เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 246 การลองหยั่งเชิงของสวี่ชิง
บทที่ 246 การลองหยั่งเชิงของสวี่ชิง
โจวจินหนานพลันกระจ่างว่าสวี่ชิงต้องการทำอะไร ยื่นมือไปบีบแก้มของเธอ “ทำไมคุณถึงคิดว่าเจียงเสวี่ยอิงจะมีปัญหาด้วยล่ะ?”
สวี่ชิงหรี่ตาลงแฝงรอยยิ้มออดอ้อน “เพราะฉันไม่ชอบหล่อนไงคะ แล้วก็เมื่อคืนนี้คุณจำเหตุการณ์หลังออกตรวจได้ไหม หล่อนเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งนะ ทำไมคนที่ตำแหน่งสูงส่งแบบนั้นต้องลดตัวลงไปตรวจอาการที่ห้องตรวจฉุกเฉินเองด้วย ตอนที่หล่อนมาถึงเตียงของเกาจ้านเป็นเตียงสุดท้าย หล่อนก็อยู่ใกล้ตัวฉันมากๆ จนฉันต้องคอยระวังตัว”
ไม่รู้ว่าเธอคิดมากไปเองหรือไม่ ตอนที่ได้ยินว่าเจียงเสวี่ยอิงเป็นเด็กกำพร้าที่ตระกูลเหยียนเก็บมาเลี้ยงนั้นมาจากยูนนาน ก็รู้สึกระแวงอย่างไม่อาจอธิบายได้
โจวจินหนานมุ่นคิ้ว “ถ้าเจียงเสวี่ยอิงไม่ได้มีปัญหาล่ะ”
สวี่ชิงตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “งั้นก็ถือว่านัดญาติมากินข้าวด้วยกันมื้อหนึ่ง พวกเราเองก็ไม่มีอะไรเสียหายเสียหน่อยค่ะ”
โจวจินหนานสะกดยิ้มมุมปาก เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่สวี่ชิงเข้าไปพูดกับเฟิงซูฮวาครึ่งค่อนวัน ก็เดาว่าน่าจะไปพูดเรื่องนี้
เขาเองก็ไม่ถามให้มากความอีก “คุณย่าบอกว่าจะออกไปเดินเล่น ในห้องครัวมีน้ำเต้าหู้กับซาลาเปาอยู่ คุณไปล้างหน้าล้างตาเถอะ ให้ผมอุ่นให้ไหม”
สวี่ชิงพยักหน้า “ดีค่ะ เดี๋ยวพวกเรากินเสร็จแล้วไปซื้อเนื้อกัน ไม่ใช่ว่าเกาจ้านอยากกินเกี๊ยวหรือคะ มื้อกลางวันพวกเขาน่าจะยังมาไม่ไหว น่าจะกินข้าวด้วยกันตอนเย็นเลย”
ผลลัพธ์กลับเป็นสวี่ชิงที่เดาผิด รอเธอล้างหน้าแปรงงฟันกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ตอนที่เก็บทำความสะอาดและกำลังเตรียมตัวออกไปซื้อของกิน เหยียนป๋อชวนก็พาหยวนฮวา เจียงเสวี่ยอิง และเหยียนจี้ชวนมาที่นี่
เจียงเสวี่ยอิงถอดชุดกาวน์สีขาวไปแล้ว หล่อนสวมเสื้อเชิ้ตคอปกสีขาว ท่อนล่างสวมกระโปรงบานยาวสีดำถึงน่องเล็ก รูปร่างผอมเพรียว ขับเน้นให้เอวคอดรูปร่างสูงโปร่ง
กระนั้นหล่อนยังคงมีท่าทางเย็นชา คล้องแขนกับหยวนฮวาอย่างสนิทสนม
เหยียนป๋อชวนยังคงเป็นคนกระตือรือร้นที่สุด มองสวี่ชิงอย่างรักใคร่เอ็นดู “พอพ่อกลับไปบอก ทุกคนก็ว่างพอดี อาหญิงของเธอเองก็เพิ่งเลิกเข้าเวรกะดึกกลับมาพอดี”
เหยียนจี้ชวนเป็นคนคุ้นเคยกันดีเดินมาข้างกายสวี่ชิงและตบไหล่เธอ “เธอเรียกเหล่าเหยียนว่าพ่อคำหนึ่งเขาก็ตื้นตันแทบแย่แล้ว กลับไปก็เอาแต่พูดจาไม่ได้ศัพท์ ถ้างั้นเธออย่าลำเอียงแล้วเรียกฉันว่าอาเล็กให้ฟังบ้างได้ไหม”
สวี่ชิงไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับความเอาแต่ใจเหมือนเด็กของเหยียนจี้ชวน และตะโกนเสียงใส “คุณอาเล็ก”
เหยียนจี้ชวนเลิกคิ้ว มองโจวจินหนานแล้วคลี่ยิ้ม “นายเองก็เรียกฉันว่าอาเล็กด้วยสิ”
โจวจินหนานขี้คร้านจะสนใจเขา ไปย้ายเก้าอี้สองสามตัวมาให้คนนั่งลง
หยวนฮวากวาดตามองรอบหนึ่ง ครั้นไม่เห็นเฟิงซูฮวาหลังจากนั่งลงมองสวี่ชิงรินชาก็ถามว่า “ชิงชิง คุณย่าของเธอล่ะ”
สวี่ชิงตอบด้วยสายตาเชื่อฟังเป็นเด็กดีมาก “ออกไปเดินเล่นแล้วค่ะ อีกเดี๋ยวน่าจะกลับมาแล้ว”
หยวนฮวาขมวดหัวคิ้ว “คงไม่ใช่รู้ว่าพวกเราจะมาแล้วโกรธจนออกไปหรอกนะ นิสัยของหล่อนยังเหมือนตอนสมัยรุ่น ๆ ไม่มีผิด ทั้งนิสัยเสีย ทั้งยังดื้อดึง”
สวี่ชิงเงยมองสบหยวนฮวาแวบหนึ่ง เลื่อนถ้วยชาไปตรงหน้านาง “งั้นคุณคงยังไม่เข้าใจคุณย่าของฉันมากพอ คุณย่าของฉันนิสัยดีมาก และก็เป็นคนดี เพียงแค่โชคไม่ดีเท่านั้น”
ประโยคเรียบๆ ไม่แสดงความโกรธ แต่กลับเหมือนเข็มที่ซ่อนอยู่ในฝ้าย ทิ่งเข้าในใจของหยวนฮวาในช่วงเวลาสั้น ๆ
นางรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าสวี่ชิงกำลังแดกดันตัวเอง แต่ก็ไม่อาจกระทำสิ่งใดได้ ฝืนหัวเราะ “งั้นฉันก็ต้องคาดไม่ถึงจริง ๆ พอแก่นิสัยคนก็เปลี่ยนไปอบอุ่นได้แล้ว”
สวี่ชิงยิ้มบางไม่พูดตอบโต้ เนื่องจากวันนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ
แล้วรินชาอีกถ้วยให้เจียงเสวี่ยอิง “อาหญิง ดื่มชาค่ะ”
การเรียกอาหญิงอย่างเคารพคำหนึ่งของสวี่ชิงทำให้เจียงเสวี่ยอิงตะลึงงันพักหนึ่ง ยื่นมือไปรับถ้วยชาในมือสวี่ชิง
ในสายตาสวี่ชิงมองเห็นว่าปลายนิ้วเรียวขาวของเจียงเสวี่ยอิงเต็มไปด้วยจุดเล็กๆสีแดง ราวกับถูกเข็มเล็ก ๆ แทง
มือนั้นสั่นเล็กน้อยครั้งหนึ่ง เมื่อชายังไม่ทันถึงมือของเจียงเสวี่ยอิงดีเธอก็ปล่อยมือ
สายตามองชาร้อนที่เพิ่งชงต้องลวกมือของเจียงเสวี่ยอิง แต่คิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาตบสนองของเจียงเสวี่ยอิงจะรวดเร็วอย่างประหลาดถึงขั้นลุกขึ้นหลบทัน
ดูแล้วไม่ใช่การตอบสนองของคนธรรมดา แต่เหมือนการตอบสนองของยอดฝีมือที่ผ่านการฝึกฝนมาเหล่านั้น
สวี่ชิงร้องอย่างตกใจคำหนึ่ง ใบหน้าตื่นตระหนกมองเจียงเสวี่ยอิง “ถ้วยชาร้อนเกินไป ฉันไม่ได้ถือให้ดี ไม่ได้ลวกคุณใช่ไหมคะ”
พูดอยู่ก็เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ไม่รอให้เจียงเสวี่ยอิงตั้งตัว ก็จับมือของหล่อนแน่น นิ้วชี้กดชีพจรของหล่อนอย่างแม่นยำ
เจียงเสวี่ยอิงกำลังเสียใจที่เมื่อครู่หลบเร็วเกินไป ตอนนี้ถูกสวี่ชิงกุมมืออย่างกะทันหัน ก็รีบเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรจ้ะ โชคดีที่ฉันหลบเร็ว”
สวี่ชิงยังคงกุมมือหล่อนไว้ สายตาพิจารณ์ขึ้นลง ปากก็พูดจ้อ “ไม่ได้ลวกจริง ๆ ใช่ไหมคะ ไอหยา ฉันไม่ระวังเกินไปจริง ๆ แล้ว”
จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นพูดพล่ามไม่หยุดขึ้นมา
เหยียนป๋อชวนมองเห็นอย่างชัดเจน และก็ไม่แปลกใจที่เจียงเสวี่ยอิงจะที่การตอบสนองที่ดีขนาดนี้ เนื่องจากเจียงเสวี่ยอิงอยู่ในบ้าตระกูลเหยียนก็ได้ฝึกวิชากังฟูมาจากผู้เฒ่าเหยียนสองสามปี หลบได้เขาก็ไม่แปลกใจนัก
ตอนนี้เขาเพียงแค่กังวลว่าสวี่ชิงจะตกใจขวัญหาย จึงพูดปลอบด้านข้าง“ชิงชิงไม่ต้องกลัว น้ำไม่ได้โดนตัวอาหญิงเธอเลย ไม่หรอกตกใจไป”
สวี่ชิงได้รับคำตอบที่คิดไว้แล้ว ปล่อยมือเดินไปข้างโจวจินหนาน เสียใจเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วงนี้ง่วงตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่นอนเยอะขนาดนั้นแล้ว ก็ยังง่วงอยู่สติก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวน่ะค่ะ”
โจวจินหนานประคองเธอนั่งลง เขาเองก็ตะลึงทักษะการแสดงของสวี่ชิงนิดหน่อย ท่าทางน่าสงสารของเมื่อครู่ตอนชุลมุนกับตอนนี้ ดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก
ถ้าไม่ใข่ว่าเขารู้ว่าสวี่ชิงจะลองเชิงเจียงเสวี่ยอิงล่ะก็ เขาคงเชื่อไปแล้ว
เหยียนป๋อชวนปวดใจแทนลูกสาว “ไม่เป็นไรๆ ไม่ได้โดนลวกเหมือนกัน ลูกไม่ต้องกังวล”
เจียงเสวี่ยอิงบีบมือที่ถูกบีบอย่างแรงเมื่อครู่ ลูบแล้วมือยังรู้สึกเจ็บเล็กน้อย หลังจากนั่งลงอีกครั้ง ก็มองสวี่ชิง “ง่วงนอเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนท้อง ดูสีหน้าเธอก็ไม่เลว ให้ฉันจับชีพจรให้ไหม”
สวี่ชิงโบกมือโดยเร็ว “ไม่แล้วค่ะ ๆ”
แล้วหันหน้าไปมองเหยียนป๋อชวน “พ่อค่ะ บ่ายนี้พวกเรากินข้าวกันที่บ้านเถอะค่ะ คนเยอะขนาดนี้ พวกเราห่อเกี๊ยวกินกัน”
เหยียนป๋อชวนลังเล “คนเยอะยุ่งยากเกินไป พวกเราไปกินข้าวที่ร้านอาหารเถอะ”
สวี่ชิงขยี้ตาลุกขึ้นยืน “ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนห่อด้วยกันคึกคักดีออก ตั้งแต่โตมาหน้าที่ห่อเกี๊ยวก็เป็นของฉันคนเดียว ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนได้มาห่อเกี๊ยวมีประสบการณ์ทำร่วมกันเป็นพิเศษ”
เหยียนป๋อชวนพลันปวดใจกับคำพูดนี้ของลูกสาว ตอบตกลงทันที “งั้นก็ห่อเกี๊ยวที่บ้านแล้วกัน อยากให้พ่อกับอาเล็กไปซื้ออะไรก็บอก ถึงตอนนั้นลูกห่ออย่างเดียวก็พอแล้ว”
สวี่ชิงเองก็ไม่เกรงใจ พูดสิ่งที่ต้องซื้อออกมารวดเดียว
สุดท้ายก็เป็นโจวจินหนานกับเหยียนจี้ชวนที่ไปซื้อ สวี่ชิงพาพวกเหยียนป๋อชวนไปนั่งดื่มชาที่ลานหน้าบ้าน
สวี่ชิงรู้สึกว่าถ้าไม่มีหยวนฮวากับเจียงเสวี่ยอิงจะบรรยากาศดีมาก
เหยียนป๋อชวนเป็นชายโสดมาโดยตลอด ตอนนี้ในสายตามีแค่ลูกสาว ถามสวี่ชิงว่ามีตรงไหนไม่สบายอีกบ้างไม่หยุด
มองสวี่ชิงหาวหวอดหางขึ้นสีแดง ก็ดันตัวสวี่ชิงให้กลับห้องไปนอนสักคครู่อีกครั้ง
สวี่ชิงขยี้ตา “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะอยู่คุยเป็นเพื่อนพวกคุณ”
ขณะที่พูดอยู่เฟิงซูฮวาก็เดินถือไม้เท้ากลับมาช้า ๆ ในมือยังถือคางคกหน้าตาน่าเกลียดมาหนึ่งพวง ผิวหน้าของมันเป็นสีดำทองที่หาได้ยากมาก ทำให้คางคกน่าเกลียดตัวยิ่งขี้เหร่เข้าไปใหญ่
เจียงเสวี่ยอิงมองเชือกหญ้าที่มัดคางคกสองสามตัวเอาไว้ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อาหญิงคนนี้น่าสงสัยจังเลยค่ะ มาจากยูนนานแถมยังมีทักษะการแพทย์และกังฟูด้วย
ไหหม่า(海馬)