เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 258 ไป๋หลางไม่กินด้วยซ้ำ
บทที่ 258 ไป๋หลางไม่กินด้วยซ้ำ
เกาจ้านรู้ดีว่าเมื่อใดที่โจวจินหนานตัดสินใจแล้ว ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าการปิดบังสวี่ชิงเอาไว้ไม่ใช่เรื่องดี “ถ้านายไม่ได้รับอันตรายอะไรก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น สวี่ชิงคงจะตำหนิที่เราปิดบังหล่อน”
โจวจินหนานชำเลืองมองเกาจ้าน “นายไม่คิดว่าฉันจะสบายดีหรือไง?”
ถึงกระนั้นหัวใจกลับเต้นระรัว เพราะสัญญาว่าจะไม่โกหกสวี่ชิงอีก
ทว่าเขาไม่สามารถพูดเกี่ยวกับงานได้ และที่ไม่ได้บอกว่าจะตามหาเย่หนาน เพราะเขาไม่ต้องการให้สวี่ชิงเป็นกังวลจนไม่ได้พักผ่อน
ระหว่างทางกลับบ้าน โจวจินหนานได้ซื้อลูกอมของกินเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เฟิงซูฮวา และซื้อแอปเปิ้ลสองสามชั่งให้สวี่ชิง
เมื่อกลับมาถึงบ้าน พี่สะใภ้ทั้งสองก็กำลังง่วนอยู่กับการล้างและหั่นผักอยู่ในลานบ้าน ขณะที่กลิ่นเนื้อตุ๋นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งลาน
สวี่ชิงกำลังนั่งผิงผนังด้วยสีหน้าซีดเซียว ท่าทางดูไม่ค่อยสบายนัก
โจวจินหนานกระวนกระวายอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่สนใจที่จะกล่าวทักทายพวกพี่สะใภ้ รีบตรงดิ่งไปหาสวี่ชิง “เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ชายหนุ่มรีบวางของในมือลงบนโต๊ะตัวเล็ก และเอื้อมมือออกไปแตะหน้าผากของสวี่ชิง
สวี่ชิงนั่งนิ่ง ปล่อยให้มือใหญ่ของโจวจินหนานสัมผัสเข้าที่หน้าผาก พลางพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ฉันถูกวางยาพิษ”
โจวจินหนานมีท่าทางจริงจังขึ้น รีบนั่งยอง ๆ ด้วยความตื่นตระหนก “ทำไมถึงถูกวางยาพิษได้? คุณย่าล่ะ? ไปโรงพยาบาลไหม?”
สวี่ชิงจ้องมองเขา “ป่วยเพราะซุปปลาของคุณนั่นแหละค่ะ”
สองพี่สะใภ้หัวเราะดังลั่นเมื่อได้ยินประโยคของคู่รักหนุ่มสาว
โจวจินหนานเพิ่งนึกออก ใบหน้าแข็งค้างไปชั่วขณะ “รสชาติแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ผมลองชิมแล้วมันก็ใช้ได้อยู่นะ”
สวี่ชิงชี้นิ้วไปที่ไป๋หลาง “ขนาดต้าไป๋ยังไม่กินด้วยซ้ำ คุณลองคิดดูสิว่ามันแย่แค่ไหน แต่ฉันแปลกใจจริงตรงที่ขั้นตอนการทำก็ถูกต้อง ส่วนผสมก็ถูกต้อง ทำไมซุปยังออกมารสชาติแย่อยู่อีกล่ะ?”
เธออดจะพูดล้ออีกฝ่ายไม่ได้ “ฉันรู้ฝีมือทำอาหารของคุณแล้วว่าแย่มาก เพราะงั้นหลังจากนี้คุณไม่ต้องทำอาหารแล้วนะ เตรียมของให้พร้อมแล้ววันหลังฉันจะทำเอง”
โจวจินหนานเงียบไปครู่หนึ่ง และพูดเบา ๆ ว่า “เดือนหน้าผมต้องออกเดินทางแล้ว ไปประมาณเดือนหนึ่งได้”
สวี่ชิงตกใจ “คุณบอกว่าหลังจากนี้จะตามคุณอาเล็กมาทำงานในเมืองเอกมณฑลไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงต้องไปไหนอีกล่ะ? ที่นั่นอันตรายหรือเปล่า?”
โจวจินหนานส่ายหน้า “ไม่อันตรายหรอก แค่ไปทำงานเบื้องหลังคอยช่วยกองทัพแนวหน้า”
สวี่ชิงยังคงเป็นกังวล “เป็นอย่างนั้นจริงเหรอคะ? ไม่มีอันตรายอะไรจริง ๆใช่ไหม คุณอย่าโกหกฉันนะ”
โจวจินหนานยื่นมือออกไปสัมผัสมือเธอเบา ๆ “ไม่โกหกหรอก ถ้าจากนี้ไปคุณทำอะไรไม่ได้ คุณไปให้เกาจ้านหรือเหยียนจี้ชวนมาช่วยนะ”
สวี่ชิงคำนวณวันเวลา แม้จะบอกว่าเดือนหน้า ทว่าตอนนี้ก็จวนจะสิ้นเดือนกันยายนแล้ว และเหลือเวลาเพียงไม่กี่วัน
ทั้งสองเคยชินกับการอยู่ตัวติดกันตลอดทั้งวันทั้งคืน และรู้สึกลังเลที่จะต้องแยกออกจากกันอย่างกะทันหัน “ถ้าอย่างนั้นคุณจะเอาอะไรติดตัวไปบ้าง จะไปที่ไหนคะ? ฉันรีบไปถักเสื้อกันหนาวให้คุณดีกว่า”
โจวจินหนานเพียงตอบว่าเขาไม่ได้รีบร้อน แต่ไม่ได้บอกว่ากำลังจะเดินทางไปที่ไหน
เดิมทีสวี่ชิงต้องการจะพักผ่อนก่อนจะออกไปที่ร้านอาหาร แต่เมื่อรับรู้ว่าโจวจินหนานใกล้จะออกเดินทาง จู่ ๆ เธอก็นึกถึงคูปองโทรทัศน์ขึ้นมา “พี่สะใภ้จินเอาคูปองโทรทัศน์มาให้ฉันด้วยค่ะ ตอนนี้ยังทัน เราไปดูกันเถอะค่ะว่าพอจะซื้อโทรทัศน์กลับมาได้ไหม”
ถึงแม้จะมีคูปองโทรทัศน์อยู่ในกำมือ แต่อาจจะไม่สามารถซื้อโทรทัศน์ได้ทันที เพราะโทรทัศน์ในห้างสรรพสินค้ามีจำนวนจำกัด จำเป็นต้องต่อแถวเพื่อคว้ามันมา
โจวจินหนานเห็นด้วย “ไปสิ เอาไว้ผมจะไปหาเสามาทำเป็นเสาอากาศทีหลัง”
สวี่ชิงเข้าไปพูดคุยกับเฟิงซูฮวาในห้อง ก่อนออกไปกับโจวจินหนาน
เมื่อคิดว่าหากซื้อโทรทัศน์ได้แล้ว คงจะบรรทุกขึ้นรถจักรยานกลับมาไม่สะดวก ทั้งสองจึงตัดสินใจนั่งรถประจำทางไป
สมัยก่อนโทรทัศน์หนึ่งชุดจะมีโทรทัศน์แค่สามสิบเครื่องเท่านั้น ในขณะที่คนรอต่อแถวกว่าหนึ่งร้อยคน พวกเขาคอยเบียดชะเง้อไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น
สวี่ชิงมองดูฝูงชนที่ชุลมุนวุ่นวายอยู่ตรงหน้าแล้วก็ไม่กล้าเบียดตัวเข้าไป รีบคว้าข้อมือโจวจินหนานเอาไว้ “สายเกินไปแล้ว ฉันว่าคงไม่ถึงตาเราหรอกค่ะ”
โจวจินหนานพูดปลอบ “ไม่หรอก ถึงจะมีคนเยอะ แต่บางคนก็ไม่มีคูปอง บางทีอาจจะผละออกจากแถวไปก็ได้”
สวี่ชิงเดินเข้าไปด้วยความคาดหวัง พลางคิดว่าบางทีอาจจะมีคนผละออกจากแถวไป เธอกับโจวจินหนานจึงยืนรอยู่ด้านหลังฝูงชน
ฝูงชนเอาแต่ตะโกนโห่ร้องว่าใครแซงแถว ใครเหยียบเท้าใคร
ถึงกระนั้นกลับไม่มีผลกระทบต่อความต้องการในการซื้อโทรทัศน์แต่อย่างใด
สวี่ชิงกระซิบกับโจวจินหนาน “คุณบอกว่าให้ตามหาอาของฉันนี่คะ พอจะมีช่องทางไหนให้เขามอบโทรทัศน์ให้พวกเราได้บ้างไหม?”
แต่เมื่อครุ่นคิดอีกครั้ง เธอก็รู้สึกอายเกินกว่าจะไปร้องขอเหยียนจี้ชวนให้ช่วยเหลือเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
ก่อนที่โจวจินหนานจะพูดอะไร การทะเลาะวิวาทก็บังเกิด และตามมาด้วยเสียงเอ็ดตะโรของพนักงานขายที่ตู้กระจก
สวี่ชิงรู้สึกสงสัยจึงเดินตามฝูงชนไปข้างหน้า ก่อนจะได้ยินเสียงพนักงานขายร้องตะโกนด้วยความโกรธ “คูปองของพวกคุณเป็นของปลอม อย่าพยายามเอาคูปองปลอมมาใช้เชียวล่ะ ทุกวันนี้มีคูปองมากมายอยู่ในมือผม มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม”
“ทำไมถึงปลอมล่ะ ในเมื่อผมได้มาจากองค์กรของผม”
“ถ้าองค์กรออกให้คุณ คุณก็ไปหาองค์กรคุณสิแล้วบอกเขาด้วยว่านี่เป็นคูปองปลอม มามัวโต้เถียงกับผมก็ไม่มีประโยชน์อะไร รีบออกไปจากตรงนี้ได้แล้วครับ”
คนที่ถูกกล่าวหาว่าใช้คูปองปลอมนิ่งชะงักและยืนขวางหน้ากระจก “คูปองของผมเป็นของจริง คุณจะไม่ให้โทรทัศน์ผมใช่ไหม? ไปเรียกหัวหน้าคุณมาเดี๋ยวนี้”
พนักงานขายเริ่มโกรธจัด “เรียกหาใครมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก ต่อให้ใครมามันก็คือของปลอมอยู่ดี ถ้าคุณไม่ยอมออกไป ผมจะเรียกฝ่ายรักษาความปลอดภัยให้มาพาคุณออกไป”
อีกสองสามใบถัดมาก็เป็นคูปองปลอมเช่นกัน
พนักงานขายยุติการขายชั่วคราว “ถ้าพวกคุณมีคูปองปลอมหรือคูปองโทรทัศน์ที่ไม่ได้มาจากช่องทางถูกกฎหมายก็อย่าเสียเวลาเลยครับ ผมไม่มีเวลามานั่งอธิบายพวกคุณหรอกว่าทำไมมันถึงเป็นคูปองปลอม แต่ถ้าพวกคุณยังคั้นคะยอต่อไป ผมจะเรียกแผนกรักษาความปลอดภัยมา และผมจะบอกพวกคุณให้ว่าคูปองปลอมชุดล่าสุดมาจากโรงงานซ่อมรถยนต์ตงฟาง เพราะฉะนั้นพวกคุณควรตรวจสอบด้วยตนเองให้ดีก่อน”
สวี่ชิงตกใจ… คูปองปลอม? เธอรีบลากโจวจินหนานออกไปยังพื้นที่บริเวณที่ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ และหยิบคูปองโทรทัศน์ในกระเป๋าออกมาให้เขาดู “หรือว่าคูปองของเราจะเป็นของปลอมคะ?”
ปัญหาคือเธอไม่เคยเห็นว่าคูปองจริงหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เมื่อพนักงานพูดแบบนั้น เธอก็อดรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่ได้
กลัวว่าจะเผลอหยิบเอาของปลอมมา แล้วจะถูกพนักงานกลอกตาใส่
โจวจินหนานไม่รู้เช่นกัน “อย่าเพิ่งเอาไปซื้อ ผมจะไปดูว่าคูปองจริงเป็นยังไง”
สวี่ชิงรออยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่โจวจินหนานเข้าไปวนดูรอบ ๆ สอบถามคนสองสามคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคูปองปลอม และขอดูคูปองปลอมที่มีลักษณะเหมือนกับคูปองในมือของสวี่ชิง
เมื่อดูแล้วก็พบว่ามันคล้ายกับคูปองจริงมาก ทว่าคุณภาพของกระดาษกลับแตกต่างกัน
โจวจินหนานมองดูรอบ ๆ และเดินกลับมาสัมผัสคูปองในมือสวี่ชิง “เป็นของปลอม กระดาษของคูปองจริงจะแตกต่างกัน มีหลายเลขรหัสอยู่ด้านล่าง และเลขรหัสจะต้องตรงกับรหัสในมือของพนักงานขาย”
สวี่ชิงครุ่นคิดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของคูปองปลอม “ฉันได้ยินมาว่าหลี่ต้าหย่งทำเงินได้มากมายจากการขายคูปองโทรทัศน์ หรือว่าเขาจะขายคูปองปลอม?”
หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาจะต้องติดคุก!
โจวจินหนานมองดูดวงตาที่เป็นประกายของสวี่ชิง หลังจากใช้ไหวพริบคิดคำนวณ เขาจึงเดาได้ว่าสวี่ชิงกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะถามว่า “คุณอยากทำอะไร?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หนานต้องฝึกทำอาหารใหม่นะคะ อร่อยของพี่กับอร่อยของชิงชิงไม่เหมือนกัน
หลี่ต้าหย่งจะถึงกาลอวสานแล้วไหมนะ เอาคูปองปลอมมาขายแบบนี้
ไหหม่า(海馬)