เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 250 สวี่ชิงไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม
บทที่ 250 สวี่ชิงไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม
สวี่ชิงทำเร็วมาก คืนเดียวก็ทำรองเท้าสองคู่เสร็จ โดยเฉพาะพื้นรองเท้ากับหน้ารองเท้าที่ทำเสร็จก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแค่นำมาเย็บรวมกันก็พอ
ฝีเข็มถี่ละเอียดเว้นได้อย่างพอเหมาะ แม้แต่พื้นรองเท้ายังมีรอยเย็บอย่างดี
โจวจินหนานปวดใจที่เห็นสวี่ชิงตาแดงแล้วแต่ยังคงนั่งทำรองเท้า นั่งอยู่ด้านข้างเตือนไม่หยุด “ทำคู่เดียวก็พอแล้วคุณ เขาไม่ได้มีแค่รองเท้าหนังยังมีรองเท้าบูททหารด้วย มีให้ใส่พอแล้ว”
สวี่ชิงส่ายหน้า “รองเท้าหนังสวมแล้วกัดเท้า รองเท้ากีฬาเองก็ใส่แล้วร้อน รองเท้าผ้าสิถึงจะใส่สบาย”
เธอรู้ว่าตอนนี้ผู้คนต่างก็ชอบรองเท้าหนังกัน แล้วรังเกียจว่ารองเท้าผ้าว่าขี้เหร่ แต่ต่อมาอยากจะใส่พื้นรองเท้าเย็บเป็นชั้น ๆ แบบนี้ก็หายากแล้ว
โจวจินหนานไม่พูดอีก นอนดึกเป็นเพื่อนสวี่ชิง รอจนเธอทำรองเท้าสองคู่เสร็จแล้วถึงค่อยเอนตัวลงนอน หยิบรองเท้าคู่ใหม่ที่ทำอย่างละเอียดละออนี้มาดูอีกครั้งพักหนึ่ง
ในใจกลับคิดว่าเดี๋ยวกลับมาต้องชำระแค้นเหยียนป๋อชวนสักยก
รุ่งเช้าสวี่ชิงให้โจวจินหนานพาเธอไปหาเหยียนป๋อชวนก่อน นำรองเท้าไปให้ ระหว่างทางยังซื้อแป้งทอดแล้วก็ผลไม้นิดหน่อย
ตอนมาถึงหอพักที่ได้รับการจัดสรรของเหยียนป๋อชวน หยวนฮวากับเหยียนจี้ชวนต่างก็อยู่ด้วย
สีหน้าของเหยียนป๋อชวนดูย่ำแย่เล็กน้อย ตอนเห็นสวี่ชิงถึงค่อยอ่อนโยนลงมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พวกลูกทำไมมาเช้าแบบนี้ล่ะ ตายังแดงขนาดนี้ด้วย เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ?”
เขาเป็นห่วงลูกสาว จึงให้เธอรีบนั่งลง
สวี่ชิงกวาดตามองหยวนฮวา แล้วส่งห่อผ้าให้เหยียนป๋อชวน “พ่อ ฉันทำรองเท้าให้พ่อสองคู่ พ่อลองใส่ดูสิว่าพอดีไหม รองเท้าผ้าแม้จะไม่ค่อยสวยแต่ใส่สบายนะคะ”
เหยียนป๋อชวนพลันกระตือรือร้นขึ้นมาทันที “พอดี ๆ ต้องพอดีอยู่แล้ว ลูกถึงกับอดนอนเพื่อเย็บมันเลยเหรอ? ครั้งหน้าห้ามทำแบบนี้อีกนะ พ่อไม่ได้ขาดแคลนรองเท้าใส่เสียหน่อย”
พูดไปก็นำรองเท้าออกมา ถือราวกับของล้ำค่าอะไรอย่างนั้น พลิกกลับไปกลับมาดูอยู่อย่างนั้น
เหยียนจี้ชวนเองก็เดินมาหา ถอนหายใจสองที “หลานสาวคนโตของฉันมีฝีมือขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย กลับมาแล้วทำให้อาเล็กสักคู่สองคู่บ้างสิ”
สวี่ชิงยิ้ม “ได้ค่ะ สองวันนี้ฉันจะทำให้คุณอาสองคู่เหมือนกัน”
โจวจินหนานยืนหน้าดำอยู่ด้านข้าง คนแย่งรองเท้าเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว
หยวนฮวานั่งอยู่บนโซฟาไม่ขยับ มองความสนิทสนมของคนสองสามคนนั้น ก็เม้มริมฝีปากสายตาเข้มงวด
ดูแหมือนลูกชายสองคนของนางจะไม่ฟังคำพูดของนางเลยสักนิดเดียว
หยวนฮวาคิดว่าต่อให้สวี่ชิงจะเป็นลูกสาวของเย่หนาน แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นลูกสาวของเหยียนป๋อชวน นางได้ยินมาว่าผู้หญิงทางนั้นคนหนึ่งๆ สามารถมีสามีได้หลายคน และเป็นเพราะนโยบายวางแผนครอบครัว พฤติกรรมไม่ดีเหล่านี้จึงไม่มีแล้ว
อีกทั้งนางยังมีอคติกับคนชายแดนความคิดล้าหลัง วัฒนธรรมก็ป่าเถื่อน
ดังนั้นเหยียนป๋อชวนแน่ใจได้อย่างไรว่าสวี่ชิงคือลูกสาวของเขา เมื่อครู่นางเพิ่งสั่งสอนเหยียนป๋อชวนกับเหยียนจี้ชวนไปหมาดๆ
เรื่องของลูกหลานไม่อาจสะเพร่าเช่นนี้!
แค่เห็นว่าสวี่ชิงหน้าเหมือนเย่หนานหรือ? สวี่ชิงดูไม่เหมือนกับคนในบ้านตระกูลเหยียนเลยสักนิดเดียว
ผลลัพธ์กลับเป็นคำพูดของนางที่ทำให้เหยียนป๋อชวนต่อต้านไม่พอใจ!
สุดท้ายเหยียนป๋อชวนก็ยังใส่รองเท้าต่อหน้าสวี่ชิง หลังลองรองเท้าใหม่แล้วพบว่าขนาดกำลังดีก็ย่ำกับพื้นเดินวนสองรอบพลางถอนหายใจ “สบายจริง ๆ สบายกว่ารองเท้าหนังเยอะเลย”
สวี่ชิงมองข้ามหยวนฮวาที่ส่งสายตาเชือดเฉือนมาเป็นพัก ๆ และคลี่ยิ้มดีใจ “สบายก็ดีแล้วค่ะ ไว้พอกลับมาแล้วถ้ามีเวลา ฉันจะทำเพิ่มอีกสองสามคู่ ตอนพ่อเลิกงานแล้วค่อยใส่”
พูดคุยอยู่สักพักเหยียนป๋อชวนก็ต้องรีบไปขึ้นเครื่องบินแล้ว เหยียนจี้ชวนจึงไปส่งเขาที่สนามบิน
เหยียนป๋อชวนจะไปส่งพวกสวี่ชิงสองคนกลับก่อน สวี่ชิงโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอกค่ะ ๆ พวกพ่อไปกันเถอะ ฉันกับโจวจินหนานขี่จักรยานกันมา เดี๋ยวขี่จักรยานกลับก็พอแล้วค่ะ”
เหยียนป๋อชวนเองก็ไม่ได้พูดมากอีก ขึ้นรถจากไป
สวี่ชิงยืนส่งจนรถหายลับสายตาไปแล้วด้านหน้าประตูหอพัก แล้วถึงค่อยให้โจวจินหนานลากจักรยานมา
เธอไพล่มือไว้ข้างหลังยืนอยู่บนถนน เงยหน้าหรี่ตามองแสงแดดที่ทะลุผ่านใบไม้ลงมา
หยวนฮวาเดินเข้าไปหาอย่างทนไม่ไหว “สวี่ชิง ฉันต้องการคุยกับเธอ”
สวี่ชิงไม่แปลกใจสักนิด เธอยืนอยู่ตรงนี้รอให้หยวนฮวาเดินมาพูดกับตัวเอง มองหยวนฮวาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “คุณอยากพูดอะไรคะ?”
หยวนฮวามุ่นคิ้ว แววตาแฝงความมุ่งร้าย “ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ ระยะนี้ถึงได้รู้เรื่องระหว่างแม่ของเธอกับป๋อชวนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมากมาย สองคนแยกจากกันนานขนาดนั้น ดังนั้นสรุปว่าเธอเป็นลูกของบ้านตระกูลเหยียนหรือไม่ก็ยังไม่แน่”
สวี่ชิงเลิกคิ้วนิด ๆ “ดังนั้นแล้วคุณต้องการพูดอะไรเหรอคะ?”
หยวนฮวาเกลียดท่าทางไม่ยี่หระของสวี่ชิงแบบนี้อย่างยิ่ง นัยน์ตาฉายความรังเกียจ “ฉันไม่แน่ใจว่าเธอใช่ลูกของป๋อชวนจริงหรือเปล่า ไม่ต้องรีบเรียกเขาว่าพ่อนะ อีกอย่างการปรากฏตัวของเธอก็ทำลายความสงบสุขของครอบครัวฉัน เรื่องนี้ฉันไม่ชอบแม้แต่นิดเดียว เธอเองก็มีครอบครัวแล้ว คุณธรรมมากมายเองก็ควรต้องรู้”
“เธอไม่คิดว่าการที่เธอเป็นแบบนี้มันทำให้เรื่องยุ่งยากหรือ”
สวี่ชิงแสยะยิ้ม แค่นเสียงถากถางอย่างชัดเจน “ต่อให้คุณจะอายุมากแล้ว แต่คงไม่ถึงกับแก่จนเลอะเลือนกระมัง ดีหรือไม่ดีคุณก็แยกแยะไม่ออกหรือคะ ฉันเป็นลูกของพ่อฉันหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะมีตัดสิน และถ้าคุณคิดจะใส่ร้ายป้ายสีแม่ของฉัน ทางที่ดีที่สุดก็ควรมีหลักฐานมาประกอบคำพูดด้วยนะคะ”
“จริงสิ คุณน่าจะเป็นนักวัตถุนิยมสินะ ไม่ใช่ว่าทุกเรื่องต้องมีหลักฐานใช่ไหม ตอนนี้คุณเอาแต่พูดจาซี้ซั้วเลอะเทอะไม่มีหลักฐาน ต้องขอโทษทัศนคติที่คุณได้รับมาก่อนหน้านี้ และก็การศึกษาอบรมสั่งสอนของประเทศที่สั่งสอนคนอย่างคุณมาตั้งหลายปีขนาดนี้ด้วยนะคะ”
“สุดท้าย คุณไม่ต้องวางท่าเป็นผู้อาวุโสมาสั่งสอนฉัน ฉันรู้จักพ่อของฉันก็จริง แต่ไม่จำเป็นต้องรู้จักกับย่าของตัวเองหรอกค่ะ”
หยวนฮวาถูกคำพูดถากถางของสวี่ชิงสวนกลับจนพูดไม่ออก เธอไม่ได้พูดคำหยาบแม้แต่คำเดียว แต่มันกลับเสียดสีได้เจ็บแสบนัก
นางคิดว่าตัวเองยอมรับความรู้หรือความคิดใหม่ได้มาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับถูกคำพูดของสวี่ชิงตบหน้า
สวี่ชิงกลับไม่ปล่อยความหมายที่เธอต้องการจะสื่อ “อย่าทะนงคิดว่าตัวเองถูกหมดทุกอย่างนะคะ ค่าตอบแทนไม่คุ้มเลย ถึงเวลาอยากร้องก็ไม่มีที่ให้ร้อง และในเมื่อคุณชอบลูกเลี้ยงคุณขนาดนั้น งั้นก็เอาหลักฐานมายืนยันสิคะ พอพ่อของฉันกลับมาจะได้ไม่แค้นคุณมากนัก!”
หยวนฮวาพลันเสียความเยือกเย็น “เธอ! ช่างไร้การอบรมจริง ๆ”
สวี่ชิงแค่นหัวเราะ “ใช่ ตั้งแต่เด็กฉันก็ไม่มีพ่อไม่มีแม่แท้ ๆ คอยสั่งสอน ไร้การอบรมอย่างแท้จริง ดังนั้นคุณไม่ต้องมาหาฉันหรอกค่ะ”
พูดจบก็เห็นโจวจินหนานเดินลากจักรยานมาทางนี้ ดวงตาเธอพลันหยีโค้ง วิ่งไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม “ทำไมคุณไปนานขนาดนี้ พวกเรารีบกลับบ้านเถอะค่ะ คุณย่ายังรอให้พวกเราออกเดินทางอยู่นะ”
หยวนฮวามองโจวจินหนานกับสวี่ชิงขี่รถจากไปพร้อมกับใบหน้าดำทะมึน
ถูกหญิงสาวคนหนึ่งหักหน้า จะไม่ให้นางโกรธได้อย่างไร?
สวี่ชิงกลับไม่เก็บหยวนฮวามาใส่ใจ คนที่เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่และยังไหลไปตามกระแสนิยมแบบนี้ ก็นับว่าเป็นคนหัวโบราณคนหนึ่ง
ขณะนั่งซ้อนท้ายมองร่มไม้ผ่านร่างกายไป จู่ ๆ ก็คิดออกว่า “วันนี้พวกเราไปบ้านพักคนชรา งั้นคางคกของคุณย่าจะทำยังไงคะ?”
เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์มีพิษ หากวางไว้ในบ้านแล้วพวกผางเจิ้งหัวป้วนเปี้ยนแถวนั้น ถ้าถูกพิษเข้าจะทำอย่างไร
ผลลัพธ์คือสวี่ชิงร้อนใจไปเปล่า ๆ ตอนทั้งสองกลับมา ริมกำแพงตรงลานหน้าบ้านก็มีหนังคางคกตากเอาไว้พร้อมเลือดหยดติ๋งๆ ทำเอาคนเห็นแล้วตกใจกลัวไปหมด
ไป๋หลางนอนหมอบดูอยู่ข้าง ๆ ราวกับว่ามันดีใจหน่อย ๆ
เฟิงซูฮวาเพิ่งจะเก็บกวาดเสร็จ เห็นสวี่ชิงกับโจวจินหนานกลับมา ก็บ่นประโยคหนึ่ง “ยังคิดว่าจะเลี้ยงสักวันสองวัน มันดันตายหมดแล้ว”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เออ แก่กว่าแล้วไง แก่กว่าแล้วผิดไม่ได้เหรอถึงต้องคอยกดหัวคนที่เด็กกว่าอยู่ตลอด /ชิงชิงไม่ได้พูด/
ฝีปากชิงชิงได้ใครมาคะเนี่ย เผ็ดร้อนน่าดูเลย
ไหหม่า(海馬)