เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 256 สถานภาพที่บ้านต่ำต้อยเกินไป
บทที่ 256 สถานภาพที่บ้านต่ำต้อยเกินไป
สวี่ชิงมองดูใบหน้าเขินอายที่เต็มไปด้วยชั้นสีแดงบาง ๆ ของโจวจินหนาน เธอรู้ว่าเขาไม่ได้โกรธที่เธอพลั้งมือตบหน้าเขา แต่เขาแค่อาย เธอหัวเราะเสียงดังและโบกมือเกลี้ยกล่อมเขา “มานี่มา ขอฉันดูหน่อยว่าหน้าคุณพังไหม”
เนื่องจากหมอกควันไร้น้ำหนัก ฝ่ามือที่ตบออกไปจึงรุนแรง
ในมณฑลกานซู ค่านิยมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ได้รับการสนับสนุนมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ชายจะเป็นดั่งเจ้าในบ้านที่พูดคำไหนต้องคำนั้น
แต่ในตัวเมืองนั้นดีกว่ามาก ถึงกระนั้นก็มีเพียงคนไม่กี่คนที่กล้าตบตีผู้ชายของตนเอง
สวี่ชิงรู้สึกว่ารอยฝ่ามือบนใบหน้าของโจวจินหนานอาจจะไม่จางหายไปอีกสักพักหนึ่ง ดังนั้นจะต้องหาวิธีทำให้มันจางลงโดยเร็วที่สุด เธอก้าวเท้าเดินขึ้นเดินลงขณะครุ่นคิด และเดินเข้าไปหาโจวจินหนานที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม หลังจ้องมองอย่างคิดพิจารณา เธอกลับเริ่มรู้สึกเป็นทุกข์ใจ “ถ้าคุณไม่ซ่อนตัวอยู่สักพักหนึ่ง แล้วออกไปทั้งหน้าแบบนี้ คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าพี่แต่งงานกับแม่เสือโคร่ง”
เธอเอื้อมมือออกไปสัมผัสใบหน้าของเขาด้วยความทุกข์ใจ
โจวจินหนานทำอะไรไม่ถูก เพียงแต่ปล่อยให้เธอสัมผัส ก่อนจะตวัดแขนออกไปโอบรอบเอวและดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “ใครจะรู้ว่าตอนที่คุณหลับ คุณจะกลายร่างเป็นเสือดาวน้อยไปได้?”
สวี่ชิงชำเลืองมองเขา “ใครจะรู้ว่าเป็นคุณล่ะ ฉันคิดว่าเป็นไป๋หลาง คนอะไรเลียเหมือนหมาตลอดเวลา”
โจวจินหนานไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่ก้มศีรษะลงอย่างเที่ยงตรงและฉกฉวยโอกาสต่อ
หลังจากที่รับรู้ว่าเธอตั้งครรภ์ ทั้งสองคนก็ไม่ค่อยได้แสดงความรักกันมากนัก แม้ว่าจะมีเพียงแต่โจวจินหนานที่รับผิดชอบทำให้ร่างกายของสวี่ชิงสบายขึ้น ถึงกระนั้นเขาก็ต้องคอยประทังความต้องการของตนเอง
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น สวี่ชิงเองก็ต้องการเช่นกัน ทั้งสองแนบกายใกล้ชิดโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
สวี่ชิงคำนวณวันเวลาและพบว่าเป็นตนเองท้องได้สามเดือนแล้ว ดังนั้นเธอจึงปล่อยให้โจวจินหนานทำสิ่งที่ต้องการโดยไม่รู้สึกละอายแก่ใจ
เธอเกรงว่าเฟิงซูฮวาที่พักผ่อนอยู่อีกห้องจะได้ยินเสียง สวี่ชิงจึงพยายามไม่ส่งเสียงดังมากนัก
ทั้งสองบรรเลงบทเพลง จนกระทั่งสวี่ชิงเหนื่อยและผล็อยหลับไป
โจวจินหนานลุกขึ้นและเดินออกไปด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ เมื่อได้ยินว่าเฟิงซูฮวาที่อยู่ในห้องถัดไปยังคงพักผ่อนอยู่ เขาจึงถือตะกร้าออกไปจ่ายตลาด
หลงลืมไปเสียสนิทว่ารอยฝ่ามือยังคงประทับอยู่ที่บนใบหน้า โชดดีที่ผิวของเขาคล้ำมาก หากไม่มองดูใกล้ ๆ ก็คงจะมองไม่เห็นรอย
หลังจากจ่ายตลาดเสร็จ เขาพบกับเหยียนจี้ชวนที่ยืนอยู่หน้าปากประตูทางเข้า ปากคาบบุหรี่หนึ่งมวน เหลือบมองโจวจินหนานที่เดินเข้ามาใกล้
เขากำลังจะพูดทักทาย ทว่าสายตาแหลมคมกลับสังเกตเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของโจวจินหนาน แม้จะเห็นเป็นรอยจาง ๆ แต่แก้มกลับดูแดงผิดปกติ “ไปโดนใครตบมาล่ะ?”
โจวจินหนานตระหนักขึ้นได้ว่ารอยตบยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้า ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณมาทำอะไรที่นี่?”
เหยียนจี้ชวนแสยะยิ้มอย่างไร้ความปราณี “ไม่ใช่ว่าหลานสาวฉันตบนายหรือไง? ไม่ยักจะรู้ว่าสถานภาพนายที่บ้านจะต่ำต้อยขนาดนี้?”
โจวจินหนานเหลือบมองเหยียนจี้ชวนอย่างไม่สนใจไยดี และตรงดิ่งไปที่ลานบ้าน
เหยียนจี้ชวนเดินตามเข้ามาขณะพยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าโจวจินหนานที่ถือตะกร้าผัก อีกทั้งใบหน้ายังมีรอยถูกตบถึงได้เหมือนกับลูกสะใภ้ตัวน้อยที่กระทำความผิดมา
ดูเหมือนว่าหลานสาวของเขาจะค่อนข้างมีความสามารถ
หลังจากเดินเข้าไปในลานบ้าน เหยียนจี้ชวนเลิกแสดงสีหน้าหยอกล้อ และหันไปพูดคุยเรื่องงานกับโจวจินหนานด้วยท่าทางจริงจัง “คราวนี้คงจะต้องไปทางใต้ของเตียนหนาน ไปในฐานะพ่อค้ายา ต้องสกัดกั้นการซื้อขายครั้งสำคัญให้ได้ อันที่จริงนายไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ แต่พิจารณาดูแล้วนายน่าจะคุ้นเคยกับพื้นที่ตรงนั้นมากที่สุด”
เขาลดน้ำเสียงลงเพื่อไม่ให้สวี่ชิงที่อยู่ในห้องได้ยิน
โจวจินหนานขมวดคิ้ว “ต้องไปเมื่อไหร่?”
เหยียนจี้ชวนยังคงตระหนักได้ว่าสวี่ชิงกำลังตั้งท้องอยู่ “เดือนหน้า พยายามกลับมาก่อนที่อากาศจะเริ่มเย็นลงในเดือนพฤศจิกายน”
โจวจินหนานพยักหน้า “ครับ”
หลังจากพูดจบ เขาวางตะกร้าผักลงไว้ข้างอ่างล้างจาน และหมุนตัวกลับไปมองเหยียนจี้ชวน “ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมครับ? ถ้างั้นก็กลับไปก่อนได้ ผมจะไปทำอาหาร และอย่าให้สวี่ชิงรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
เขาหันตัวกลับไปหยิบปลาออกมาจากตะกร้าผัก และโยนมันลงไปในอ่างน้ำ หยิบมีดขนาดเล็กที่ใช้หั่นผักขึ้นมาขูดเกล็ดปลาอย่างปรานีต
ทักษะการทำอาหารดูชำนาญเป็นพิเศษ
เหยียนจี้ชวนมองดูด้วยความตื่นตาตื่นใจ โจวจินหนานผู้มีคุณธรรมคนนี้ใช่คนเดียวกับเจ้าแห่งนรกคนก่อนหรือไม่?
หลานสวี่ชิงควบคุมสามีได้ดีมาก
เขามองดูโจวจินหนานด้วยความเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะเดินออกไป
โจวจินหนานขูดเกล็ดปลาเสร็จเรียบร้อย และกำลังคิดจะทำต้มซุปปลาให้กับสวี่ชิง เขาได้ยินมาว่าคนท้องมักจะดูมีน้ำมีนวลขึ้น แต่เมื่อเขาสัมผัสร่างกายเธอ เขากลับพบว่าภรรยาตนเองผอมแห้งเกินไป
โดยเฉพาะบริเวณส่วนหน้าท้องที่ต้องเก็บกักอาหารให้ลูกยังไม่ใหญ่มากนัก
เขาตวงส่วนผสมอย่างระมัดระวัง ก่อนจะสรุปได้ว่าสวี่ชิงคงจะทำงานหนักเกินไป จนเหนื่อยล้าและขาดโภชนาการ
คิดแล้วก็โยนปลาลงไปต้มในหม้อ และหั่นเต้าหู้ใส่ลงไป
เมื่อไป๋หลางที่วนเวียนอยู่รอบ ๆ โจวจินหนานเห็นว่าเจ้านายใส่ปลาทั้งตัวลงไปในหม้อ อีกทั้งยังไม่สนใจไยดีมัน มันจึงกระดิกหางและหมอบลงกับพื้นด้วยความผิดหวัง
กว่าสวี่ชิงจะตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว เธอผล็อยหลับไปนานจนรู้สึกว่าท้องว่างเปล่า รีบหันหน้ากลับไปมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง และเห็นว่าเป็นเวลาบ่ายสองกว่าแล้ว
เธอตกใจมาก รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แต่งตัว สวมรองเท้า หวีผมและวิ่งออกไป
เฟิงซูฮวานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเล็ก มือถือพู่กันขีดเขียนไปมา ยิ้มตาหยีและหันไปมองสวี่ชิงที่รีบเดินออกมา “ตื่นแล้วเหรอ จินหนานกำลังต้มซุปปลาอยู่ที่เตาน่ะ หลานไปกินสิ”
สวี่ชิงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย “คุณย่ากินกันแล้วเหรอคะ?”
เฟิงซูฮวายิ้ม “ก็นี่มันกี่โมงแล้ว จะยังไม่กินได้ยังไง จินหนานบอกว่าจะออกไปทำธุระสักหน่อย หลานรีบไปกินซะสิ อีกสักเดี๋ยวเนื้อกับผักก็มาส่งแล้ว”
เดิมทีสวี่ชิงต้องการไปตรวจดูที่ร้านอาหาร แต่นึกไม่ถึงว่าตนเองจะพานตื่นสายขนาดนี้
เธอรีบเดินไปล้างหน้าที่ก๊อกน้ำ เดินเข้าไปตักซุปปลาในห้องครัว หยิบแป้งย่างและนั่งลงข้างเฟิงซูฮวา เฝ้าดูนางเขียนหนังสือ
“คุณย่า เขียนอะไรอยู่เหรอคะ?”
“มีบางอย่างที่ยายของหลานสอนย่าเอาไว้ ย่าจะเขียนแจกแจงให้หลาน”
ตัวอักษรของเฟิงซูฮวาบรรจงเรียบร้อย แต่กระนั้นไม่ได้ละทิ้งความสละสลวย และมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์
สวี่ชิงเอนตัวหันไปมองอยู่สองสามครั้ง และพบว่ามีวิธีการกำจัดกู่ มีแม้กระทั่งวิธีการทำศพกู่ด้วย!
เธอรีบหันหลังถอยกลับไป ตื่นตระหนกที่ได้เห็นชื่อวิธีการดังกล่าว
ขณะที่กำลังละเมียดละไมกินซุปปลา พี่สะใภ้จินกับพี่สะใภ้หลิวก็เดินเข้ามาพร้อมกับคนส่งของ
ตอนนี้จิตใจของสวี่ชิงกำลังตื่นตระหนกอยู่กับวิธีการทำศพกู่ จึงไม่ได้ใส่ใจรสชาติของซุปปลามากนัก เธอวางถ้วยลง ลุกขึ้นยืน และกล่าวทักทายพวกพี่สะใภ้จิน แต่จู่ ๆ กลับรู้สึกคาวในปาก
กลิ่นคาวเหมือนกับกำลังกินขี้โคลนจากบ่อปลา ท้องไส้ปั่นป่วนและเริ่มรู้สึกพะอืดพะอม เธอพยายามระงับอาการคลื่นไส้และเดินเข้าไปคุยกับพี่สะใภ้จิน
พี่สะใภ้จินประหลาดใจ “ไหนบอกว่าจะไปพักผ่อนสองสามวันไง ทำไมกลับมาเร็วกันจัง?”
สวี่ชิงยังคงรู้สึกอึดอัด “มันน่าอึดอัดน่ะ เตียงที่บ้านสบายกว่าเยอะ อีกอย่างไม่มีอะไรสนุกให้ทำเลย ฉันเลยกลับมา”
พี่สะใภ้จินหัวเราะ “ใช่ไหมล่ะ ต่อให้เป็นสวรรค์วิมานก็ไม่เหมือนกับอยู่ที่บ้านหรอก ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ไม่สบายเท่ากับอยู่บ้านเรา”
สวี่ชิงพยักหน้าเห็นด้วย เธอคุยเล่นอีกสองสามคำ และจ้องมองไปที่วัตถุดิบที่มาส่ง ตรวจดูคุณภาพของเนื้อ
หลังจากถ่ายเทเนื้อกว่าครึ่งกิโลกรีม เถ้าแก่ที่มาส่งเนื้อก็จากไป พี่สะใภ้จินจึงถามขึ้นว่า “บ้านเธออยากซื้อโทรทัศน์กันบ้างหรือเปล่า?”
สวี่ชิงพยักหน้า “ก็อยาก แต่ยังหาคูปองโทรทัศน์ไม่ได้เลย และช่วงนี้ก็ขาดตลาดด้วย”
พี่สะใภ้จินกระซิบว่า “ที่บ้านฉันมีอยู่หนึ่งใบ เธอจะเอาไหม? ยังไงซะบ้านฉันก็ไม่มีเงินมาซื้อโทรทัศน์หรอก”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พี่หนานลืมล้างคาวปลาก่อนต้มหรือเปล่านั่น ลำบากชิงชิงแล้ว
ไหหม่า(海馬)