เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 261 ท้ายครัวกำลังลุกเป็นไฟ
บทที่ 261 ท้ายครัวกำลังลุกเป็นไฟ
สวี่ชิงขมวดคิ้วขณะมองไปยังหลูเว่ยตงที่อยู่อีกฝั่งของถนน ตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นเธอก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลย คิดว่าคงเป็นเพราะคำพูดชัดเจนและการตบหน้าเขาในครั้งนั้น
เรื่องนี้อาจนับได้ว่าเป็นการทำลายมิตรภาพในวัยเด็กแล้ว และไม่ควรติดต่อกันในชาตินี้อีก
แต่ทำไมคนคนนี้ถึงยังโผล่มาให้เห็นอีก?
เธอรีบดึงฉินเสวี่ยเหมยให้หันหลังกลับและเดินกลับบ้าน โดยไม่สนใจไยดีหลูเว่ยตง
ฉินเสวี่ยเหมยที่มองเห็นหลูเว่ยตงยังไม่รู้เรื่องระหว่างสวี่ชิงกับหลูเว่ยตง จึงโพล่งออกมา “เอ๊ะ? นั่นหลูเว่ยตงไม่ใช่เหรอ?”
สวี่ชิงไม่สนใจหล่อน “ไปกันเถอะ มันสายแล้ว รีบกลับบ้านกัน”
หลูเว่ยตงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอย่างไม่คาดคิด เพียงแค่สองสามก้าวก็ไล่ตามสวี่ชิงกับฉินเสวี่ยเหมยทัน “ชิงชิง เสวี่ยเหมย…”
สวี่ชิงมองไปข้างหน้าอย่างเฉยชา สายตาของเธอดูไม่แยแสอย่างยิ่ง อีกทั้งยังไม่มีท่าทางว่าจะปริปากพูด
ฉินเสวี่ยเหมยไม่เข้าใจว่าทำไมสวี่ชิงถึงวางท่าแข็งกระด้างใส่หลูเว่ยตง และหล่อนก็กระดากเกินกว่าจะพูดทักทาย จึงทำได้เพียงยิ้มฝืด “หลูเว่ยตง นายมานี่ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?”
หลูเว่ยตงมองสวี่ชิงที่ไม่แม้แต่จะมองมาที่เขา หลุบดวงตาลงด้วยความเศร้าโศก ส่งยิ้มไปให้อย่างเหงาหงอย “ฉันได้รับมอบหมายให้มาทำงานที่นี่น่ะ”
ฉินเสวี่ยเหมยประหลาดใจ “นายทำงานอยู่เมืองหลวงไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?”
หลูเว่ยตงพยักหน้า “อื้ม ถูกย้ายมาที่แผนกรถไฟน่ะ”
สวี่ชิงไม่ต้องการจะยืนอยู่ที่นี่อีกต่อไป ไม่แม้แต่จะพูดคุยกับหลูเว่ยตง เธอเดินถือตะกร้าผักและเรียกฉินเสวี่ยเหมย “ไปกันเถอะ รีบกลับบ้านกัน พวกโจวจินหนานรออยู่”
เมื่อพูดจบ เธอก็เดินผ่านหลูเว่ยตงไปด้วยสีหน้าเย็นชา
ฉินเสวี่ยเหมยที่ไม่ได้สนใจจะพูดคุยกับหลูเว่ยตงมากนักก็รีบวิ่งตามสวี่ชิงไป
หลูเว่ยตงหันไปมองสวี่ชิงกับฉินเสวี่ยเหมยที่กำลังเดินจากไป แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาบนร่างของเธออย่างนุ่มนวล จนเรือนผมสะท้อนแสงแดดจางๆ
เธอยังคงดูอ่อนหวานและน่าชื่นชม แต่กลับไม่ส่งยิ้มให้เขาเลยแม้แต่น้อย
เขาอดที่จะหัวเราะเยาะตนเองไม่ได้ โจวจินหนานแสนดีขนาดนั้นเชียวหรือ? ทำไมเธอถึงยอมให้อภัยคนที่รังแกเธอ แต่ให้อภัยเขาไม่ได้?
ใบหน้าของสวี่ชิงเรียบนิ่งราวกับถูกชั้นน้ำแข็งปกคลุม ความโกรธยิ่งถาโถมเข้ามาในหัวใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าหลูเว่ยตงถูกสั่งให้ย้ายมาที่แผนกรถไฟ
บ้านสกุลหลูมีความสัมพันธ์กับผู้คนมากมาย เขาที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสามารถเลือกเข้าแผนกไหนก็ได้ แต่กลับเลือกมาอยู่แผนกรถไฟ และถ้าเธอต้องการร่วมมือกับสถานีรถไฟ ต่อจากนี้ไปเธอจะต้องติดต่อกับเขาบ่อยครั้ง
สวี่ชิงรู้สึกหงุดหงิดเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
ฉินเสวี่ยเหมยมองดูสวี่ชิงที่เดินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหยิบของหนักในมือเธอ “ทำไมเธอเดินเร็วนักล่ะ? ช้า ๆ หน่อยสิ อย่าลืมว่าตัวเองกำลังท้องอยู่นะ”
สวี่ชิงเดินช้าลง ทว่าใบหน้ายังคงดูเย็นชา
ฉินเสวี่ยเหมยทำอะไรไม่ถูก “ไหนเธอบอกฉันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอสองคน? ตอนเด็กเราก็ดี ๆ กันอยู่ไม่ใช่เหรอ? เขามาจุ้นจ้านอะไรกับเธอ ไว้ฉันจะไปบอกเขาให้”
สวี่ชิงสงบลงเนื่องจากไม่ต้องการบอกเหตุผล “ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้ฉันแค่ไม่ชอบเขา”
ฉินเสวี่ยเหมยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “หลูเว่ยตงชอบเธอใช่ไหม? แต่ตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว ชอบเธอไปก็ไม่มีประโยชน์”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สวี่ชิงยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น “ช่างเถอะ อย่าพูดถึงเขาเลย ทำให้อารมณ์เสียเปล่า ๆ”
ฉินเสวี่ยเหมยรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ที่ว่าโจวจินหนานจะไปพรุ่งนี้ เขาไปไหนเหรอ?”
สวี่ชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง อันที่จริงเธอไม่ได้ถามเขาด้วยซ้ำ “ไม่รู้สิ ไม่ได้ถามน่ะ”
ฉินเสวี่ยเหมยหัวเราะเยาะ “เธอนี่นะ เก่งจริง ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายตัวเองจะไปไหน คืนนี้ไปแอบถามมาล่ะ”
เมื่อกลับมาถึงบ้าน อารมณ์หดหู่ของสวี่ชิงได้จางลงไปเยอะมาก แต่ที่สำคัญคือเธอไม่ต้องร่วมมือค้นหาช่องทางทำมาหากิน และไม่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลูเว่ยตง
เธอรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อคิดเช่นนั้น ก่อนจะเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับฉินเสวี่ยเหมย
สวี่ชิงเปิดโอกาสให้สวีหย่วนตงกับฉินเสวี่ยเหมยได้ใช้เวลาร่วมกัน โดยให้ทั้งสองลงมือล้างปลาไน
เธอจัดการไก่อย่างคล่องแคล้ว ใช้ทั้งเตาถ่านและเตาแก๊สในครัวมาตุ๋นไก่และตุ๋นเนื้อ กระทั่งเตาถ่านตรงหน้าก็ไม่ได้ถูกปล่อยให้ว่าง
เธอใช้มันย่างแป้งย่าง
โจวจินหนานเข้ามาจุดไฟ และเฝ้าดูใบหน้าแดงระเรื่อของสวี่ชิงที่ถูกแสงไฟจากเตาถ่านสะท้อน ผมของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อจนแนบติดกับแก้มแดง
ก่อนจะพึมพำว่า “อย่าทำอะไรยุ่งยากนักเลย แค่ต้มบะหมี่สักหม้อก็พอ”
สวี่ชิงหัวเราะ “อย่ามัวแต่พูดสิคะ จุดไฟดีๆ อย่าให้มันแรงเกินไปล่ะ เดี๋ยว แป้งย่างจะเกรียมเอา”
ก่อนจะพูดถามอย่างเป็นกันเอง “ครั้งนี้คุณจะไปไหนคะ?”
โจวจินหนานเงียบไปครู่หนึ่ง “เตียนหนาน”
สวี่ชิงชะงักไปครู่หนึ่งจนเผลอกดนิ้วมือลงบนหม้อร้อน เธอรีบผละมือออกจากความร้อน ขณะที่หัวใจเต้นระรัว “ทำไมถึงไปที่นั่นล่ะคะ? จะอันตรายหรือเปล่า?”
โจวจินหนานส่ายหน้า “ไม่หรอก ผมแค่ไปทำงานเบื้องหลัง ไม่อันตรายหรอก”
สวี่ชิงยังไม่เชื่อ เธอจ้องมองโจวจินหนาน และหันไปมองผู้คนที่พูดคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “คุณต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ ถ้าคุณไม่กลับมา ฉันจะหาพ่อใหม่ให้ลูก”
ใบหน้าของโจวจินหนานดูน่าเกลียดมากขึ้น เขาเหลือบมองสวี่ชิงอย่างทำอะไรไม่ถูก “ผมจะกลับมาอย่างปลอดภัย คุณอยู่บ้านก็ไม่ต้องกังวลไป ถ้าเจออะไรไม่เป็นธรรมก็แค่ไปตามหาเหยียนจี้ชวน”
สวี่ชิงหัวเราะ “ไม่เรียกว่าอาแล้วเหรอคะ?”
โจวจินหนานส่งเสียงอุทาน “อีกอย่าง บอกให้เขาเอาตู้เย็นกับคูปองโทรทัศน์มาให้ด้วย อย่าให้เขาเบี้ยวล่ะ”
สวี่ชิงหัวเราะ “คุณอย่าพูดงั้นสิ อาไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”
สวี่ชิงไม่ได้รู้สึกอึดอัดจากการที่ถูกโจวจินหนานพูดขัดจังหวะ และหันไปเตรียมอาหารเย็นอีกครั้ง
เธอมองไปที่สวีหย่วนตงกับฉินเสวี่ยเหมยที่ทำความสะอาดปลาไนอยู่ที่บ่อน้ำเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน แต่เห็นได้ชัดว่ากำลังยิ้มแย้ม ทำให้รู้สึกว่าบทสนทนาของพวกเขาค่อนข้างดี
ในขณะที่พวกผู้ชายกำลังดื่มแอลกอฮอล์ สวี่ชิงก็เข้าไปปรุงไข่ใบชา เดิมทีเธอต้องการจะเอามันไปเคี่ยวเพื่อทำเป็นไข่ตุ๋น แต่เกรงว่ารสชาติจะออกเลี่ยนเกินไปจนกินไม่ไหว
ฉินเสวี่ยเหมยรู้สึกเขินอายที่ต้องนั่งกินอาหารอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกผู้ชาย เธอเก็บข้าวของและเข้ามานั่งกับสวี่ชิงในห้องครัว อดจะถอนหายใจไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของสวี่ชิง “โจวจินหนานโชคดีจังที่มีภรรยาแสนดีแบบเธอ”
สวี่ชิงเลิกคิ้ว “ฉันเองก็โชคดีที่ได้เจอคนที่ดีแบบเขา”
ฉินเสวี่ยเหมยยัดเนื้อเข้าไปในปาก หลับตาพริ้ม เคี้ยวและกลืนเนื้อลงคออย่างพึงพอใจ “มันไม่เหมือนกัน เธอมีความสามารถ แถมยังมีบุคลิกดี ผู้ชายหน้าไหนจะไม่รักเธอบ้าง?”
สวี่ชิงหัวเราะลั่น “เธอพูดถึงฉันดีเกินไปหรือเปล่า? ฉันจะดีแบบนั้นได้ยังไง”
ฉินเสวี่ยเหมยโคลงศีรษะ “เธอเป็นคนดีจริง ๆ นะ ขนาดฉันยังชอบเธอเลย ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันจะแต่งงานกับเธอ”
สวี่ชิงรู้สึกตลกกับคำพูดของฉินเสวี่ยเหมย “เธอนี่นะ ทำให้คนมีความสุขได้ตลอดเลย ตลอดจนฉันไปไม่เป็น”
ฉินเสวี่ยเหมยวางชามและตะเกียบลง เท้าคางและมองไปที่สวี่ชิง “อันที่จริงฉันเคยคิดว่าเธอกับหลูเว่ยตงเข้ากันได้ดีนะ หลูเว่ยตงหล่อมาก และให้ความรู้สึกอบอุ่นดีด้วย”
สวี่ชิงยิ้มแต่ไม่ปริปากพูด ใช้ช้อนเคาะไข่ในหม้อจนแตกออก แกะเปลือกและลิ้มลองรสชาติ
ฉินเสวี่ยเหมยยังคงพูดต่อ “ฉันคิดว่าที่หลูเว่ยตงย้ายมาประจำที่แผนกรถไฟในจังหวัดจะต้องเป็นเพราะเธอแน่ เธอไม่หวั่นไหวบ้างเหรอ?”
สวี่ชิงหัวเราะเยาะ ขณะที่เสียงเคาะไข่เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ
โจวจินหนานเดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยปลาดอง และขณะที่เขาเดินเข้ามาในห้องครัว เขาก็ได้ยินประโยคดังกล่าว ก่อนที่ประโยคหนึ่งจะผุดขึ้นมาในความคิดว่า ‘ท้ายครัวกำลังลุกเป็นไฟ!’
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่ๆๆ ชิงชิงมูฟออนนานแล้ว อย่าจับคู่ชิงชิงกับเว่ยตงเลยค่ะ เดี๋ยวบ้านไฟไหม้ด้วยฤทธิ์รักแรงหึง
ไหหม่า(海馬)