เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 260 ทำชั่วได้ชั่ว
บทที่ 260 ทำชั่วได้ชั่ว
โจวจินหนานมองใบหน้าของสวี่ชิงที่เซื่องซึมลงและดวงตาเศร้าหมอง จึงรีบพูดอธิบายว่า “ผมไม่ได้จะไปตอนนี้เลยน่ะ พรุ่งนี้เช้าถึงออกเดินทาง รีบไปแล้วก็รีบกลับ”
เหยียนจี้ชวนมองดูรอยยิ้มขมขื่นของสวี่ชิง รู้สึกว่าเธออาจร้องไห้ออกมาได้ภายในไม่กี่วินาที อีกทั้งยังไม่สนใจไยดีเรื่องของโจวจินหนาน จึงพูดปลอบโยนว่า “ใช่ เพราะได้รับมอบหมายมาวันนี้ ให้เขารีบไปได้จะได้รีบกลับไง หลานไม่ต้องห่วง อายังอยู่ทั้งคน ไม่มีอะไรทำให้เขาบาดเจ็บได้หรอก”
มันไม่ง่ายนักที่สวี่ชิงจะแสดงอารมณ์เปราะบางต่อหน้าผู้คนมากมาย เธอพยายามระงับความหดหู่ในใจและยกยิ้มอีกครั้ง “งั้นฉันไปหาเสวี่ยเหมยก่อนนะคะ เราจะไปซื้อของและกลับมาทำอาหารอร่อย ๆ ให้พวกคุณ”
เหยียนจี้ชวนไม่คิดเกรงใจ “ดีเลย หลานสาวอาทำอาหารอร่อยกว่าโรงแรมในเครือของรัฐบาลอีก”
เขาไม่คิดว่าสวี่ชิงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่จะไม่สามารถทำอาหารได้ เพราะหญิงมีครรภ์หลายคนรอบตัวเขาสามารถทำอาหารได้มากมาย และเขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองจะทำให้หลานสาวลำบากใจแม้แต่น้อย
ทว่าโจวจินหนานไม่เห็นด้วย “อย่าทำให้เป็นปัญหาเลย ซื้อไก่ย่างกลับมาแล้วค่อยทอดถั่วลิสงเอาก็พอ”
ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่เหยียนจี้ชวนด้วยความไม่พอใจ รู้สึกว่าเขาไม่ควรบอกให้อีกฝ่ายหาตั๋วโทรทัศน์เท่านั้น แต่ควรสั่งให้อีกฝ่ายซื้อโทรทัศน์ด้วย
สวี่ชิงหัวเราะเมื่อเห็นว่าโจวจินหนานเป็นห่วงเธอ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก จะไปหาซื้อของง่าย ๆ และระหว่างทางขากลับจะหาเอาเหล้ามาฝากพวกคุณด้วย”
เธอพูดและสาวเท้าออกไปข้างนอก โจวจินหนานทำได้เพียงปล่อยเธอออกไปด้วยสีหน้าไม่พอใจ พูดทักทายอีกสองสามคนก่อนจะเดินไปนั่งลง
สวี่ชิงไปหาฉินเสวี่ยเหมยที่บ้านเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายหยุดทำงานในวันชาติจีน เหตุผลหลักเป็นเพราะสวีหย่วนตงมาที่นี่ และเธออยากให้ทั้งสองมีโอกาสได้พบกัน
กลับไม่คาดคิดว่าบ้านฉินเสวี่ยเหมยกำลังมีแขก หญิงวัยกลางคนและชายหนุ่มกำลังนั่งอยู่ที่ลานบ้าน พ่อแม่ฉินต่างพูดคุยกกัน ในขณะที่ฉินเสวี่ยเหมยนั่งอยู่ด้านข้าง
ฉินเสวี่ยเหมยรีบลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นสวี่ชิง วิ่งไปที่ประตูบ้านและพูดว่า “แม่ สวี่ชิงมาเรียกให้ฉันไปช่วยแล้ว ฉันไปก่อนนะ”
ฉินเสวี่ยเหมยผลักสวี่ชิงออกไปนอกประตูก่อนที่เธอจะได้ก้าวเข้าไป
หลังออกมาจากซอยบ้านสกุลฉิน ฉินเสวี่ยเหมยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เธอมาได้ทันเวลาพอดี ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าจะหนีออกจากบ้านยังไง แล้วเธอก็มาหาฉัน เพื่อนสาวแสนดีของฉัน ขอบใจมากนะ”
สวี่ชิงหัวเราะคิกคักขณะจ้องมองฉินเสวี่ยเหมย เธอเดาได้ทันทีที่เห็นเหตุการณ์ในลานบ้าน “กำลังนัดดูตัวอยู่เหรอ?”
ฉินเสวี่ยเหมยถอนหายใจ “ก็ใช่น่ะสิ นาน ๆ ทีฉันจะได้มีวันหยุด แม่ฉันก็เลยนัดดูตัวให้ แถมยังบอกฉันควรจะแต่งงานภายในปีนี้”
สวี่ชิงแปลกใจ “ทำไมล่ะ? การแต่งงานเป็นเรื่องของโชคชะตานำพา ทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น”
ฉินเสวี่ยเหมยเม้มริมฝีปาก “คงเป็นเพราะพี่สะใภ้พูดอะไรสักอย่าง ไม่ชอบที่ฉันส่งเงินให้ที่บ้านได้แค่เดือนละสิบหยวน พ่อแม่ฉันมักจะเข้าข้างลูกชายน่ะ และเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวในครอบครัว พวกเขาถึงได้อยากจะส่งฉันออกเรือน”
หล่อนพูดพลางหันไปมองสวี่ชิง “เธอไม่มีพี่สะใภ้กับน้องสามี คงจะมีความสุขมากสินะ”
สวี่ชิงไม่คิดเช่นนั้น เพราะที่บ้านเธอเองก็มีเรื่องทุกข์ใจไม่น้อย
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็จับแขนฉินเสวี่ยเหมย “สวีหย่วนตงอยู่ที่บ้านฉัน พวกเธอควรได้พูดคุยกันมากกว่านี้”
ฉินเสวี่ยเหมยที่กำลังว้าวุ่นรู้สึกเขินอายเมื่อได้ยินชื่อของสวีหย่วนตง “ไอหยา ถ้าเขาไม่ชอบฉันแล้ว พูดคุยกันไปจะมีประโยชน์อะไร?”
สวี่ชิงมองหล่อนตาใส “ทำไมจะไม่ชอบล่ะ เสวี่ยเหมยของเราสวยและใจกว้างจะตาย ใครที่ได้แต่งงานกับเธอย่อมโชคดี”
ฉินเสวี่ยเหมยระเบิดเสียงหัวเราะและมองไปที่สวี่ชิง “นั่นคือเหตุผลที่เธอเรียกฉันมาเหรอ?”
สวี่ชิงรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมาทันใด “ไม่เชิงหรอก โจวจินหนานจะต้องเดินทางไปทำงานหนึ่งเดือนน่ะ จะไปวันพรุ่งนี้แล้ว เรารีบไปซื้อของเอามาให้เขากันเถอะ”
ฉินเสวี่ยเหมยชะงักเมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองลงของสวี่ชิง เดิมทีหล่อนนึกว่ามีอะไรร้ายแรง แต่ต้องถอนหายใจด้วยโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของสวี่ชิง และอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะ “ทนไม่ไหวหรือไง?”
สวี่ชิงหัวเราะฮึ “เธอจะรู้ก็ต่อเมื่อแต่งงานแล้ว คนสองคนอยู่ด้วยกันทุกวันแล้วจู่ ๆ วันหนึ่งกลับต้องแยกจากกัน ทนรับไม่ไหวหรอก”
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือรูปแบบงานของโจวจินหนานที่ทำให้เธอเป็นกังวล
และเธอไม่สามารถบอกฉินเสวี่ยเหมยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
ฉินเสวี่ยเหมยส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ฉันคิดว่าถึงฉันแต่งงานแล้ว ฉันก็ยังใช้ชีวิตคนเดียวได้สบาย ๆ และหวังว่าเขาจะไม่อยู่บ้าน”
สวี่ชิงพูดแย้ง “เธอนี่นะ ก็เธอยังไม่ได้แต่งงานไง คอยดูเถอะ”
ฉินเสวี่ยเหมยหัวเราะเยาะ และเริ่มหันมาซุบซิบข่าวลือที่เธอได้ยินมาเมื่อเช้า “อ๋อใช่ เธอได้ยินเรื่องของหลี่ต้าหย่งกับสวี่หรูเยว่ไหม?”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ไม่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ฉินเสวี่ยเหมยถอนหายใจอีกหลายครั้ง “พวกนั้นย้ายไปที่บ้านหลังเก่ากันแล้ว หม่าเสวี่ยหลานไปได้ยินมาว่าพวกเขากำลังไปได้ดีเชียวล่ะ แต่เมื่อสองวันก่อนหลี่ต้าหย่งถูกกลุ่มคนทุบตี เพราะเขาดันขายคูปองโทรทัศน์ปลอม ทำให้เรื่องบานปลาย บุคคลสำคัญที่อยู่เหนือเขาถูกจับ แต่เขากลับยังสบายดี”
“พอกลุ่มพี่น้องพวกนั้นรู้ว่าหลี่ต้าหย่งหักหลังพวกเขา พวกเขาก็บุกไปพังบ้านและกะจะหักขาหลี่ต้าหย่งทิ้ง ส่วนคนที่ซื้อคูปองปลอมไปก็บุกไปที่บ้าน บอกให้หลี่ต้าหย่งคืนเงินให้พวกเขา”
“แต่หลี่ต้าหย่งใช้เงินทั้งหมดที่หามาได้ปรนเปรอฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่ไปแล้ว จะเอาเงินที่ไหนไปคืนล่ะ? สุดท้ายฉินกุ้ยจือกลัวว่าขาลูกชายจะหักก่อน เลยรีบหาเงินมาจ่ายคืนแทน เพราะกลัวว่าหลี่ต้าหย่งจะเป็นง่อยขึ้นมาแล้วสวี่หรูเยว่จะหนีไปแต่งงานใหม่ ตอนนี้คู่รักนั่นย้ายไปบ้านสกุลหลี่แล้ว”
สวี่ชิงนึกไม่ถึงว่าโจวจินหนานที่เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายมากมาย
ปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ดีกว่าการจับหลี่ต้าหย่งเข้าคุกหนึ่งปีกว่าเพื่อลบล้างความเกลียดชังเป็นไหน ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินกุ้ยจือยังลากหลี่ต้าหย่งกับสวี่หรูเยว่กลับไปบ้านแล้ว วันเวลาดี ๆ ของสวี่หรูเยว่กำลังจะสิ้นสุดลง เพราะหน้าที่การงานของบ้านสกุลหลี่ไม่ได้มั่นคงนัก
ฉินเสวี่ยเหมยรู้สึกโล่งใจและพูดว่า “ฉันไม่นึกเลยว่าสวี่หรูเยว่จะทำแบบนั้นได้? หม่าเสวี่ยหลานยังเล่าอีกว่าตอนเช้าตรู่หล่อนเห็นสวี่หรูเยว่เข้าไปล้างถังส้วม หึๆ ก่อนหน้านี้หล่อนก็ดูถูกพวกเรานักไม่ใช่เหรอ?”
พูดแล้วก็นึกถึงเรื่องในอดีต “เธอยังจำได้ไหมว่าก่อนหน้าที่พวกเรายังคบกันอยู่ ยัยนั่นมาที่บ้านฉันแล้วทำท่าทางรังเกียจใส่ห้องน้ำสาธารณะ เดินเขย่งปลายเท้า และโวยวายว่ามีหนอนแมลงวันอยู่เต็มโถส้วมไปหมด ถ้าหนอนพวกนั้นไม่อยู่ในโถส้วม ก็ควรเป็นยัยนั่นที่อยู่ในนั้นเองหรือเปล่า?”
สวี่ชิงรู้สึกคลื่นไส้กับคำพูดของฉินเสวี่ยเหมย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ก็ใช่ ไปกันเถอะ อย่ามัวพูดเรื่องน่าสะอิดสะเอียนเลย รีบไปซื้อของกันเถอะ ว่าแต่เธออยากกินอะไร?”
ฉินเสวี่ยเหมยไม่เกรงใจ “หมูตุ๋นซอสแดงบ้านเธอใช้ได้เลยนะ ไม่ต้องหาซื้ออย่างอื่นหรอก”
สวี่ชิงตระหนักได้ว่าโจวจินหนานกำลังจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ เธอจึงซื้อไก่ ซื้อเต้าหู้ และไปซื้อขนมปังมาเป็นของว่างเพื่อให้โจวจินหนานนำติดตัวไปด้วยระหว่างทาง
อีกทั้งยังคิดจะทำไข่ต้มใบชาให้โจวจินหนานในตอนกลางคืน
ฉินเสวี่ยเหมยถอนหายใจเมื่อเห็นสวี่ชิงจ่ายเงินซื้อของราวกับเทน้ำทิ้ง “เธอใช้เงินเก่งเกินไปแล้วนะ เงินที่เธอจ่ายออกไปพอสำหรับเลี้ยงชีพคนคนหนึ่งตลอดหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ ดูท่าเธอจะทำธุรกิจได้ดีมากสินะ”
สวี่ชิงใช้โอกาสนี้บอกเล่าอุดมการณ์ให้แก่ฉินเสวี่ยเหมย “ก็ใช่น่ะสิ ถ้าตอนนี้ฉันยังทำงานเป็นคนขายตั๋วอยู่ ฉันคงไม่เต็มใจซื้อของพวกนี้หรอก ได้กินเนื้อเดือนละครั้งสองครั้งก็ดีถมเถแล้ว เพราะงั้นนโยบานระดับชาติดีจริง ๆ เลยนะ…”
แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอกลับขมวดคิ้วเมื่อเห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินข้ามถนน
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หนานโหดแท้ เพื่อภรรยาแล้วจะทำให้อีกฝ่ายย่อยยับยังไงก็ทำได้
ชายคนนั้นคือใครกัน?
ไหหม่า(海馬)