เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 253 โจวจินหนานคิดว่าอามู่ดูไม่ชอบมาพากล
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 253 โจวจินหนานคิดว่าอามู่ดูไม่ชอบมาพากล
บทที่ 253 โจวจินหนานคิดว่าอามู่ดูไม่ชอบมาพากล
สวี่ชิงประหลาดใจ “คุณย่า? คุณรู้จักคุณย่าของฉันเหรอคะ?”
อามู่รู้สึกถึงความเคารพที่ประดังประเดเข้ามาในหัวใจ ไม่กล้าเข้าใกล้สวี่ชิงมากเกินไป และใช้ท่าทางอธิบายความสัมพันธ์ของทั้งสอง
โจวจินหนานรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของอามู่ “เขาบอกว่าคนขวาที่สวมผ้าโพกหัวคือคุณย่าของคุณ แต่เขาไม่รู้จักคุณย่าของคุณ”
สวี่ชิงไม่สามารถเข้าใจความสัมพันธ์ดังกล่าวได้ แม้ว่าภาพถ่ายจะเก่าและติดเหลือง แต่เธอก็มั่นใจว่าคนในรูปคือคุณย่าเฟิงซูฮวา
เป็นไปได้ไหมว่าคุณย่าจะรู้จักคุณยาย?
เธอชี้ไปรูปภาพของเฟิงซูฮวาและแสดงให้อามู่ดู “นี่คือคุณย่าของฉันค่ะ แม่เฒ่าที่อยู่กับฉัน”
ในตอนนั้นอามู่มัวแต่จดจ่ออยู่กับสวี่ชิง และไม่ได้สนใจเฟิงซูฮวาที่กำลังพิงไม้ค้ำอยู่ และหลังจากได้ยินคำพูดของสวี่ชิง เขาก็เริ่มเกาศีรษะโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สวี่ชิงจับข้อมือโจวจินหนานอย่างตื่นเต้น “คุณย่าบอกว่าเคยเรียนรู้ทักษะจากคนคนหนึ่ง คนนั้นจะใช่คุณยายของฉันหรือเปล่า? เรากลับไปถามกันเถอะค่ะ”
อีกทั้งยังบอกอามู่ว่าพวกเธอจะกลับไปถามคุณย่าว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เขาจะไปด้วยกันหรือไม่?
อามู่หันหน้าไปมองฟืนที่กองอยู่บนพื้น และรีบพยักหน้า
สวี่ชิงกำนาฬิกาพกแน่น รู้สึกประหม่าจนอธิบายไม่ถูก และไม่รู้ว่าคุณย่าจะรู้เรื่องนี้หรือไม่
เมื่อกลับมาถึงห้องพัก เฟิงซูฮวากำลังนั่งแทะเมล็ดแตงโมอยู่บนโซฟาอย่างระมัดระวัง นางมองดูสวี่ชิงที่กลับเข้ามา และพบว่าชายลึกลับคนดังกล่าวเดินตามโจวจินหนานเข้ามาด้วย จึงวางเมล็ดแตงโมในมือลง “ถามเสร็จแล้วเหรอ?”
สวี่ชิงยังคงคิดว่าเธอควรจะพูดอย่างไรดีเพื่อไม่ให้คุณย่าตกใจจนเกินไป ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ “คุณย่าคะ เขาบอกว่าเขาชื่ออามู่ เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกคุณยายรับเลี้ยงเอาไว้ เขามีรูปภาพติดตัวมาด้วยค่ะ ลองดูสิคะ”
เธอพูดและส่งนาฬิกาพบให้เฟิงซูฮวาดู
ถึงเฟิงซูฮวาจะแก่มากแล้ว แต่สายตาของนางยังค่อนข้างดี นางรู้สึกประหลาดใจทันทีที่เหลือบมองภาพดังกล่าว หลังจากจ้องมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงหันไปถามสวี่ชิงด้วยความตื่นตัน “ยายของหลานเหรอ?”
สวี่ชิงพยักหน้า “อามู่บอกว่านี่คือคุณยายของฉันค่ะ คุณย่ารู้จักกันเหรอคะ?”
เฟิงซูฮวาที่มักจะดูสงบนิ่งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ดวงตาเริ่มเปียกชื้น “เย่หนานเป็นเด็กซนอย่างที่อาตังพูดไว้ และเธอก็เป็นหลานของท่าน”
นางก้มหน้ามองรูปถ่ายในมือหลังจากพูดจบ ในขณะที่มือสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เงยหน้ามองสวี่ชิง และเอื้อมมือออกไปสัมผัสแก้มของอีกฝ่าย “ทำไมพวกเธอดูไม่เหมือนกันเลย? ไม่อย่างนั้นย่าคงไม่สามารถทนเห็นหลานทุกข์ทรมานแบบนี้”
สวี่ชิงเอื้อมมือออกไปจับมือนาง และกดแก้มนุ่มเข้ากับฝ่ามือของอีกฝ่าย “ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ ไม่นึกเลยว่าคุณย่ากับคุณยายจะรู้จักกัน อีกอย่างฉันไม่ได้เป็นทุกข์หรอกค่ะ ตอนนี้หนูสบายดี”
เฟิงซูฮวาใช้มืออีกข้างหนึ่งลูบศีรษะของสวี่ชิง “ย่าก็บอกไม่ได้ว่าทำไมย่าถึงชอบหลานนัก เพราะหลานคือหลานของอาตังนี่เอง”
และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมร่างกายของสวี่ชิงถึงพิเศษ
สุดท้ายแล้ว เหมียนสุ่ยตังเป็นแม่มดที่ทรงพลังมาก เย่หนานที่เป็นลูกสาวของนางจึงไม่แตกต่างกันนัก
เฟิงซูฮวาสงบสติอารมณ์ลง และเล่าให้สวี่ชิงฟังว่านางกับเหมียวสุ่ยตังรู้จักกันได้อย่างไร นอกจากนี้ชื่อของเหมียวสุ่ยตังเป็นการเลียนเสียงมาจากคำว่าแม้ว
เฟิงซูฮวารู้จักกับเหมียนสุ่ยตังในช่วงระยะเวลาที่สวี่ฉงกวงถูกวางยาพิษ และต่อมาเฟิงซูฮวาจ่ายเงินจำนวนมหาศาลให้เหมียวสุ่ยตังเป็นค่าตอบแทนในการช่วยชีวิตนาง
ตอนนั้นบ้านสกุลเฟิงร่ำรวยมาก สามารถส่งมอบทองคำแท่งได้ทีละเป็นหีบ
เหมียวสุ่ยตังมีบุคลิกที่กล้าหาญ นางได้รับผลประโยชน์มากมายจากเฟิงซูฮวา รวมถึงตอบแทนความโปรดปราณด้วยการสอนเฟิงซูฮวาเลี้ยงกู่
ต่อเนื่องมาจากอุบัติเหตุของสวี่ฉงกวง ทำให้เฟิงซูฮวาสนใจในการเลี้ยงดูกู่เป็นอย่างมาก นางเฉียวฉลาดและมากพรสวรรค์ จึงได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมายจากเหมียวสุ่ยตัง
ครั้งเมื่อมีเวลาว่าง เหมียวสุ่ยตังยังเล่าเรื่องความขับข้องใจระหว่างหมู่บ้านต่าง ๆ ให้เฟิงซูฮวาฟัง และตัวแทนของแต่ละหมู่บ้านก็มีความประหลาดพิลึกกึกกือ
เฟิงซูฮวาอาศัยอยู่ในจังหวัดเสฉวนเป็นเวลาเกือบครึ่งปี และเรียนรู้กับเหมียวสุ่ยตังตลอดทั้งครึ่งปี
พวกนางคอยติดต่อหากัน โดยที่เหมียนสุ่ยตังจะไปมาหาสู่กับเฟิงซูฮวาเป็นครั้งคราว
เฟิงซูฮวารู้ว่านางมีลูกสาวที่ชอบเล่นซนมากและมักจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกครั้งที่เหมียวสุ่ยตังเล่าให้ฟัง สีหน้าท่าทางของนางมักจะดูตามอกตามใจ แต่ปากกลับหัวเราะเยาะและด่าสาด
ต่อมา ทรัพย์สินของบ้านสกุลเฟิงถูกส่งมอบ โดยยกให้นางเป็นเจ้าของบ้าน และเพื่อไม่ให้เหมียวสุ่ยตังเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เฟิงซูฮวาจึงเริ่มตัดขาดกับนาง
ในยุคที่การสื่อสารไม่สะดวกสบาย เมื่อใดก็ตามที่ย้ายบ้านไป จะถูกตัดขาดการติดต่อทันที
เฟิงซูฮวายังคงเล่าต่อในขณะที่นึกถึงเรื่องในอดีต สวี่ชิงที่นั่งฟังอยู่ค้นพบว่าถึงจะไม่ได้มีพิธีรีตองในการสร้างสัมพันธไมตรี แต่พวกเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาก
เนื่องจากเฟิงซูฮวาพูดค่อนข้างไวกว่าปกติเล็กน้อย และพูดยืดยาวในคราวเดียว อามู่ที่นั่งอยู่ด้านข้างจึงหันไปมองสวี่ชิงด้วยดวงตาแดงก่ำ
เฟิงซูฮวาเล่าเรื่องทั้งหมดจบแล้ว แต่ยังรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย “ย่ามันโง่จริงเชียว ถ้าก่อนหน้านี้ย่ารู้ว่าหลานคือหลานของอาตัง ย่าคงจะรีบพาตัวหลานออกมาจากบ้านสกุลสวี่”
แม้ว่าชีวิตจะยากลำบาก แต่ก็ไม่ควรไปคอยรับใช้ฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่
สวี่ชิงยิ้มและกอดเฟิงซูฮวา “คุณย่าอย่าคิดมากเลยค่ะ รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สาย อีกอย่างเรายังจะอยู่ด้วยกันไปอีกหลายปี อีกหลายปีข้างหน้าคุณย่าคอยปกป้องฉันได้เสมอ”
เฟิงซูฮวาลูบหลังสวี่ชิงเบา ๆ “ย่าจะปกป้องหลานเอง ตราบใดที่ย่ายังมีชีวิตอยู่ ย่าจะปกป้องหลานแน่นอน”
นางรักสวี่ชิงมาตั้งแต่เริ่มแรก อีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ยังวิเศษขึ้น ส่งผลให้ลักษณะนิสัยที่ไม่เคยต่อสู้ของเฟิงซูฮวาค่อยๆ หายไป
นางไม่เพียงแต่จะอยากปกป้องสวี่ชิงเท่านั้น แต่ยังอยากทำให้ชีวิตเธอดีขึ้นอีกด้วย
สวี่ชิงถามเรื่องราวเกี่ยวกับคุณยายมากมาย หากแต่ไม่มีความรักและความเกลียดชังผสมปนเป มันช่างดูราบรื่นนัก ราวกับมองดูละครประวัติศาสตร์ที่ดำเนินเรื่องไปอย่างรวดเร็ว
เธอมองเห็นความเฉลียวฉลาดและความตรงไปตรงมาของคุณยายผ่านภาพขาวดำ อีกทั้งยังเห็นความปราดเปรื่องและสง่างามของคุณย่าครั้งยังเยาว์วัย
สวี่ชิงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวดังกล่าวและไม่ยอมออกไปไหนจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น โจวจินหนานรู้สึกว่าอารมณ์ของสวี่ชิงไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงพาเธอออกไปเดินเล่น
ท่ามกลางแสงจันทร์สว่างไสว สวี่ชิงเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้าขณะเดินเอามือไพล่หลัง หยุดเดินกะทันหันและมองไปทางโจวจินหนาน “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็คงจะดี ความทุกข์ใจของคุณยายกับแม่จะได้จบลงอย่างมีความสุขสักที”
เธอโชคดีมากที่ได้เกิดใหม่มาพบกับโจวจินหนาน และได้แก้ไขความโศกเศร้าทั้งหมดในชีวิตก่อนหน้านี้
เมื่อคิดเช่นนั้น เธอก็เอื้อมมือออกไปโอบกอดรอบเอวโจวจินหนานแน่น “ดีจังที่พวกเราแก้ไขความผิดพลาดได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงจะเสียใจแย่”
โจวจินหนานรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย มองดูบริเวณโดยรอบ เห็นเพียงแสงไฟเล็ก ๆ จากระยะไกล ส่วนพื้นรอบข้างมืดสนิท
เขาเอื้อมมมือไปลูบหลังสวี่ชิง “อย่าเศร้าไปเลย เมื่อไหร่ที่พ่อตามหาแม่เจอ พวกเขาจะเลิกทุกข์ใจเหมือนกัน”
จู่ ๆ สวี่ชิงก็หัวเราะเสียงดังลั่น “คุณไม่เขินบ้างหรือไงคะ เรียกว่าพ่อแม่ซะหน้าตาเฉยเลย”
เธอพูดและถูหน้าเข้ากับหน้าอกของโจวจินหนาน พลางหัวเราะคิกคัก
หากครอบครัวได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง นั่นคงจะเป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบที่สุด
โจวจินหนานลูบเรือนผมเธอราวกับลูบลูกแมวน้อย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดขึ้นว่า “คุณไม่คิดว่าที่อามู่ปรากฏตัวขึ้นมันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ?”
สวี่ชิงชะงักไปครู่หนึ่ง และเงยหน้ามองโจวจินหนาน “คุณหมายความว่ายังไง? จะบอกว่าอามู่ไม่ชอบมาพากลเหรอคะ?”
โจวจินหนานขมวดคิ้ว “มันบังเอิญเกินไป ต้องระวังให้มากกว่านี้ คืนนี้ผมจะเปลี่ยนห้องให้คุณกับคุณย่า”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เออ เราก็คิดว่ามันแปลกนะ อยู่ดีๆ ก็เจอคนรู้จักแม่แบบง่ายๆ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าที่เป็นใบ้นี่เป็นจริงหรือแกล้งเป็น
ไหหม่า(海馬)