอกไม้
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 263 โจวจินหนานเรียนรู้วิธีการให้ดอกไม้
บทที่ 263 โจวจินหนานเรียนรู้วิธีการให้ดอกไม้
สวี่ชิงมองดูตะกร้าในห้องครัวที่เต็มไปด้วยต้นเจี่ยนชิวหลัว*(1) ขนาดหนึ่งโอบ มันเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีความทนทานมาก ชื่นชอบแสงแดดและทนต่ออากาศหนาว เบ่งบานตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงปลายฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี
เนื่องจากมันงอกงามดีบนภูเขา ต่อมาจึงมีการขยายพันธุ์จำนวนมากจนกลายเป็นจุดชมทิวทัศน์
โจวจินหนานออกไปเก็บดอกไม้ตั้งแต่เช้าเชียวหรือ?
ขณะที่สวี่ชิงกำลังโศกเศร้าเสียใจ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกราวกับมีเข็มแหลมคมมาทิ่มแทงลูกโป่งจนแตก เธอเม้มริมฝีปากแน่น คลี่ยิ้มและเดินเข้าไปเล่นกับดอกไม้
ดอกเจี่ยนชิวหลัวอัดแน่นเป็นช่อใหญ่ราวกับลูกบอลช่อดอกไม้สีแดงสด เมื่อมาอยู่รวมกันเป็นช่อขนาดใหญ่ก็ดูงดงามนัก
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อใด หญิงสาวก็ชอบดอกไม้เสมอ โดยเฉพาะดอกไม้ที่ส่งมาจากคนรัก
สวี่ชิงชื่นชมดอกไม้อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะออกไปข้างนอกพร้อมกับเกี๊ยวในหม้อนึ่งขนาดเล็ก น้ำมันพริกสีแดงสดถูกเทลงไปในน้ำซุป ทำให้คราบไขมันจากเกี๊ยวดูน่าดึงดูดยิ่งขึ้น
เธอรีบวางหม้อเกี๊ยวลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นแตะใบหู และรู้สึกว่าการกระทำแบบนี้จะทำให้มือของเธอเย็นลง
เฟิงซูฮวายิ้มขณะมองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลานสาว “ตอนนี้มีความสุขแล้วหรือยังล่ะ? ย่าเห็นโจวจินหนานกลับมาพร้อมกับดอกไม้เต็มมือ เท้ายังมีน้ำค้างอยู่เลย”
สวี่ชิงถอนหายใจ “เขาเล่าเรียนมาก็ตั้งหลายปี เพิ่งจะมีมุมสนใจของสวยงามกระจุกกระจิกเนี่ยนะคะ ถ้ายังอยู่ในปีนั้น คงจะถูกจับไปเรียนอีกรอบแน่ ๆ”
เฟิงซูฮวาเอื้อมมือออกไปจิ้มหน้าผากสวี่ชิงเบา ๆ “ปากอย่างใจอย่างจริงนะ ระหว่างที่โจวจินหนานไม่อยู่ หลานก็ควรตั้งหน้าตั้งตาเรียนซะ อย่าลืมดูเนื้อหาที่ย่าเขียนเอาไว้ให้ด้วยล่ะ”
นางถอนหายใจหลังจากพูดจบ “แต่ว่าที่นี่หาดูพิษได้น้อย ถึงย่าจะอยากให้หลานตั้งใจเรียน แต่ก็ไม่มีอะไรให้ฝึกฝน”
สวี่ชิงหมดความอยากอาหารทันทีที่เธอนึกถึงบทเรียนศพกู่ในวันนั้น “คุณย่าคะ ศพกู่อะไรนั่นทำมาจากซากศพจริง ๆ เหรอคะ? มันจะผิดกฎหมายหรือเปล่า?”
เฟิงซูฮวาหัวเราะ “ในอดีตใช้ซากศพจริง ๆ แต่ตอนนี้ไม่แล้วจ๊ะ ว่ากันว่าศพกู่จะใช้ซากศพที่ถูกพิษรวมกับพิษอื่น ๆ เท่านั้น และการใช้มนุษย์ค่อนข้างอำมหิตเกินไป”
สวี่ชิงตัวสั่นเทา “ฉันไม่อยากเรียนรู้เรื่องนี้เลย”
เฟิงซูฮวาทำตัวไม่ถูก “ย่าไม่ให้หลานเรียนรู้เรื่องศพกู่ แต่ให้หลานดูวิธีการล้างพิษ ถ้าวันไหนหลานเกิดเจอมันเข้าล่ะ? แต่ไม่เจอมันคงจะดีกว่า”
สวี่ชิงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ละเมียดละไมจิบซุปในหม้อขนาดเล็กช้า ๆ เธอรู้สึกว่าน้ำซุปยังเปรี้ยวไม่พอ จึงหยิบน้ำส้มสายชูและเทลงไปในหม้อ
หลังจากกินเกี๊ยวอย่างอิ่มเอมใจแล้ว เธอก็เหลือบเห็นว่าเวลายังไม่ทันผ่านไปค่อนวัน นั่งอยู่บ้านก็เอาแต่คิดถึงโจวจินหนาน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไปที่ร้านอาหาร
พูดคุยกับเฟิงซูฮวาเล็กน้อย และพาไป๋หลางไปร้านอาหารด้วยกัน
เธอไม่ได้ขี่จักรยาน ทว่าค่อย ๆ เดินจูงไป๋หลางไปที่สถานีรถไฟราวกับกำลังเดินเล่น
อารมณ์ของเธอหดหู่อีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าโจวจินหนานจะไม่อยู่บ้านหลังจากเธอเลิกงาน เท้าที่ก้าวไปข้างหน้าแทบจะไม่มีแรงเดิน
เธอบังเอิญพบเข้ากับหวังไก๋ฮวาระหว่างเดินทางผ่านบ้านของอีกฝ่าย
ตอนนี้หวังไก๋ฮวากับติงชางเหวินอาศัยอยู่ที่นี่ เนื่องจากในบ้านมีคนตาย พวกเขาจึงไม่สามารถขายบ้านได้ และอับอายเกินกว่าจะออกมาข้างนอก
สวี่ชิงไม่ได้เจอพวกเขาทั้งสองนานแล้ว และเกือบจะจำพวกเขาไม่ได้เมื่อต้องบังเอิญเจอกันอย่างกะทันหันในวันนี้
เนื่องจากไม่ได้พบพวกเขานาน เธอจึงพบว่าหวังไก๋ฮวาเปลี่ยนไปมาก ร่างกายดูซูบผอมลง เดิมทีอีกฝ่ายมีสีผิวคล้ำแต่ยังดูแข็งแรง ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายมีผิวคล้ำ อีกทั้งยังดูผอมบาง ใบหน้าซูบโทรม
หวังไก๋ฮวาที่เดินออกจากบ้านเห็นสวี่ชิงแล้วก็รีบเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ราวกับเห็นสิ่งที่น่ากลัว
ทำให้สวี่ชิงยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าตนเอง ตอนนี้เธอดูน่ากลัวมากเลยหรือ?
แต่ก่อนจะเดินไปถึงร้านอาหารของตนเอง เธอเดินผ่านร้านอาหารชวนมากินของฉินกุ้ยจือ มีโต๊ะอยู่สองตัว ม้านั่งยาววางอยู่บนทางเท้าด้านนอกประตู และคนบางส่วนที่เข้ามากินอาหารเช้า
ที่ป้ายหน้าประตูถูกเขียนด้วยสีชอล์คว่าน้ำเต้าหู้ราคาสามเฟิน ปาท่องโก๋ห้าเหมา แป้งห่อไข่หนึ่งเหมา
สวี่หรูเยว่อยู่ในชุดเอี้ยมสีน้ำเงินกรมท่าที่ดูเทอะทะ สวมหมวกคลุมผมและแขนเสื้อสีขาว ใบหน้าขาวรูปไข่ของหล่อนเปรอะเปื้อนไปด้วยชั้นฝุ่น เดินออกมาพร้อมกับไม้ทอดปาท่องโก๋
สวี่ชิงชำเลืองมอง ก่อนจะจูงไป๋หลางเดินผ่านร้านไป หยุดที่ทางเท้าด้านหน้าเพื่อข้ามถนน
สวี่หรูเยว่เห็นสวี่ชิงเช่นกัน แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น รอจนกระทั่งสวี่ชิงเดินผ่านไป จึงหันไปมองตามหลัง
สวี่ชิงอยู่ในชุดเสื้อกันหนาวบางเบาสีเขียวอ่อน กางเกงขายาวสีน้ำตาลกาแฟ ดูสดใสและเพรียวระหงราวต้นอ้อ เบิกบานราวกับดอกไม้ที่ผลิบาน เปี่ยมซึ่งเสน่ห์จนทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้
ดูแตกต่างจากหล่อนที่อยู่ในชุดเอี๊ยมของฉินกุ้ยจือ หล่อนทำงานที่นี่ด้วยความอัปยศอดสู หากชักช้าแม้แต่นิดเดียว ฉินกุ้ยจือจะตะโกนด่าทอหาว่าหล่อนขี้เกียจต่อหน้าผู้คน
ชีวิตของหล่อนไม่ควรเป็นแบบนี้ เป็นเพราะสวี่ชิงคือตัวการหลักที่ทำให้หล่อนต้องมาอยู่แบบนี้
สายตาที่จับจ้องไปทางสวี่ชิงดูชั่วร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงกระนั้นหล่อนก็ยังหาวิธีแก้แค้นไม่ได้ จึงได้เพียงจ้องแผ่นหลังของสวี่ชิงด้วยความเกลียดชัง
……
สวี่ชิงมาถึงร้านอาหารและพบว่าภายในร้านไม่ได้มีคนอยู่มากนัก มีนักท่องเที่ยวรับประทานอาหารอยู่เพียงไม่กี่คน
ผางเจิ้งหัวและคนอื่น ๆ ต่างยุ่งอยู่กับการผัดกับข้าวและหุงข้าว รวมถึงดูแลความสะอาดร้านอาหารให้ถูกสุขอนามัย
ซุนเชียวเฟิ่งที่เห็นสวี่ชิงเดินเข้ามา รีบส่งยิ้มรับและเข้าไปดูแลให้เธอนั่งลง “ทำไมวันนี้มาที่นี่ล่ะ? กินอะไรแล้วหรือยัง? อาผัดผักกาดขาวกับทำหมั่นโถวเอาไว้ อยากจะลองชิมสักหน่อยมั้ยจ๊ะ?”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกินข้าวจากที่บ้านมาแล้ว คุณอาซุนเชียวเฟิ่งทำไมถึงเหลือแต่หมั่วโถวไว้ล่ะคะ?”
ซุนเชียวเฟิ่งรู้สึกอายเล็กน้อย “อามันคนตะกละน่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ได้กินข้าวมา คิดว่ามาถึงแล้วกินข้าวสักถ้วยคงจะดี แต่พอตอนนี้อากินข้าวสองถ้วยทุกวันเลย แถมยังอยากจะกินบะหมี่กับหมั่นโถวอีก”
สวี่ชิงคิดพิจารณา “ถ้าอากาศเริ่มเย็นลงกว่านี้เรามาทำบะหมี่ขายกันมั้ยคะ? หาซื้อเครื่องทำบะหมี่จะได้ไม่ต้องมานั่งยืดเส้นเอง”
ซุนเชียวเฟิ่งพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ได้สิจ๊ะ พอถึงฤดูหนาวแล้ว คนทั่วไปก็อยากกินบะหมี่ร้อน ๆ กันทั้งนั้น เธอดูร้านบะหมี่เนื้อสิ ทุกคนชอบกินกันจะตาย บะหมี่น้ำซุปถ้วยใหญ่จะช่วยให้ผู้คนรู้สึกเบิกบาน”
สวี่ชิงมีความคิดว่าต่อให้ผู้โดยสารจะเดินผ่านไปมา แต่ก็ไม่มีใครอยากจะใช้เงินเพื่อซื้อของกินอย่างสบายใจ
และคาดการณ์ว่าพื้นที่ปรับปรุงภายในตัวสถานีรถไฟจะเปิดใช้งานเร็ว ๆ นี้ เมื่อถึงตอนนั้นการตั้งแผงขายข้าวและบะหมี่จะต้องเป็นไปด้วยดีอย่างแน่นอน
แล้วจ้างพ่อครัวผู้เชี่ยวชาญบะหมี่มาทำบะหมี่เนื้อ เพราะอย่างไรมันก็เป็นของดีประจำมณฑลกานซู เธอจะต้องส่งเสริมมัน
เมื่อคิดเช่นกัน สวี่ชิงก็รู้สึกอยากกินบะหมี่ขึ้นมาทันใดทั้งที่เมื่อเช้านี้เธอเพิ่งกินเกี๊ยวน้ำไป เธอจึงเรียกหาผางเจิ้งหัว “เจิ้งหัว ทำเสร็จแล้วมานี่หน่อย เรามีเรื่องบางอย่างต้องคุยกัน”
ผางเจิ้งหัวที่กำลังยุ่งอยู่ตะโกนตอบรับมาจากในครัว
สวี่ชิงนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจไปหาหลี่กั๋วหัวอีกครั้ง ถึงเรื่องการร่วมมือกับทางสถานีรถไฟจะชะลอได้ แต่ควรจะให้ความสนใจกับแผงขายบนชั้นสองในตัวอาคาร เธอเคยคิดว่าแผงขายจำนวนสองสามแผงนั้นเพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้เธอคิดว่าเธอต้องการแผงลอยสักห้าถึงหกแผง
ในเมื่อจะลงมือทำก็ต้องทำให้ใหญ่ขึ้น เพื่อที่จะได้รับเงินมากขึ้น
แต่เมื่อเดินเข้าไปถึงสำนักงานของหลี่กั๋วหัว เธอกลับไม่คาดคิดว่าใครบางคนจะนั่งหันหลังอยู่หน้าประตู
สวี่ชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเข้าไปข้างในดีหรือไม่ แต่หลี่กั๋วหัวมองเห็นเธอแล้ว และรีบโบกไม้โบกมือส่งยิ้มให้เธอ ”คุณสวี่ ผมกำลังพูดถึงคุณพอดี มาเร็วครับ มาดูหลูเว่ยตงผู้อำนวยการฝ่ายขนส่งคนใหม่คนเราสิ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
*(1) ดอกเจี่ยนชิวหลัว หรือ 剪秋罗 เป็นสมุนไพรไม้ยืนต้น มีรูปร่างทรงกระบอก ดอกแบ่งออกเป็นสองแฉก มีสีแดงอมส้มสดใส (ที่มา https://baike.baidu.com/item/%E5%89%AA%E7%A7%8B%E7%BD%97/4848461)
สารจากผู้แปล
ชิงชิงไปไกลจนเธอโค่นไม่ลงแล้วแหละหรูเยว่
เจอคู่กรณีเก่าอีก จะแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ไหมนะ
ไหหม่า(海馬)