เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 252 คุณย่ากับคุณยายรู้จักกัน
บทที่ 252 คุณย่ากับคุณยายรู้จักกัน
ขณะที่สวี่ชิงกับเฟิงซูฮวากำลังเดินลงบันได ใครบางคนที่อยู่ด้านหลังก็สาวเท้าเดินอย่างไวและไปหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา
สวี่ชิงมองดูชายตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เขามีรูปร่างผอมบาง ผิวดำและดูไม่สูงมาก คิ้วโก่งสูง เบ้าตาลึก ดวงตาสดใส เปล่งประกายไปด้วยแววชื่นชม
ชายคนดังกล่าวจ้องมาทางสวี่ชิงโดยไม่พูดไม่จา
สวี่ชิงรู้สึกได้ถึงความปรารถนาดีของอีกฝ่าย เธอจึงถามว่า “คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”
ชายคนนั้นยื่นมือออกมาและทำท่าทางวิตกกังวลอยู่สองครั้ง ก่อนจะพ่นเสียงอาอาออกมา
สวี่ชิงตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายมีความบกพร่องทางการได้ยิน เธอจึงพยักหน้าและพูดช้าลง “คุณอยากให้ฉันช่วยไหมคะ?”
ชายคนนั้นส่ายศีรษะอย่างแรง ยกนิ้วโป้งขึ้น และฉีกยิ้มจนเผยให้เห็นฟันซี่ขาวเต็มปาก เขาจ้องมองไปทางสวี่ชิงอีกสองสามครั้งและวิ่งหนีไป
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจและหันหน้าไปมองแผ่นหลังของชายคนดังกล่าวที่วิ่งหายไปท่ามกลางหมู่ต้นไม้ใหญ่ ก่อนหันหน้ากลับมาถามเฟิงซูฮวา “ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักฉันนะคะ แต่ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย เหมือนเขาจะอายุแค่สามสิบปีเอง ไม่ใช่ว่าเขารู้จักกับแม่ของฉันเหรอคะ?”
เฟิงซูฮวางุนงงเช่นกัน “ไม่เคยเห็นเลยแฮะ”
สวี่ชิงครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจถามโจวจินหนานว่าชายคนดังกล่าวคือใคร บางทีเขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่ของเธอก็เป็นได้?
ตอนนี้เธอไม่สามารถละทิ้งเงื่อนงำใด ๆ ได้
หลังจากกลับมาที่ห้อง โจวจินหนานกับสวีหย่วนตงก็มารออยู่ก่อนแล้ว สวีหย่วนตงกำลังอ่านรายงานตรวจสุขภาพและพูดชมเชยครั้งแล้วครั้งเล่า “คุณย่าร่างกายแข็งแรงดี แข็งแรงกว่าพวกคนหนุ่มสาวด้วยซ้ำ”
เฟิงซูฮวาหัวเราะ “เจ้าหนู รู้จักพูดดีจังเลยนะ ย่าจะเทียบกับคนวัยหนุ่มสาวได้ยังไงกัน”
สวีหย่วนตงพับรายงานตรวจสุภาพและยื่นให้สวี่ชิง “แต่คุณย่าดูไม่แก่เลยนะครับ พละกำลังแข็งแรง สามารถมีอายุอยู่ต่อได้อีกสองร้อยปีเชียวล่ะ”
เฟิงซูฮวาหัวเราะอย่างสุขใจ “พ่อหนุ่ม นั่นจะไม่เป็นปีศาจเฒ่าเลยรึ”
สวี่ชิงอารมณ์ดีเช่นกันเมื่อได้ยินดังนั้น เธอรอจนกระทั่งสวีหย่วนตงพูดหยอกล้อเสร็จจึงบอกเล่าเกี่ยวกับชายคนแปลกหน้าให้โจวจินหนานฟัง
“น่าจะเป็นคนหูหนวก ตอนที่เขามองมาที่ฉัน ดวงตาของเขาดูมีความสุขมาก แต่สุดท้ายเขากลับยกนิ้วโป้งและวิ่งหนีไป คุณช่วยฉันตามหาคนคนนี้หน่อยนะคะ”
โจวจินหนานพยักหน้า “ได้สิ อีกสักพักผมจะไปสอบถามให้”
สวี่ชิงถอนหายใจ “ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับแม่ของฉันหรือเปล่า แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถละทิ้งเงื่อนงำอะไรได้เลย”
สำหรับมื้อกลางวัน สวี่ชิงพาเฟิงซูฮวาไปรับประทานอาหารเสฉวน ทำให้แม่เฒ่ามีความสุขและพึงพอใจมาก
อีกทั้งยังพูดชมเชยไม่หยุดปาก “อร่อยพอ ๆ กับที่ย่าเคยกินที่เสฉวนเมื่อครั้งยังสาวเลย”
สวี่ชิงยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นหนูจะไปเรียนรู้วิธีการทำ และกลับไปทำด้วยตัวเองดูค่ะ”
เฟิงซูฮวาโกบมือ “ยุ่งยากไปแล้ว ย่าแค่อยากลองชิมเฉย ๆ อีกอย่างรสชาติค่อนข้างเผ็ด ไม่เหมาะกับหลานที่กำลังตั้งท้องอยู่หรอก”
สวี่ชิงลูบท้องน้อยที่เริ่มนูนป่องออกมา “ถ้าคุณย่าไม่พูด ฉันก็คงลืมไปแล้วว่าตัวเองท้องอยู่ นี่ก็เกือบจะสามเดือนแล้ว ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยนอกจากหิว เจ้าแมวน้อยจอมตะกละนี่จะออกมาจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”
เฟิงซูฮวาเหลือบมองไปที่ท้องของสวี่ชิง “เป็นเด็กที่มีวาสนานะ”
สวี่ชิงมีวาสนาอย่างที่คุณย่าบอก เนื่องจากเธอเกิดในยุคหนึ่งเก้าแปดศูนย์ จะไม่มีวันไหนที่เธอขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม นอกจากนี้ชีวิตของเธอจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
ก่อนจะเอ่ยถามเฟิงซูฮวาด้วยความสงสัย “คุณย่า ช่วยตรวจชีพจรแล้วดูให้หน่อยได้ไหมคะว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?”
เฟิงซูฮวาประหลาดใจ “ทำไม พวกหลานอยากได้เด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงเหรอ?”
สวี่ชิงรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่สงสัย ได้ยินมาว่าชีพจรตอนท้องสามเดือนสามารถบอกเพศชายหญิงได้”
เฟิงซูฮวาพยักหน้า “ก็ได้”
ทันใดนั้นสวี่ชิงก็เอนตัวเข้าไปพูดกระซิบกับเฟิงซูฮวา
โจวจินหนานที่นั่งตรงข้ามทั้งสองคนฟังสวี่ชิงกับเฟิงซูฮวาพูดคุยเกี่ยวกับลูกของเขา ทำให้เขามีท่าทางอ่อนโยนสงบนิ่ง ดวงตาอ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว และมุมปากก็ยกขึ้นอย่างอารมณ์ดี
สวีหย่วนตงที่นั่งอยู่ด้านข้างเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของโจวจินหนาน และพบว่าเกาจ้านพูดถูก
หลังจากแต่งงานแล้ว โจวจินหนานก็ดูเหมือนมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ!
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ สวี่ชิงก็พาเฟิงซูฮวาไปงีบหลับ ในขณะที่โจวจินหนานนำข่าวที่เธอต้องการกลับให้ทันทีที่เธอตื่นนอน
มีชายหูหนวกและเป็นใบ้เพียงคนเดียวในสถานพยาบาลผู้สูงอายุแห่งนี้ ชายคนนั้นอายุสามสิบสองปี มีชื่อว่าอามู่ เป็นคนต้มน้ำอยู่ในห้องต้ม
เขาเป็นเด็กกำพร้าที่สถานพยาบาลผู้สูงอายุรับเลี้ยงไว้เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากพูดไม่ได้ ไม่สามารถสื่อสารได้ เอาแต่ทำท่าทางบ่งบอกอายุ และคอยชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ทุกครั้งที่มีคนถามชื่อ
ดังนั้นพนักงานทุกคนจึงเรียกเขาว่าอามู่ เขาอาศัยอยู่ที่สถานพยาบาลตั้งแต่นั้นมา และเมื่อโตขึ้น เขาถูกจัดแจงให้ไปทำงานในห้องต้มน้ำ
สวี่ชิงถอนหายใจหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด “ยี่สิบกว่าปีอีกแล้ว เวลาตรงเหมาะเจาะพอดี นั่นหมายความว่าเขาอาจจะรู้จักแม่ของฉัน ฉันอยากจะไปหาเขาจังค่ะ”
โจวจินหนานรู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้สูง ดังนั้นเขาจึงพาสวี่ชิงไปตามหาอามู่ที่ห้องต้มน้ำ
อามู่ที่กำลังเลื่อยไม้อยู่บริเวณสวนหลังอาคารต้มน้ำเหลือบเห็นสวี่ชิงกับชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาก็รีบโยนเลื่อนทิ้งและแสดงท่าทางตื่นเต้น ก่อนจะทำท่าทางอีกแบบ
สวี่ชิงรู้สึกเสียใจที่เธอไม่สามารถเข้าใจเขาได้ และสอบถามโจวจินหนานว่าเขารู้จักใครสักคนที่รู้ภาษามือและสามารถแปลภาษาให้พวกเขาได้บ้าง
ทว่าโจวจินหนานกลับโพล่งออกมาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว “เขาบอกว่าหน้าตาดีเหมือนแม่”
สวี่ชิงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจที่โจวจินหนานเข้าใจภาษามือ “คุณรู้จักแม่ของฉันเหรอคะ?”
อามู่สามารถอ่านริมฝีปากได้เป็นอย่างดี เขาพยักหน้าและเริ่มแสดงท่าทางอีกครั้ง
เนื่องจากความจำเป็นต้องใช้ในหน้าที่การงาน ครั้งหนึ่งโจวจินหนานจึงเคยได้เรียนภาษามืออย่างมืออาชีพ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจภาษามือของอามู่ถึงเจ็ดสิบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ และอธิบายให้สวี่ชิงฟังด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เขาบอกว่ารู้จักพี่เย่หนาน แต่เขาก็สูญเสียพี่เย่หนาน และตอนนี้ไม่รู้ว่าจะไปตามหาหล่อนที่ไหน และไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่”
ทันใดนั้นอามู่ก็ร้องไห้สะอื้น ลงไปนั่งยอง ๆ กุมศีรษะและดึงทึ้งผมตนเอง
ความหดหู่และความโศกเศร้าที่อัดอั้นตันใจมานานแผ่ซ่านออกมา จนทำให้สวี่ชิงไม่ทันได้ตั้งตัว
ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนอามู่อย่างไรดี
เธอยืนอยู่ข้างโจวจินหนาน และเฝ้าดูอามู่ร้องไห้เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นทั้งที่ดวงตาแดงก่ำ สีหน้าดูตื่นเต้นเล็กน้อย และท่าทางการแสดงออกก็ดูว่องไวขึ้น
เหมือนว่าคนตรงหน้ากำลังรีบร้อน จึงได้แสดงท่าทางตื่นตระหนกออกมา
โจวจินหนานพยายามจะอ่านให้จบและอธิบายสั้น ๆ ให้สวี่ชิงฟัง “เขาบอกว่าคุณยายของคุณเป็นคนรับเลี้ยงเขา แต่จากนั้นคุณยายก็หายตัวไป เขาคอยติดตามพี่เย่หนาน แต่จู่ ๆ พี่เย่หนานก็หายตัวไปจากหมู่บ้าน เขาพยายามตามหาตลอดทาง แต่ก็ยังหาหล่อนไม่เจอ”
“เขาละอายใจและไม่ได้ตามหาพี่เย่หนานต่อ ต่อมาสถานพยาบาลช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาเลยอยู่ที่นี่เพื่อตอบแทนบุญคุณ และไม่สามารถจากไปอย่างไร้ความรับผิดชอบได้”
สวี่ชิงมองดูอามู่เงียบ ๆ และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าอามู่จะสามารถสานความสัมพันธ์ที่แตกร้าวระหว่างแม่กับคุณยายได้
ดูเหมือนว่าการตามหาแม่จะไร้ประโยชน์ แต่ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนริบบิ้นที่ผูกทุกอย่างไว้ด้วยกัน
เธอค่อย ๆ พูดปลอบโยนอามู่ “อย่าโทษตัวเองไปเลยค่ะ คุณสบายดีก็ดีแล้ว ฉันคิดว่าแม่ของฉันอาจจะยังสบายดีอยู่ในโลกนี้ และเราจะตามหาท่านให้เจอ”
อามู่ใช้มือใหญ่เช็ดถูใบหน้าอย่างแรง หยิบนาฬิกาพกคู่กายออกมา เปิดมันออกราวกับขุนทรัพย์และยื่นให้สวี่ชิง
ภายในเผยเห็นรูปภาพของหญิงสาวทั้งสองคน
สวี่ชิงเอื้อมมือออกไปหยิบมันมาดูใกล้ ๆ แล้วต้องรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่รู้จักผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แต่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงอีกคนคือเฟิงซูฮวาเมื่อครั้งยังเป็นสาว!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ย่าเฟิงคงสนิทกับครอบครัวคุณแม่เย่หนานมากเลยล่ะ และเดาว่าเรียนรู้วิชากู่มาจากครอบครัวคุณแม่เย่หนานด้วย
ว่าแต่อามู่มีความสัมพันธ์แบบไหนกับเย่หนานกันนะ?
ไหหม่า(海馬)