เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 245 เล่ห์เหลี่ยมของสวี่ชิง
บทที่ 245 เล่ห์เหลี่ยมของสวี่ชิง
สวี่ชิงกับโจวจินหนานยืนอยู่อีกด้าน มองเจียงเสวี่ยอิงกับพวกสองสามคนถามสถานการณ์ของคนไข้
สุดท้ายก็เดินมาถึงเตียงเกาจ้าน หลังจากถามสถานการณ์อย่างง่าย เจียงเสวี่ยอิงก็ไม่พูดอะไร คนกลุ่มหนึ่งก็จากไป
ทำให้สวี่ชิงยิ่งรู้สึกในใจยุ่งเหยิง นี่คือการตรวจห้องอะไรกัน
หลังจากบอกลาเกาจ้านก็ออกไปพร้อมกับโจวจินหนาน ทันทีที่ออกมาจากห้องพักผู้ป่วยก็พลันรู้สึกเหนื่อยไปทั้งตัว หาวออกมาครั้งหนึ่ง มองโจวจินหนานทั้งน้ำตาคลอเบ้า “ง่วงจังเลยค่ะ พวกเรารีบกลับไปนอนสักหน่อยดีกว่า พรุ่งนี้เช้าต้องไปบอกคุณย่าว่าไปบ้านพักคนชราไม่ได้แล้ว”
เธอยังรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ที่การตรวจร่างกายคุณย่าต้องช้าไปอีกสองวัน
โจวจินหนานพูดปลอบเธอ “รุ่งเช้าผมจะจัดการให้ หาคนมาดูแลเกาจ้าน พวกเราเดินทางไปพรุ่งนี้เช้าก็ได้”
ตอนลงมาจากตึก แสงไฟก็ยิ่งสลัว บันไดทั้งชั้นเงียบสงัด
สวี่ชิงยื่นมือไปกอดแขนโจวจินหนาน ร่างกายเข้าไปแนบชิด “ฉันง่วงเกินไปจริง ๆ ค่ะ คุณนำฉันเดินแล้วกัน”
เดิมโจวจินหนานยังรู้สึกลำบากใจนิดหน่อย ถ้าคนอื่นเห็น ถึงแม้จะเป็นสามีภรรยากันก็ส่งผลกระทบไม่ดีเช่นกัน แต่พอได้ยินสวี่ชิงพูดแบบนี้ ก็เลิกสนใจทันทีแล้วประคองเธอเดินลงบันได
ขณะเดินออกมาจากประตูห้องฉุกเฉิน สวี่ชิงก็ยังไม่ปล่อยมือ ยังคงกอดแขนโจวจินหนานเอาไว้อย่างเกียจคร้าน เปลือกตาลืมครึ่งหนึ่ง รู้สึกเหมือนเดิน ๆ อยู่ก็สามารถนอนได้เลยอย่างนั้น
โจวจินหนานก็ยิ่งไม่อดทนอีกแล้ว และก็ไม่สนว่าจะถูกคนอื่นมองยังไง ยื่นมือโอบรอบเอวเธอและพากันกอดเดินไปข้างหน้า
เดินลงมาที่หน้าประชาสัมพันธ์ก็พบกับเจียงเสวี่ยอิงที่ไม่รู้ว่ามายืนข้างกระดานประกาศข่าวตั้งแต่ตอนไหน สองมือล้วงกระเป๋ามองทั้งสองด้วยสายตาเย็นเยียบ
โจวจินหนานเพียงทำเป็นมองไม่เห็นกอดสวี่ชิงพาเดินไปข้างหน้า
สายตาของเจียงเสวี่ยอิงตกลงที่ตัวของสวี่ชิง และเลยมองไปท้องน้อยก่อนจะดึงสายตากลับมาถึงค่อยเอ่ยปาก “พวกเธอจะกลับแล้วเหรอ ชิงชิงไม่สบายหรือ”
โจวจินหนานชะลอฝีเท้า พยักหน้า “นี่ก็ดึกแล้วครับ หล่อนง่วงนิดหน่อยด้วย”
เจียงเสวี่ยอิงทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่ตอบอืมคำหนึ่ง “งั้นเดินระวังหน่อย ฉันได้ยินว่าชิงชิงท้องอยู่ คนท้องชอบง่วงบ่อย”
โจวจินหนานไม่พูดอะไรอีก หรี่ตาทั้งที่กอดสวี่ชิงเดินไปข้างหน้า
สวี่ชิงก็ให้ความร่วมมือยิ่งส่งเสียงฮึคำหนึ่ง พูดงึมงำเสียงเบาว่าง่วงจังเลย
หลังจากขึ้นรถไปจู่ ๆ สวี่ชิงก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา พิงเบาะนั่ง “คิดไม่ถึงว่าเกาจ้านจะขับรถมือเดียวก็ได้ มือขวาเขายังไม่หายดี คาดไม่ถึงว่าจะสามารถเข้าเกียร์ได้
โจวจินหนานปรายตามองเธอแวบหนึ่ง “ไม่ง่วงแล้วเหรอ คุณเอนหลังนอนสักหน่อย เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”
สวี่ชิงยกยิ้มขึ้นมา “จู่ ๆ ก็รู้สึกไม่ง่วงแล้ว คุณรีบขับรถเถอะ คุณย่าน่าจะยังไม่นอนรอพวกเรากลับอยู่แน่”
ตอนทั้งสองคนมาถึงบ้าน เฟิงซูฮวาก็ยังไม่หลับ ลานหน้าบ้านมีไฟเปิดอยู่ ประตูใหญ่ก็เปิดเอาไว้ มีไป๋หลางนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตู
ไฟในห้องนอนของเฟิงซูฮวาเปิดอยู่ สวี่ชิงยิ้มแล้วให้โจวจินหนานเข้าไปพักผ่อนก่อน ส่วนเธอเดินไปหาเฟิงซูฮวา
ย่าหลานพูดคุยกันอยู่ในห้องพักหนึ่ง สวี่ชิงถึงค่อยเดินกลับห้อง
เห็นโจวจินหนานนั่งพลิกหนังสืออ่านอยู่บนเตียง ก็เดินไปกอดคอของเขา “ไอหยา ตอนนี้ฉันง่วงมากเลย ง่วงจังเลยๆ พวกเรารีบนอน พรุ่งนี้เช้าถ้าฉันลุกไม่ขึ้น คุณก็ไปซื้อเนื้อแพะกลับมา ต้องเป็นเนื้อส่วนขาแพะที่ติดมันน้อยหน่อยนะคะ”
โจวจินหนานมองสวี่ชิงอย่างสงสัย “หรือว่าเมื่อกี้นี้คุณแกล้งง่วง”
สวี่ชิงยิ้มจนตาโค้ง “คุณเดาสิคะ”
………
เช้าวันรุ่งขึ้น สุดท้ายสวี่ชิงก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมา แม้แต่พวกผางเจิ้งหัวเข้ามาก็ยังไม่ได้ยิน พอนอนเกือบจะสิบโมงถึงค่อยลืมตาขึ้นมา
ตอนลุกขึ้นเหยียนป๋อชวนก็มาหาแล้ว นั่งเล่นหมากล้อมกับโจวจินหนานในลานบ้าน
แต่กลับไม่เห็นเฟิงซูฮวา
สวี่ชิงขยี้ตาแล้วนั่งไปนั่งข้าง ๆ พวกเขาสองคน ตำหนิโจวจินหนานเสียงเบา “ทำไมคุณไม่เรียกฉันคะ”
เหยียนป๋อชวนยกยิ้มขึ้นมา “พ่อเป็นคนบอกไม่ให้เขาเรียกเอง ได้ยินพวกลูกไปโรงพยาบาลกลับมาดึกมาก เลยให้นอนพักผ่อนมากหน่อย”
สวี่ชิงยิ้มอย่างเขิน ๆ นิดหน่อย “ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ก็รู้สึกง่วงเป็นพิเศษ กลับมาล้มตัวลงนอนก็นอนยาวมาจนถึงตอนนี้”
พูดอยู่ก็อดหาวไม่ได้ หางตาเปลี่ยนเป็นริ้วแดง น้ำตาคลอหน่วย
ใบหน้าเหมือนยังนอนไม่เต็มอิ่มท่าทางดูยังง่วงงุนอย่างมาก
เหยียนป๋อชวนเป็นห่วงเล็กน้อย “ถ้ายังนอนไม่พอก็กลับไปนอนต่อเถอะ อยากได้อะไรเดี๋ยวพ่อช่วยทำให้”
สวี่ชิงรีบโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องหรอกค่ะๆ น่าจะเพราะท้องอยู่”
เหยียนป๋อชวนเองก็ไม่พูดอะไร หลังจากเดินหมากไปสองช่องก็มองสวี่ชิง “อาหญิงของลูกเองก็อยู่ในเมืองหลวงมณฑลนี้เหมือนกัน พ่อเพิ่งรู้เช้าวันนี้ หล่อนมาก่อนพวกเราวันหนึ่ง”
สวี่ชิงขยี้ตา “อืม เมื่อคืนฉันเจอหล่อนที่โรงพยาบาลแล้ว ชื่อเจียงเสวี่ยอิงใช่ไหมคะ หน้าตาสวยทีเดียว”
เหยียนป๋อชวนขมวดคิ้ว “นิสัยหล่อนเป็นแบบนั้น ชอบไม่สนใจใครอยู่แล้ว พูดจาก็เย็นชามาก ถ้าไม่คิดจะสนใจก็จะไม่สนเลย”
สวี่ชิงยิ้มแล้ว “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าหล่อนชอบฉัน พวกเราก็ลองคบหากันดูสักพักก็ได้ ถ้าไม่ชอบฉัน ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”
พูดจบก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เมื่อก่อนฉันไม่ยักรู้ว่าคุณอาหญิงไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของตระกูลเหยียน งั้นทำไมจนถึงตอนนี้หล่อนก็ยังไม่แต่งงานคะ”
โจวจินหนานพลันมองตาเหยียนป๋อชวน ในดวงตามีความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น
เหยียนป๋อชวนไม่สบอารมณ์เหมือนหมากมาทุบเขา เขาไม่มองสายตาของโจวจินหนาน อธิบายกับสวี่ชิงด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เหตุผลของหล่อนคนนี้ พ่อเองก็ไม่สะดวกจะตอบ อีกทั้งหลังจากอายุมากแล้ว เราก็เจอหล่อนกันน้อยมาก”
เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งก็ไม่สะดวกจะพูดซุบซิบนินทาเรื่องที่เก็บมานานหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกสาวที่เพิ่งกลับมารู้จัก
ในเวลาเดียวกันเขาเองก็พยายามนึกใบหน้าของเจียงเสวี่ยอิง
เพราะเรื่องที่หล่อนชอบตัวเองแต่ไหนมาเขาไม่เคยพูดต่อหน้า และก็ไม่เคยทำเรื่องที่เกินขอบเขต อีกทั้งหลายปีนี้เองหล่อนก็คอยอยู่เป็นเพื่อนกับพ่อแม่
ไม่ว่าจะพูดด้านไหน เหยียนป๋อชวนก็ทำเรื่องพูดลับหลังของเจียงเสวี่ยอิงไม่ได้
สวี่ชิงตั้งใจมองสีหน้าของเหยียนป๋อชวนก็รู้ว่าเขาพูดความจริง แต่เจียงเสวี่ยอิงเป็นเหมือนอย่างที่หล่อนแสดงออกมาจริงหรือ นิ่งและสงบ ปฏิบัติกับทุกสิ่งอย่างเย็นชา
งั้นก็ได้แต่รอให้หล่อนถอดหน้ากากความลับของหล่อนออกมาเองแล้ว
เธอจับใต้คางมองเหยียนป๋อชวนเล่นหมากกับโจวจินหนาน มองโจวจินหนานกำลังจะแพ้ จู่ ๆ ก็เอ่ยปากว่า “ฉันคิดว่าในเมื่อคุณอาหญิงเองก็อยู่ในเมือง อาเล็กกับคุณย่าเองก็อยู่ พวกเราควรมากินข้าวด้วยกันดีไหมคะ พ่อ พ่อว่ากินที่ร้านอาหารดีหรือว่ากินที่บ้านดีคะ”
คำว่าพ่อเรียกเหยียนป๋อชวนโดยไม่ทันตั้งตัว เดิมหมากที่กำลังวางลงข้างเรือของโจวจินหนาน ก็หันกลับไปมองสวี่ชิงอย่างตื่นเต้น “ชิงชิง เรียกอีกสิ”
เมื่อครู่สวี่ชิงหลุดปากเรียกคำหนึ่ง พบว่าที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้เอ่ยปากยากขนาดนั้น เธอยิ้มขณะมองเหยียนป๋อชวน “พ่อ….”
ปลายเสียงยาวเล็กน้อย แฝงความออดอ้อนนิดๆ
เหยียนป๋อชวนส่งเสียงอย่างตื้นตัน ขอบตารู้สึกร้อนผ่าว จ้องมองสวี่ชิง
สวี่ชิงอดตาแดงไม่ได้เช่นกัน แต่กลับพยายามฝืนยิ้ม “พ่อ คุณลองดูว่าคุณอาหญิงกับคุณย่าแล้วก็อารองมีเวลาตอนไหน วันนี้เที่ยงหรือไม่ก็เย็นนี้ไปกินข้าวกันไหมคะ”
เหยียนป๋อชวนพยักหน้า “ดี ดี พ่อจะกลับไปถามนะ”
โจวจินหนานวางหมากลงด้านบนตัวชือ*ของเหยียนป๋อชวน “ผมชนะแล้ว!”
*ซือ ก็คือ ตัวคิง
เหยียนป๋อชวนขี้คร้านจะสนใจเขา ลุกขึ้นพูดกับสวี่ชิง “พ่อจะกลับไปถามตอนนี้เลย”
หลังจากรอให้เหยียนป๋อชวนไปแล้ว โจวจินหนานก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย “อยู่ ๆ ทำไมถึงคิดอยากชวนพวกเขาไปกินข้าว”
เขารู้สึกว่าท่าทางที่สวี่ชิงแสดงออกต่อเจียงเสวี่ยอิงกับหยวนฮวานั้นเฉยเมยมาก เฉยเมยแบบที่ว่าไม่มีความเกี่ยวกันจะดีกว่าแบบนั้น
นัยน์ตาสวี่ชิงเผยรอยยิ้ม “ล่อจับผี!”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
สวี่ชิงเองก็ร้ายกาจไม่เบานะคะ ให้มากินข้าวแบบเจอกันหมดนี่คงบันเทิงน่าดู
ไหหม่า(海馬)